พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส

kronkanok profile image kronkanok
[Archived]
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม 2556พระราชดำรัส 5 ธันวาคม 2555
ในหลวงพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัส ในพระราชพิธีเสด็จออกมหาสมาคม ณ
สีหบัญชร ความว่า“คำอวยพรและคำปฏิญาณสัญญา ที่ทุกท่านได้กล่าวนั้น
เป็นที่ประทับใจมาก ขอขอบพระทัยและขอบใจท่านทั้งหลาย ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน
ที่พรั่งพร้อมกันมาด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิตความปรารถนาดีและความพร้อมเพรียงกันของทุกท่าน
อย่างที่ได้เห็นในวันนี้ ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจ มีกำลังใจมากขึ้น
ด้วยมีความเชื่อเสมอมาว่า ความเมตตาปรารถนาดีของท่านต่อกันนี้ เป็นปัจจัยอย่างสำคัญ
ที่จะทำให้ความพร้อมเพรียงให้เกิดมีขึ้น ทั้งในหมู่คณะ และในชาติบ้านเมือง
และถ้าคนไทยเรายังมีคุณธรรมข้อนี้ประจำอยู่ในจิตใจ ก็มีความหวังได้ว่า บ้านเมืองไทย
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ๆ ก็จะอยู่รอดปลอดภัย
และดำรงมั่นคงต่อไปได้ตลอดรอดฝั่งอย่างแน่นอน”“ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่าน
และชาติไทย ให้มีแต่ความผาสุก ร่มเย็น ยั่งยืนไป”หมายเหตุ : ทรง “ขอบพระทัย” พระบรมวงศานุวงศ์ และทรง “ขอบใจ”
ข้าราชการและประชาชนทุกหมู่เหล่า อ่านแล้วจะรัก “ในหลวงของเรา” ยิ่งขึ้น 1. ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีอย่างธรรมดาว่า
“แม่”2. สมัยทรงพระเยาว์ ทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย
เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม3.
หากทรงทำกิจกรรมแล้วมีกำไรจะถูกเก็บภาษี 10% ทุกสิ้นเดือน
สมเด็จพระราชชนนีจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินไปทำอะไรเช่น
มอบให้โรงเรียนคนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า
หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน4. ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2
ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง5.
พระอัจฉริยภาพมาจากการเล่น หากอยากได้ของเล่นต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อหรือประดิษฐ์เอง
ทรงหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐาซื้อชิ้นส่วนวิทยุเอามาประกอบเองแล้วแบ่งกันฟัง6.
ทรงพระราชนิพนธ์เพลง “แสงเทียน” ครั้งแรกเมื่อ 18 พรรษา
ครั้งหนึ่งทรงฉวยซองจดหมายแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง
“เราสู้” จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ 48 เพลง7.
ทรงนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทยที่
รพ.จุฬาฯ และ รพ.ภูมิพล
รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อน8.
ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ์เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหรือ
“กังหันชัยพัฒนา”9.
ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทนเช่น
แก๊สโซฮอล์ ดีโซฮอลล์ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20
ปี10. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมีจำนวนกว่า 3,000
โครงการ โครงการสวนจิตรลดาเริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์ 32,866.73 บาท
แล้วก็ค่อยๆ เติบโตอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้11.
ทรงประดิษฐ์ฟอนต์จิตรลดาและฟอนต์ภูพิงค์ในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้
และทรงเชี่ยวชาญ 6 ภาษาคือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน
และสเปน12. ทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป ปิดอากรแสตมป์ 10
สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท หลังอภิเษกสมรส
ทรงฮันนีมูนที่หัวหิน13. ครั้งหนึ่ง
ทรงแข่งเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับเพราะไปโดนทุ่น
ซึ่งในกติกาถือว่าฟาวส์ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครเห็น14.
เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อทำเอกสาร ทรงโปรดให้กรอกในช่องอาชีพของพระองค์ว่า
“ทำราชการ”15. ของใช้ส่วนพระองค์ไม่จำเป็นต้องมียี่ห้อดัง
การถวายของให้พระองค์จึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง
ไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับยกเว้นนาฬิกา16. หลอดยาสีพระทน
ทรงใช้จนแบนราบโดยเฉพาะบริเวณคอหลอดจะมีรอยบุ๋มลึก
ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนช่วยรีดและกด17.
พระเกศาที่ทรงตัดแล้วส่วนหนึ่งมอบให้ทหาร
อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคลเพื่อมอบให้ราษฎรที่ทำความดีแก่ประเทศชาติ18.
ครั้งหนึ่งเมื่อเสด็จฯ เยี่ยมโครงการ ปรากฏว่ามีฝนตกลงมาอย่างหนัก
ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน
จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่มแล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรกลางสายฝน19.
วันที่ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลัง (20 กรกฎาคม 2549)
ทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ
เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน20.
ห้องทรงงานอยู่ใกล้ห้องบรรทม เป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3×4 เมตร ภายในมีวิทยุ โทรทัศน์
โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์แผนที่
ฯลฯ21. ปีหนึ่งๆ ทรงเบิกดินสอ 12 แท่ง
ใช้เดือนละแท่งจนกระทั่งกุด ทุกครั้งที่เสด็จฯ ไปยังสถานที่ต่างๆ
จะทรงมีแผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง (ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป
และดินสอที่มียางลบ22. ทรงพระราชทานปริญญาบัตรตั้งแต่ปี 2493
จน 29 ปีต่อมามีผู้คำนวณว่าเสด็จพระราชทาน 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม.
ทรงยื่นพระหัตถ์ 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด
141 ตัน23.
ทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียวบำบัดทุกข์บำรุงสุขราษฎรมากว่า 60
ปี24. ทรงตรัสว่า “ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก
บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน
เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ”พระราชดำรัส 5 ธันวาคม 2555
ในหลวงพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทย
ความคิดเห็น