พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส

kronkanok profile image kronkanok
[Archived]
ความเจริญของประเทศชาติ เป็นความเจริญส่วนรวม
ซึ่งเกิดจากผลงานหรือผลของการกระทำของคนทั้งชาติ
ถือได้ว่าทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำประโยชน์ให้แก่ชาติ ตามความถนัดและความสามารถ
และเกื้อกูลกันและกัน ไม่มีผู้ใดจะอยู่ได้และทำงานให้แก่ประเทศชาติได้โดยลำพังตนเอง

พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (1)
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 10 กรกฎาคม
2513)บ้านเมืองของเรากำลังต้องการการปรับปรุงและการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ
ทางที่เราจะช่วยกันได้ก็คือ การที่ทำความคิดให้ถูกและแน่วแน่
ในอันที่จะยึดถือประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่หมาย
ต้องเพลาการคิดถึงประโยชน์เฉพาะตัว และความขัดแย้งกันในสิ่งที่มิใช่สาระลง
พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (2)
(พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทยในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2543)ถ้าทุกคนสนใจในความรักประเทศชาติ รักษาความดีเอาไว้
ไม่ต้องไปตามอย่างในสิ่งที่เราเห็น ว่าไม่น่าที่จะเจริญไม่น่าจะพัฒนา
เราต้องรักษาแนวทางความคิดตามที่เรามีอยู่
แม้จะเป็นสิ่งที่ตกทอดมาแต่โบราณกาลจากปู่ย่าตายายของเรา
แต่เป็นระเบียบการหรือเป็นวิธีการที่ดี จะไม่ล้าสมัย
พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (3)
(ในโอกาสเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร 13
มีนาคม 2514)การมีเสรีภาพนั้น เป็นของที่ดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อจะใช้
จำเป็นต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง และควมรับผิดชอบ
มิให้ล่วงละเมิดเสรีภาพของผู้อื่นที่เขามีอยู่เท่าเทียมกัน
ทั้งมิให้กระทบกระเท้อนถึงสวัสดิภาพและความเป็นปกติสุขของส่วนรวมด้วย
พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (4)
(พระราชทานแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ 9 กรกฎาคม 2514)ในการปฏิบัติราชการนั้น ขอให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่
อย่านึกถึงบำเหน็จรางวัลหรือผลประโยชน์ให้มาก ขอให้ถือว่าการทำหน้าที่ได้สมบูรณ์
เป็นทั้งรางวัลและประโยชน์อย่างประเสริฐ
จะทำให้บ้านเมืองไทยของเราอยู่เย็นเป็นสุขและมั่นคง
พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (5)
(เนื่องในโอกาสวันข้าราชการพลเรือน 1 เมษายน 2533)คนเราถ้าพอใจในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย
เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย
ถ้าทุกประเทศมีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่าพอประมาณ ไม่สุดโต่ง
ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข
พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (6)
(พระราชทานแก่คณะบุคคลที่เข้าเฝ้าฯ ณ ศาลาดุสิดาลัย 4 ธันวาคม
2541)การดำเนินชีวิตโดยใช้วิชาการอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ
จะต้องอาศัยความรู้รอบตัวและหลักศีลธรรมประกอบด้วย
ผู้ที่มีความรู้ดีแต่ขาดความยั้งคิด นำความรู้ไปใช้ในทางมิชอบ
ก็เท่ากับเป็นบุคคลที่เป็นภัยแก่สังคมของมนุษย์
พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (7)
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 18 กันยายน
2504)ความคิดนั้นเป็นแม่บทใหญ่ของการพูดและการกระทำ
เพราะกิจที่จะทำคำที่จะพูดทุกอย่างล้วนสำเร็จมาจากความคิด
การคิดก่อนพูดและก่อนทำจึงช่วยให้หบุคคลสามารถยับยั้งคำพูดที่ไม่สมควร
หยุดยั้งการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (8)
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 10 กรกฎาคม
2540)คนไม่มีความสุจริต คนไม่มีความมั่นคง ชอบแต่มักง่าย
ไม่มีวันจะสร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวมที่สำคัญอันใดได้
ผู้ที่มีความสุจริตและความมุ่งมั่นเท่านั้น
จึงจะทำงานสำคัญยิ่งใหญ่ที่เป็นคุณประโยชน์แท้จริงได้สำเร็จ
พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (9)
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 12 กรกฎาคม
2522)การดำรงชีวิตที่ดีจะต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา
การปรับปรุงตัวจะต้องมีความเพียรและความอดทนเป็นที่ตั้ง ถ้าคนเราไม่หมั่นเพียร
ไม่มีความอดทน ก็อาจจะท้อใจไปโดยง่าย เมื่อท้อใจไปแล้ว
ไม่มีทางที่จะมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองแน่ๆ
พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (10)
(พระราชทานแก่ครูและนักเรียน โรงเรียนจิตรลดา 27 มีนาคม 2523)
ความคิดเห็น