Q | A |
1. จ่ายเงินค่าเช่าบ้านในใบเสร็จรับเงินลงวันที่ 1 ของเดือน (จ่ายเงินล่วงหน้า) จะนำมาเบิกค่าเช่าบ้านได้ตั้งแต่เมื่อใด | 1. จะนำมาเบิกจ่ายได้ เมื่อพ้นสิ้นเดือนไปแล้ว เพราะต้องเข่าจริง และอาศัยอยู่จริง |
| |
2. จ่ายขำระค่าเช่าบ้านในใบเสร็จรับเงินมีค่าน้ำ และค่าไฟฟ้า รวมอยู่ด้วยจะเบิกทั้งหมดได้หรือไม่ | 2. เบิกได้เฉพาะค่าเช่าบ้านเท่านั้น ไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า |
| |
3. ได้รับคำสั่งให้เดินทางไปรับราชการประจำในต่างท้องที่ ในวันที่ 1 สิงหาคม 2553 และได้เดินทางมารายงานตัวเพื่อปฏิบัติ ราชการในวันที่ 10 สิงหาคม 2553 จะเบิกค่าเช่าบ้านได้ ตั้งแต่เมื่อใด | 3. เบิกได้ตั้งแต่วันที่เช่าอยู่จริงแต่ไม่ก่อนวันที่ 10 สิงหาคม 2553 |
| |
4. ได้รับคำสั่งให้เดินทางไปปฏิบัติราชการประจำต่างท้องที่ และ ทางราชการได้จัดบ้านพักให้แต่หลังเล็กเกินไปไม่สามารถ เข้าพักอาศัยได้เนื่องจากสมาชิกในครอบครัวมีหลายคน และได้ไปเช่าบ้าน สามารถเบิกค่าเช่าบ้านได้หรือไม่ | 4. ไม่สามารถเบิกค่าเช่าบ้านได้เนื่องจากทางราชการได้จัด ที่พักให้แล้ว |
5. ผมและแฟนต่างใช้สิทธิเบิกค่าเช่าซื้อ(คนละหลัง) อยุ่ใน อำเภอ ก แต่ต่างสำนักงานกัน ถ้าแต่งงานแล้ว จดทะเบียน สมรสกันจะมีผลต่อการเบิกค่าเช่าบ้านของแต่ละคนหรือไม่ | 5. มีสิทธิแต่ให้เลือกใช้สิทธิได้คนเดียว |
| |
6. ปัจจุบันช่วยราชการอยู่อ.เมืองนครราชสีมา มีสิทธิเบิกค่าเช่าซื้อบ้าน หากเขียนคำร้องขอย้ายมาลงในท้องที่ที่ปัจจุบันช่วยราชการอยู่ (อ.เมืองนครราชสีมา) และได้ย้ายตามคำร้อง อยากทราบว่าสิทธิ การได้รับค่าเช่าบ้านที่มีอยู่เดิมจะสิ้นสุดลงหรือไม่ | 6. ไม่สิ้นสุด เนื่องจากไม่ได้ย้ายตามมาตรก 7 จึงมีสิทธิเบิก ค่าเช่าบ้านไปจนกว่าจะย้ายออกนอกพื้นที่(อ.เมือง) หรือเป็น ไปตามมาตรา 7(1)(2) คือ ทางราชการจัดที่ัพักให้ หรือ มีบ้านเป็นของตนเอง |
| |
7. ข้าราชการขอใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านต่อเนื่องจากที่เดิม โดย ม่ได้เช่าบ้านพักอาศัยในที่แห่งใหม่ที่ตนย้ายมาปฏิบัติงาน แต่ได้ชี้แจงว่าสามารถเดินทางไป - กลับในแต่ละวันได้ จึงไม่ได้เช่าบ้านพักอาศัยที่แห่งใหม่ จะสามารถใช้สิทธิต่อเนื่อง เบิกค่าเช่าบ้านจากที่เดิมได้หรือไม่ | 7. ข้าราชการผู้นี้ย้ายไปปฏิบัติราชการท้องที่อื่นจึงต้องทำเรื่อง ขออนุมัติเบิกค่าเช่าบ้านใหม่ ซึ่ีงการเช่าบ้านอยู่ในดุลพินิจของ หัวหน้าส่วนราชการว่าจะให้เช่าอยู่ที่ใดก็ได้ ถ้าสามารถเดินทาง มาปฏิบัติราชการได้โดยสะดวก |
| |
8. กรณีข้าราชการใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านกรณีผ่อนชำระเงินกู้ใน ท้องที่ ก. ต่อมาย้ายไปท้องที่ ข. ตามคำร้องของตนเอง ทำให้หมดสิทธิเบิก ค่าเช้าบ้าน ต่อมาได้ขอโอนไปหน่วยงานอื่น ในท้องที่ ข. เหมือนเดิมข้าราชการผู้นี้จะสามารถใช้สิทธิตาม ม. 17 มาใช้ได้หรือไม่ | 8. ข้าราชการผู้นี้ไม่สามารถใช้สิทธิตามม. 17 ได้ เนื่องจากย้าย ไปท้องที่ ข. ตามคำร้องของตนเอง จึงไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน มาตั้งแต่ต้น เมื่อโอนไปหน่วยงานอื่นในท้องที่เดียวกัน ก็ไม่อาจ ทำให้ข้าราชการผู้นี้ กลับมามีสิทธิได้ เนื่องจากยังคงอยู่ใน ท้องที่เดิม |
| |
9. ข้าราชการโสดมีสิทธิเบิกเงินค่าเช่าบ้านเดือนละ 3,000 บาท ต่อมา ได้ลาไปศึกษาต่อต่างประเทศเป็นเวลา 4 ปี และยังขอเบิกค่าเช่าบ้าน เพื้อเก็บสัมภาระ จะเบิกค่าเช่าบ้านได้หรือไม่ | 9. ได้ เนื่องจากการที่ข้าราชการผู้มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านอยู่ระหว่าง ลาศึกษาต่อ ยังคงมีสภาพเป็นข้าราชการอยู่แต่อยู่ระหว่างลา หากจำเป็นต้องเช้าบ้านเพือ่ให้ครอบครัวอยู่อาศัยหรือเพื่อเก็บ สัมภาระ ก็มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านได้ตามพระราชกฤษฎีกา ค่าเช่าบ้านข้าราชการ |
| |
10. ข้าราชการที่ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการ โดยผ่อนขำระเงินกู้ ต่อมาภายหลังบ้านพักทางราชการว่างลง จำเป็นหรือไม่ที่ ผู้มีอำนาจจะต้องสั่งให้ข้าราชการดังกล่าวเข้าอยู่ในบ้านพัก ที่ว่างลงนั้น และหากจำเป็นต้องสั่งให้เข้าอยู่โดยมีข้าราชการ หลายรายที่อยู่ในข่าย ผู้มีอำนาจจำเป็นต้องใช้ดุลพินิจอย่างไร ที่จะเลือกว่าเป็นข้าราชการคนใดที่ต้องเข้าอยู่ในบ้านพักราชการ | 10. ต้องดูว่าข้าราชการรายนี้มีตำแหน่งอะไร หากดำรงตำแหน่ง ประเภทบริหาร อำนวยการ วิชาการตั้งแต่ระดับชำนาญการ พิเศษขึ้นไป หรือตำแหน่งทั่วไปตั้งแต่ระดับอาวุโสขึ้นไป หรือตำแหน่งตั้งแต่ระดับ 7 ขึ้นไปหากบ้านพักราชการว่าง ต้องเข้าพักอาศัยในบ้านพักราชการ หากไม่ใช่ตำแหน่ง ดังกล่าวไม่ต้องจัดให้เข้าพักอาศัยในบ้านพักราชการ ตาม หลักเกณฑ์และ วิธีการจัดข้าราชการเข้าพักอาศัยในบ้านพัก ของทางราชการ พ.ศ. 2551 ข้อ 3 (3) |