ความรู้เกี่ยวกับโรคไตที่ควรทราบ
กองอายุรกรรม โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
ไตเป็นส่วนหนึ่งของทางเดินปัสสาวะซึ่งมีหน้าที่สร้างปัสสาวะ ทางเดินปัสสาวะประกอบด้วยส่วนต่างๆ 4 ส่วน คือ ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และ ท่อปัสสาวะ ไตเป็นอวัยวะที่ผลิตปัสสาวะจากการกรองเอาของเสีย น้ำและเกลือแร่ส่วนเกินจากเลือดที่ไหลผ่านไต ปัสสาวะเมื่อผลิตจากไตแล้วจะผ่านมาทางท่อไตไปเก็บไว้ที่กระเพาะปัสสาวะ เมื่อปริมาณปัสสาวะที่เก็บไว้ในกระเพาะปัสสาวะมากพอเราจะรู้สึกปวดปัสสาวะ เมื่อถึงเวลาที่เราต้องการปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะจะบีบตัวและหูรูดของกระเพาะปัสสาวะจะเปิดออก ทำให้ปัสสาวะไหลผ่านท่อปัสสาวะออกสู่ภายนอก หน้าที่สำคัญของไตคือการสร้างปัสสาวะซึ่งจะช่วยขับของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญสารอาหารต่างๆ และช่วยในการรักษาความปกติของน้ำและเกลือแร่ของร่างกาย นอกจากนั้นไตยังมีหน้าที่ในการสร้างสารที่ควบคุมความดันโลหิต และสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ดังนั้นเมื่อไตทำงานน้อยลงมักเกิดปัญหาความดันโลหิตสูงและโลหิตจางร่วมด้วย
อาการของโรคไต บวม ทุกคนคงเคยมีการบวมมาแล้ว การบวมส่วนใหญ่เป็นการบวมเฉพาะที่ เช่นถูกแมลงกัดต่อย พกช้ำหลังเล่นกีฬา การบวมแบบนั้นมักไม่มีปัญหามาก การรักษาเฉพาะที่จะทำให้อาการบวมดีขึ้นในเวลาไม่นาน การบวมที่มีความสำคัญก็คือการบวมทั้งตัว ระยะแรกอาจมีเพียงการบวมที่หนังตา และหน้า จะรู้สึกว่าแหวนหรือรองเท้าคับขึ้น ต่อมาจะมีการบวมที่ขาและเท้าทั้งสองข้าง ถ้าบวมไม่มากอาจสังเกตุไม่เห็น ลองใช้นิ้วกดที่หน้าแข้งสักพักแล้วปล่อยจะมีรอยบุ๋มอยู่แสดงว่าบวมแน่น อาการบวมเกิดจากการมีน้ำและเกลือเพิ่มขึ้นในร่างกาย โรคสำคัญที่ทำให้บวมก็คือ โรคไต โรคหัวใจ และโรคตับ ดังนั้นถ้ามีการบวมทั้งตัวความรีบไปปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจเช็ค และอาจจำเป็นต้องเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะด้วย การซื้อยามารับประทานเอง อาจช่วยให้อาการบวมหายไปได้ แต่มักไม่ได้มีผลรักษาโรคโดยตรง ยาแก้บวมส่วนใหญ่ คือยาขับปัสสาวะซึ่งทำให้มีปัสสาวะมากขึ้น แต่อาจมีผลเสียจากยาและบดบังอาการของโรค ทำให้การรักษาล่าช้าไป ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะคนเราจะมีสีเหลืองใส อาจมีสีเข้มขึ้นเล็กน้อยถ้าดื่มน้ำน้อย ถ้าปัสสาวะที่ออกมามีสีออกแดงหรือเป็นแบบสีน้ำส้างเนื้อแสดงว่ามีเลือดออกจากทางเดินปัสสาวะ ถ้าจะให้แน่นอนว่ามีเลือดออกจริงหรือไม่จะต้องตรวจปัสสาวะดู คนปกติไม่ควรมีปัสสาวะเป็นเลือด ดังนั้นหากมีปัสสาวะดังกล่าวควรรีบไปปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเกิดจากโรคต่างๆ ได้หลายอย่างเช่น นิ่ว เนื้องอกของทางเดินปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ อุบัติเหตุกับทางเดินปัสสาวะ หรือ เส้นเลือดฝอยของไตอักเสบ โรคเหล่านี้ถ้ารีบรักษาตั้งแต่ระยะแรกมักจะได้ผลดีกว่าทิ้งไว้นาน ดังนั้นหากมีปัสสาวะสีผิดปกติควรมาพบแพทย์ แพทย์มักจะต้องให้ตรวจปัสสาวะ และถ้าพบเม็ดเลือดแดงก็จะต้องทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุและให้การรักษาต่อไป ปัสสาวะบ่อย คนเราแต่ละคนจะมีความถี่บ่อยของการปัสสาวะแตกต่างกัน ขึ้นกับการฝึกหรือนิสัยส่วนตัว รวมทั้งปริมาณน้ำที่ดื่มและน้ำที่เสียไปทางเหงื่อกับอุจจาระ การที่มีปัสสาวะบ่อยกว่าที่เคยเป็นอยู่ ในระยะเริ่มต้นอาจสังเกตุได้ไม่ชัดเจน อาการที่ต้องนึกถึงว่ามีปัสสาวะบ่อยผิดปกติก็คือ การตื่นขึ้นมาปัสสาวะตอนกลางคืน ในคนปกติจะไม่ตื่นมาปัสสาวะในตอนกลางคืนบ่อยกว่าคืนละครั้ง อาการปัสสาวะบ่อยเป็นอาการของโรคไตบางชนิด แต่ความจริงแล้วผู้ป่วยที่ปัสสาวะบ่อยมักจะไม่ได้เกิดจากโรคไต แต่เกิดจากสาเหตุอื่นมากกว่าที่พบบ่อยที่สุดก็คือ โรคเบาหวาน นอกจากนั้นอาจเกิดจาก เบาจืด, กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือการกินน้ำมากเกินไป นอกจากนั้นยังอาจเป็นอาการของโรคไตวายในระยะแรก ดังนั้นถ้ามีอาการปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะหากมากกว่าวันละ 3 ลิตร หรือตื่นมาปัสสาวะตอนกลางคืน ควรมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษา ปัสสาวะน้อยลง โดยทั่วไปเมื่อคนเราดื่มน้ำมากปัสสาวะมักจะมากขึ้น เมื่อดื่มน้ำน้อยปัสสาวะก็มักจะน้อยลงเช่นกัน แต่หากดื่มน้ำมากแต่ปัสสาวะไม่ออกมากตามหรือปัสสาวะไม่ออกเลย มักเกิดจากการทำงานของไตเสียไป หรือมีการอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ ดังนั้นเมื่อสังเกตุว่าปัสสาวะน้อยลงให้ลองรับประทานน้ำเพิ่มขึ้นและสังเกตุว่ามีปัสสาวะมากขึ้นหรือไม่ หากยังคงมีปัสสาวะออกน้อยถึงแม้จะดื่มน้ำมากขึ้นแล้วควรรีบมาปรึกษาแพทย์เพื่อให้การรักษาโดยทันที ปัสสาวะลำบาก ขณะที่เราปัสสาวะเมื่อเกิดการปวดปัสสาวะนั้น การปัสสาวะควรจะคล่องดีโดยไม่มีอาการขัด แสบ หรือปัสสาวะลำบาก หากมีอาการดังกล่าวอาจเกิดจากโรคของกระเพาะปัสสาวะ หรือท่อปัสสาวะโดยเฉพาะการตีบตันของบริเวณกระเพาะปัสสาวะส่วนล่างหรือการตีบของท่อปัสสาวะ เช่น นิ่ว กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ท่อปัสสาวะอักเสบหรือตีบตัน และต่อมลูกหมากโตในผู้ชาย หากมีอาการปัสสาวะลำบากควรรีบมาปรึกษาแพทย์เพื่อให้การวินิจฉัยและรักษา โดยทั่วไปมักจำเป็นต้องตรวจปัสสาวะหรือตรวจพิเศษเพิ่มเติม ปัสสาวะเล็ดราด ร่างกายจะควบคุมให้เรากลั้นปัสสาวะไว้ได้จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะโดยส่วนของกระเพาะปัสสาวะที่ต่อกับท่อปัสสาวะจะมีหูรูดบีบไว้ไม่ให้ปัสสาวะเล็ดราด เมื่อมีปริมาณของปัสสาวะมากขึ้นเต็มกระเพาะปัสสาวะแล้ว กระเพาะปัสสาวะก็จะบีบตัวพร้อมกับหูรูดจะขยายออกทำให้ขับปัสสาวะออกมา หากมีความผิดปกติของหูรูดดังกล่าวทำให้หูรูดไม่ทำงาน ทำให้ไม่สามารถเก็บปัสสาวะไว้ได้ อาการปัสสาวะเล็ดราดพบได้บ่อยในผู้หญิง โดยเฉพาะคนที่คลอดลูกหลายคน ทำให้เกิดการหย่อนยานของมดลูกหรือที่เรียกว่ากระบังลมหย่อน นอกจากนั้นอาจเกิดจากการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ หรือเนื้องอกของอวัยวะต่างๆ ที่อยู่ใกล้กับหูรูด
โรคไตและโรคระบบทางเดินปัสสาวะที่พบบ่อย กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นการติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะจากเชื้อโรค เชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของกระเพาะปัสสาวะอักเสบมักเป็นเชื้อโรคที่อาศัยอยู่บริเวณปลายของท่อปัสสาวะ ซึ่งเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่ายในผู้หญิงเนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นกว่าผู้ชาย กระเพาะปัสสาวะอักเสบจึงมักพบในผู้หญิงโดยเฉพาะในคนที่ชอบกลั้นปัสสาวะ อาการสำคัญได้แก่ ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อย แสบขัด ขุ่น บางครั้งอาจมีปัสสาวะเป็นเลือดและไข้ร่วมด้วย หากมีอาการดังกล่าวควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจปัสสาวะและเพาะเชื้อปัสสาวะ แพทย์มักให้การรักษาโดยการรับประทานยาฆ่าเชื้อ การปล่อยให้มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นอยู่นานโดยไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดกรวยไตอักเสบเฉียบพลันร่วมด้วยได้ การป้องกันไม่ให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบที่สำคัญก็คือการไม่กลั้นปัสสาวะ กรวยไตอักเสบ กรวยไตเป็นส่วนของไตซึ่งเป็นที่รวมของปัสสาวะที่กรองจากไตก่อนผ่านไปยังท่อไตและท่อปัสสาวะ กรวยไตอาจเกิดการอักเสบทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง แต่ส่วนใหญ่มักเป็นการอักเสบแบบเฉียบพลันซึ่งเกิดต่อเนื่องจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ กรวยไตอักเสบเฉียบพลันส่วนใหญ่พบในผู้หญิง ผู้ป่วยมักมีอาการ ไข้หนาวสั่น ปวดหลัง เคาะเจ็บบริเวณหลัง มักมีปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อย แสบขัด และ ขุ่น ร่วมด้วย หากมีอาการดังกล่าวควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจปัสสาวะและเพาะเชื้อปัสสาวะ รวมทั้งให้การรักษาโดยเร็ว หากอาการไม่มากรักษาโดยการรับประทานยาฆ่าเชื้อได้ แต่ถ้ามีอาการมากอาจจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลและฉีดยาฆ่าเชื้อเข้าเส้นเลือด การปล่อยให้มีกรวยไตอักเสบโดยไม่ได้รับการรักษาโดยทันท่วงทีอาจมีอันตรายรุนแรงถึงชีวิตได้ ไตวายเฉียบพลัน ไตวายเฉียบพลันเป็นภาวะที่มีการสูญเสียการทำงานของไตที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สาเหตุที่สำคัญมักเกิดจากการสูญเสียเลือดหรือน้ำและเกลือแร่จากร่างกายอย่างรุนแรง เช่น เสียเลือดจากอุบัติเหตุ หลังการผ่าตัด เลือดออกในกระเพาะอาหาร ท้องเสีย อาเจียน หรือการช็อคจากสาเหตุต่างๆ นอกจากนั้นอาจเกิดจากยาหรือสารพิษที่มีพิษกับไตโดยตรง อาการสำคัญของผู้ป่วยคือปริมาณปัสสาวะลดลง ร่วมกับสาเหตุต่างๆ ดังกล่าว ผู้ป่วยมักมีอาการหนักจนต้องรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล แพทย์จะให้การรักษาอย่างเร่งด่วนและอาจจำเป็นต้องล้างไตในผู้ป่วยบางราย ผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคที่เป็นสาเหตุของไตวายเฉียบพลัน แต่ถ้าผู้ป่วยมีชีวิตรอด ไตมักจะฟื้นตัวกลับเป็นปกติ โดยไม่จำเป็นต้องรับการรักษาแบบเรื้อรัง ไตวายเรื้อรัง เมื่อแพทย์ให้การวินิจฉัยว่าผู้ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรัง แสดงว่าเนื้อไตบางส่วนถูกทำลายไปอย่างถาวร มีการเกิดพังผืดและแผลเป็นในไต เนื้อไตส่วนที่เหลือจะพยายามทำหน้าที่แทน แต่ก็ไม่สามารถทำงานทดแทนได้ทั้งหมด ยังไม่มียาที่สามารถช่วยคืนสภาพไตให้กลับสู่ปกติได้ ยาที่ผู้ป่วยได้รับมักมีฤทธิ์ในการป้องกันไม่ให้เนื้อไตที่เหลืออยู่เสื่อมสภาพไปอีก ดังนั้นธรรมชาติของโรคมักจะดำเนินไปและเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จำเป็นต้องรักษาตลอดชีวิต สาเหตุของไตวายเรื้อรังเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เกิดจากโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เก๊าท์ การรับประทานยาบางอย่างที่มีพิษต่อไต แต่ผู้ป่วยจำนวนมาไม่พบสาเหตุของไตวายเรื้อรังที่แน่นอน การปฏิบัติตัวที่สำคัญของผู้ป่วยก็คือการลดปริมาณของโปรตีน ซึ่งมีอยู่ในเนื้อสัตว์และไข่ลง งดโปรตีนจากพืช เช่น ถั่ว ถ้ามีอาการบวมและความดันโลหิตสูงควรงดของเค็ม ทานอาหารที่จืด สำหรับผลไม้นั้นรับประทานได้เล็กน้อย โดยต้องลดปริมาณลง ส่วนพวกแป้ง เช่น ข้าว, ก๋วยเตี๋ยว สามารถรับประทานได้ตามปกติ นอกจากนั้นจะต้องรับประทานยาและมาตรวจตามนัดโดยสม่ำเสมอ หากมีการเจ็บป่วยไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะยาบางชนิดอาจมีผลเสียต่อไต ทำให้ไตเสื่อมได้เร็วขึ้น การรักษาโรคไตวายนอกจากให้การรักษาโดยการควบคุมอาหารและรับประทานยาเพื่อป้องกันการเสื่อมของไตแล้ว เมื่อไตสูญเสียการทำงานไปมากกว่าร้อยละ 10 ผู้ป่วยจะมีอาการต่างๆ ซึ่งเกิดจากการคั่งของของเสียและความผิดปกติของเกลือแร่ในร่างกาย เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน สะอึก อ่อนเพลีย เหนื่อหอบ เป็นต้น ในกรณีที่ไตเสียไปมากดังกล่าว ผู้ป่วยจะต้องรับการรักษาโดยวิธีพิเศษที่เรียกกันทั่วไปว่าการล้างไต การล้างไตเป็นวิธีการกำจัดของเสีย และน้ำกับเกลือแร่ส่วนเกินออกจากร่างกายของผู้ป่วยไตวาย ในกรณีของไตวายเรื้อรัง เมื่อจำเป็นต้องล้างไตแล้ว แสดงว่าไตเหลือหน้าที่การทำงานน้อยกว่าร้อยละ 10 การล้างไตความจริงแล้วมีความหมายไม่ตรงกับคำแปลนัก การล้างไตไม่ได้เอาอะไรไปล้างให้ไตสะอาด จึงไม่ได้ทำให้ไตที่วายดีขึ้นโดยตรง แต่เป็นการทำหน้าที่ทดแทนไตที่สูญเสียหน้าที่ไป ดังนั้นเมื่อผู้ป่วยไตวายเรื้อรังจำเป็นต้องรักษาโดยการล้างไตแล้วต้องทำการล้างไตไปตลอดชีวิต หรือจนกว่าจะได้รับการปลูกถ่ายไต การล้างไตมี 2 ชนิดคือ การฟอกเลือด และการล้างทางช่องท้อง การรักษาทั้งสองแบบได้ผลใกล้เคียงกัน ผู้ป่วยล้างไตโดยการฟอกเลือด ต้องมาทำในโรงพยาบาลที่มีเครื่องไตเทียมสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง ครั้งละ 3 - 5 ชั่วโมง ส่วนผู้ป่วยรักษาด้วยการล้างช่องท้องสามารถล้างไตได้ที่บ้านด้วยตนเอง โดยการใส่น้ำยาเข้าช่องท้องเองวันละ 4 - 5 ครั้ง การปลูกถ่ายไต เป็นวิธีการรักษาโรคไตวายเรื้อรังวิธีหนึ่ง โดยแพทย์จะผ่าตัดใส่ไตที่ได้รับบริจาคฝังเข้าในตัวผู้ป่วย ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้ตัดไตของผู้ป่วยออก และไม่ได้นำไตใหม่มาเปลี่ยนกับไตเดิม ไตที่จะนำมาปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วยอาจได้จาก 2 วิธีคือ จากผู้ป่วยที่สมองตายแล้วอุทิศให้ หรือได้จากบุคคลที่มีชีวิตอยู่ ในกรณีแรกการได้รับไตเร็วหรือช้าจะขึ้นกับว่าเนื้อเยื่อของผู้รอรับไตกับผู้บริจาคจะเข้ากันได้ดีมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นระยะเวลาที่ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่รอรับไตอยู่จนได้รับการปลูกถ่าย จึงไม่สามารถกำหนดได้แน่นอน บางคนรอเป็นปี แต่บางคนใช้เวลาแค่ 2-3 สัปดาห์ก็ได้รับไตแล้ว ส่วนไตของผู้บริจาคที่ยังมีชีวิต ถ้าเนื้อเยื่อเข้ากันได้ดี ก็สามารถทำการปลูกถ่ายได้เลย ผู้บริจาคไตที่ยังมีชีวิตนั้นมักได้จาก พ่อแม่ พี่น้อง หรือ ลูก ซึ่งสมัครใจที่จะบริจาคไตให้ผู้ป่วย โรคนิ่ว นิ่วของทางเดินปัสสาวะ เป็นการตกตะกอนของผลึกต่างๆ ในทางเดินปัสสาวะ พบได้บ่อยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่นอนแต่เชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับกรรมพันธ์ หรือสภาพแวดล้อม อาการที่สำคัญคืออาการปวดท้องหรือปวดหลัง ปัสสาวะขัด ปัสสาวะเป็นเลือด บางครั้งอาจมีลักษณะของปัสสาวะมีก้อนนิ่วหลุดออกมาได้ ในบางคนอาจเกิดโรคแทรกซ้อนจากนิ่วได้ เช่น กรวยไตอักเสบจากการติดเชื้อ ท่อไตหรือท่อปัสสาวะอุดตันจากนิ่วทำให้เกิดไตวายได้ หากมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นนิ่วควรมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษา เพราะหากทิ้งไว้นานจะทำให้มีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้นทำให้ายากแก่การรักษา หากพบว่าเป็นนิ่วของทางเดินปัสสาวะการรักษาระยะแรกคือการรักษาอาการปวดโดยรับประทานยาแก้ปวด หรือหากมีอาการมากอาจต้องฉีดยาแก้ปวดให้ การรักษาขั้นต่อไปคือเอานิ่วออก หากนิ่วมีขนาดเล็กอาจหลุดออกมาได้เมื่อดื่มน้ำมากๆ แต่ถ้านิ่วมีขนาดใหญ่และมีการอุดตันของทางเดินปัสสาวะร่วมด้วยมักจำเป็นต้องผ่าตัดเอานิ่วออก การผ่าตัดอาจใช้วิธีผ่าตัดผ่านทางผิวหนังหรือส่องกล้องเข้าทางท่อปัสสาวะคีบเอานิ่วออกมา ในปัจจุบันมีการรักษาที่เรียกว่าสลายนิ่วโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงทำให้เกิดการสั่นสะเทือนทำให้ก้อนนิ่วแตกออกเป็นก้อนเล็กๆ หลุดออกมาได้ นอกจากการรักษาเพื่อเอานิ่วออกมาแล้ว หลังการรักษามักจำเป็นต้องรับประทานยาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดนิ่วซ้ำ |
นาวาอากาศเอก นายแพทย์ อนุตตร จิตตินันทน์ ที่มา http://www.nephrothai.org/news/news.asp?type=KNOWLEDGE&news_id=89 |