วิธีเลือกซื้อกล้องดิจิตอลมือสอง

TapiocaPudding profile image TapiocaPudding
วิธีเลือกซื้อกล้องดิจิตอลมือสอง



การเลือกซื้อกล้องมือสองที่จะพูดถึงนี้ ขอเน้นหนักไปทางด้านกล้องดิจิตอลเป็นหลัก ให้เข้ากับยุคดิจิตอล เพราะค่อนข้างมีรายละเอียดมากมาย ต่างจากกล้องฟิล์มซึ่งไม่ค่อยจะยุ่งยากมากนัก นอกจากจะเป็นกล้องออโต้โฟกัสในยุคหลังๆ ที่มีชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์มากขึ้น และมีฟังก์ชั่นการทำงานมากขึ้น และเช่นเดียวกับการซื้อกล้องใหม่ เมื่อต้องการกล้องมือสองสักรุ่น ซึ่งมีอยู่ในใจแล้ว ก็ต้องศึกษาฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ว่ามีอะไรบ้าง ตรงตามความต้องการใช้งานมากน้อยแค่ไหน ทำไมต้องซื้อกล้องมือสอง ทั้งๆ ที่กล้องใหม่ ก็มีราคาไม่สูงนัก คำตอบนี้ หลายๆ คนอาจจะคิดว่านานาจิตตังครับ เพราะขึ้นอยู่กับความจำเป็น หรือความพอใจของแต่ละคน บางคน อาจจะถูกอกถูกใจกับกล้องรุ่นนี้ แต่มีราคาที่สูงเกินไป รอให้มีคนปล่อยออกมาขายดีกว่า บางคนต้องการกล้องระดับโปร แต่ราคาของใหม่สูงเกินเอื้อม รอมือสองดีกว่า เป็นต้น

ต่อไปนี้ไปข้อแนะนำในการเลือกซื้อกล้องมือสอง

อายุกล้อง

อายุกล้องจะนับจากวันเปิดตัวกล้องรุ่นนั้นๆ กล้องบางรุ่น อาจจะมีขายเป็นกล้องมือสองหลังจากที่เปิดตัวมาไม่นาน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะผู้ขายมีความจำเป็นต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน หรือใช้ไปแล้วไม่ตอบสนองความต้องการจริงๆ หรืออาจจะเป็นกล้องที่มีปัญหา จึงต้องรีบขาย สิ่งเหล่านี้เป็นเป็นเหตุผลที่กล้องตัวนั้นกลายเป็นกล้องมือสอง ที่ต้องพูดถึงอายุกล้องนับจากวันเปิดตัว ก็เพราะว่ากล้องบางรุ่น อาจจะเปิดตัวมาเพียงหนึ่งปี หรือสองปี แล้วมีรุ่นใหม่ออกมา จึงเลิกผลิต ดังนั้นถ้าหากกล้องที่หมายตาไว้ มีอายุมากเกินไป หรือเป็นรุ่นที่เลิกผลิตไปแล้ว อาจจะมีปัญหาในเรื่องอะไหล่ ถ้าหากว่าซื้อมาแล้วเกิดการชำรุด หรือชิ้นส่วนเสื่อมอายุ จะต้องเปลี่ยนใหม่

ถึงแม้ว่าผู้ผลิตแต่ละรายจะให้ข้อมูลว่ามีการสำรองอะไหล่สำหรับกล้องที่เลิกผลิตแล้วก็ตาม แต่ถ้าผู้ขายบอกว่ากล้องตัวนี้มีการซ่อมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนตรงนั้น ตรงนี้มาแล้ว อย่างเช่นเปลี่ยนม่านชัตเตอร์ใหม่ เป็นต้น ก็จะทำให้มั่นใจได้ว่า จะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับม่านชัตเตอร์ หรืออุ่นใจได้เปลาะหนึ่งว่าอย่างน้อยก็ได้ของใหม่อย่างหนึ่งแล้วล่ะ อีกอย่างหนึ่งคือติดตามข่าวสารของกล้องรุ่นที่หมายตาไว้นั้นด้วย เพราะผู้ผลิตกล้องส่วนใหญ่ มักจะปรับแก้ไขข้อผิดพลาด หรือปรับเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในภายหลัง ซึ่งทำให้กล้องรุ่นนั้นใช้งานได้ดีขึ้นกว่าตอนที่วางขายใหม่ๆ ซึ่งเรียกกันว่าเป็นการอัพเดตเฟิร์มแวร์

ราคาซื้อขาย

เป็นแรงจูงใจที่สำคัญ ในการตัดสินใจซื้อกล้องมือสองสักตัว หลายๆ คนที่ซื้อกล้องมือสอง อาจจะมีเงินมากพอที่จะซื้อกล้องใหม่ แต่บางคนอาจจะคิดว่าถ้าหากซื้อกล้องมือสอง ก็จะยังมเงินเหลือพอที่จะซื้ออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้อีก ราคาขายจะสูงหรือต่ำนั้น นอกจากจะขึ้นอยู่กับสภาพของกล้องว่าสมบูรณ์มากน้อยเพียงใดแล้ว ยังขึ้นอยู่กับการรับประกันสินค้าด้วย ทั้งในแบบการประกันศูนย์ หรือประกันร้านก็ตาม ถ้าเป็นกล้องที่ยังมีการรับประกันอยู่ จะทำให้ผู้ซื้อมั่นใจได้มากกว่า และสามารถขายได้ง่ายกว่ากล้องที่หมดประกันแล้ว และสุดท้ายดูว่าอุปกรณ์ที่ให้มาด้วยนั้นมีอะไรบ้าง หลักๆ ก็คือ ที่ชาร์จแบตเตอรี่ CD ซอฟท์แวร์กล้อง คู่มือ ต่อไปอาจจะเป็นสายสะพาย กล่อง ส่วนของแถมอาจจะเป็นแบตเตอรี่สำรอง หรือเมมโมรี่การ์ด เป็นต้น

สภาพภายนอก

เป็นตัวแปรที่สำคัญในการตั้งราคาเช่นกัน กล้องบางรุ่นอาจจะมีอายุมากแล้ว แต่ถูกใช้งานน้อย ก็จะมีสภาพที่สมบูรณ์ ไม่มีริ้วรอยมากนัก ก็มักจะมีราคาที่สูงกว่ากล้องอื่นๆ ที่ถูกใช้งานมากกว่า ถึงแม้จะเป็นรุ่นเดียวกันก็ตาม ผู้ใช้กล้องหลายๆ คน มักจะห่อหุ้มกล้องด้วยสติ๊กเกอร์ เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยกับตัวกล้อง แม้จะใช้งานหนักก็ไม่ปรากฎริ้วรอยให้เห็นมากนัก ในกรณีที่ต้องการกล้องรุ่นนั้นๆ ผู้ซื้อสามารถต่อรองราคาจากริ้วรอยต่างๆ ที่ตัวกล้องได้ แต่ถ้าริ้วรอยนั้นเกิดจากการตกหรือกระแทกแรง ซึ่งสังเกตุได้จากรอยบุบลึก หรือแตก

ผู้ซื้อก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะเสี่ยงกับการเกิดปัญหากับชิ้นส่วนภายในมากทีเดียว ที่ตัวกล้องจะมีแผ่นยางปิดอยู่ รวมทั้งมีน๊อตยึดอยู่ตามจุดต่าง ผู้ซื้อก็ควรสังเกตุว่า มีร่องรอยการถอดออก รอยการหมุน หรือรอยไขควงหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่ากล้องตัวนั้นเคยผ่านการถอดออกมาแล้ว จะเป็นการซ่อมหรืออะไรก็ตาม ก็ควรหลีกเลี่ยง แต่ถ้าผู้ขายแจ้งไว้ก่อนล่วงหน้าว่าผ่านการซ่อมมาแล้วก็เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่ง วิวไฟน์เดอร์ เป็นอีกจุดหนึ่งที่มักจะมีฝุ่นเข้าไปอยู่บ่อยๆ ถ้าหากว่าในช่องวิวไฟน์เดอร์มีฝุ่นมาก ก็สามารถใช้เป็นข้อต่อรองราคาลงมาได้ เพราะจะต้องส่งทำความสะอาดให้ใสปิ้งเหมือนเดิมอยู่แล้ว จอมอนิเตอร์เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่เกิดริ้วรอยได้ง่าย ถึงแม้ว่าค่ายกล้องต่างๆ จะเคลมว่าจอมอนิเตอร์ผ่านการเคลือบผิวป้องกันรอยขีดข่วนก็ตาม เพราะหลายๆ ครั้ง ที่ผู้ใช้สะพายกล้องข้างลำตัว

ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงการเสียดสีได้ยาก หรือแม้แต่การเช็ดถูบ่อยๆ ก็ทำให้เกิดรอยได้ หรือเม็ดฝุ่นที่ติดอยู่กับผ้าที่ใช้เช็ด แต่ปัจจุบันก็มีอุปกรณ์เสริมสำหรับปิดที่จอมอนิเตอร์ ช่วยป้องกันริ้วรอยได้ การเกิดรอยที่จอมอนิเตอร์ ไม่มีผลกับภาพก็จริง แต่ก็มีผลกับการตัดสินใจในการซื้อกล้องมากทีเดียว ถ้าหากว่าเกิดริ้วรอยที่จากมอนิเตอร์มากเกินไป ก็สามารถประเมินได้ว่า ผู้ขายหรือเจ้าของกล้องนั้นๆ มีอุปนิสัยในการใช้กล้องหรือดูแลรักษากล้องมากน้อยเพียงใด ผู้ซื้อก็ควรที่จะให้ความสนในกับกล้องตัวอื่นมากกว่า

เช็คการทำงานฟังก์ชั่นต่างๆ
เป็นส่วนสำคัญที่จะเช็กว่ากล้องตัวนั้นมีระบบการทำงานที่สมบูรณ์มากน้อยเพียงใด ผ่านการใช้งานมามากเพียงใด เพราะอย่างในหัวข้อที่แล้ว ถ้าหากว่าผู้ใช้ห่อหุ้มกล้องอย่างดี ถึงแม้ว่าจะใช้งานมามาก ก็ไม่ค่อยมีริ้วรอยให้เห็น ฟังก์ชั่นต่างๆ นี่แหละจะทำให้ทราบว่ากล้องยังทำงานปกติหรือไม่ ผู้ซื้อควรจะหาข้อมูลกล้องตัวนั้น หรือรุ่นนั้นๆ จากเวบไซต์ต่างๆ ว่าเกิดปัญหาอะไรในการใช้งานบ้าง แล้วลองดูว่า กล้องตัวนั้นมีปัญหาแบบนั้นหรือไม่

ถ้าพบเจอก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน ถ้าหากว่าซื้อเฉพาะตัวกล้อง ผู้ใช้ควรจะนำเลนส์ที่ใช้งานปกติไปใช้ในการทดสอบด้วย ว่ากล้องทำงานสัมพันธ์กับเลนส์เป็นปกติหรือไม่ การวัดแสงแม่นยำหรือไม่ ความเร็วชัตเตอร์ปกติหรือไม่ การบันทึกไฟล์ภาพลงเมมโมรี่การ์ดสมบูรณ์หรือไม่ อย่างเช่นถ่ายต่อเนื่อง 10 ภาพ ทุกภาพจะต้องไม่มีปัญหาเรื่องไฟล์เสีย เป็นต้น เช็กรูรับแสงดูว่ากล้องปรับหรี่รูรับแสงปกติหรือไม่ โดยใช้วิธีดูจากหน้าเลนส์ ตั้งชัตเตอร์ต่ำๆ ซักครึ่งวินาที แล้วปรับรูรับแสงแคบลงทีละสตอป ดูว่ากล้องหรี่รูรับแสงลงตามที่ปรับหรือไม่ ถ้าตั้ง F11 แต่รูรับแสงเปิดกว้าง หรือไม่หรี่ลงแสดงว่าผิดปกติครับ เช็กการโฟกัสว่ารวดเร็วทันใจหรือไม่
 
ในการณีนี้ก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของกล้องแต่ละรุ่นและเลนส์ที่ใช้ รวมทั้งสภาพแสงในขณะนั้นด้วย แต่โดยทั่วๆ ไปสำหรับกล้อง DSLR จะโฟกัสได้รวดเร็วในสภาพแสงปกติ ลองปรับเปลี่ยนจากระบบออโต้โฟกัสเป็นแมนนวลโฟกัสดูบ้างว่า ยังแม่นยำเหมือนเดิมหรือไม่ โดยลองปรับโฟกัสอัตโนมัติดูก่อน แล้วมองผ่านช่องมองภาพดูว่าชัดหรือไม่ จากนั้นเปลี่ยนเป็นแมนนวลโฟกัส แล้วโฟกัสที่จุดเดิม ถ้ายังคงชัดอยู่ก็แสดงว่าปกติ แต่ถ้าไม่ชัด (ที่ไม่ใช่ความผิดปกติของสายตา)

อาจจะเป็นไปได้ว่ากระจกสะท้อนภาพ หรือโฟกัสซิ่งสกรีนบิดเบี้ยว หรือไม่อยู่ในตำแหน่งปกติ หรืออาจจะมีปัญหาเรื่องแบ็คหรือฟร้อนท์โฟกัสก็เป็นได้ รีเซ็ตเมนูการทำงานทั้งหมด ให้เป็นค่ามาตรฐานเหมือนกับตอนที่ออกมาจากโรงงานผู้ผลิตใหม่ๆ โดยเข้าเมนูตั้งค่าการทำงานของตัวกล้อง แล้วเลือกที่ Reset หรือ Clear All Camera Setting จากนั้นลองถ่ายภาพโดยเปลี่ยนไวท์บาลานซ์แบบต่างๆ ดูว่าการทำงานของไวท์บาลานซ์ยังเป็นปกติหรือไม่ โดยการดูจากไฟล์ภาพว่าให้สีสันที่เป็นปกติหรือไม่ ถ้าเป็นไปได้ควรจะทดลองกับสภาพแสงหลายๆ แบบด้วย

ในส่วนของกล้องคอมแพคก็ให้ใช้วิธีเดียวกันนี้ด้วยครับ เช็กการแสดงผลของจอมอนิเตอร์ดูว่ามีเม็ดพิกเซลที่มีปัญหา หรือ Dead Pixel หรือไม่ โดยตั้งระบบโฟกัสเป็นแมนนวล ปิดฝาเลนส์ให้สนิท กดชัตเตอร์ถ่ายภาพ จากนั้นพรีวิวดูว่ามีส่วนไหนของจอมอนิเตอร์ที่แวววาวขึ้นมาบ้างหรือไม่ ถ้าไม่มีพิเซลที่มีปัญหา ทั่วทั้งจอควรจะมืดดำทั้งหมดครับ แต่ถ้าหากว่ามีจุดที่สว่างๆ ท่ามกลางความมืดดำของจอแสดงว่าเกิด Dead Pixel ขึ้นแล้วล่ะครับ ควรจะให้ความสนใจกับกล้องตัวอื่นดีกว่า

"การเลือกซื้อกล้องมือสอง ผู้ซื้อควรจะตรวจสอบกล้องที่สนใจอย่างละเอียด และใช้เวลาเช็กนานสักหน่อย ถึงแม้ว่าจะมีประกันเหลืออยู่ก็ตาม เพราะถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมา แน่นอนว่าจะต้องส่งกล้องไปซ่อมที่ศูนย์หรือร้าน เสียเวลาแน่นอนครับ และถ้าพบเจอปัญหา ก็ไม่ควรที่จะเสียดาย เพราะถ้าหากว่าจะต้องซ่อม อาจจะจ่ายแพงกว่าการมองหาตัวใหม่ก็เป็นได้ ยกเว้นว่าพอจะรู้เรื่องของกล้องอยู่แล้ว และสามารถประเมินค่าซ่อมได้ อย่าลืมว่ากล้องมือสอง อาจจะเป็นไปได้ทั้งของที่ถูกต้องตามกฎหมาย และของโจร ดังนั้นผู้ซื้อควรตรวจสอบอย่างรอบคอบ อย่าเห็นแก่ของถูก เพราะคุณอาจจะรับซื้อของโจรโดยไม่ตั้งใจก็เป็นได้นะครับ ตรวจสอบหมายเลขซีเรี่ยลนัมเบอร์อีกครั้ง ว่าตรงกับใบรับประกันหรือเปล่า (ถ้ามี) ยังไงก็ขอให้ได้กล้องที่ถูกใจ และถูกตังค์นะครับ"

ข้อมูลดีดีจาก http://www.shutterphoto.com

ความคิดเห็น

ประกาศล่าสุดในบอร์ดเดียวกัน

TapiocaPudding Icon เทคนิคการถ่ายภาพบุคคล Portrait 2 อ่าน 6,056 12 ปีที่ผ่านมา
12 ปีที่ผ่านมา
12 ปีที่ผ่านมา
12 ปีที่ผ่านมา
12 ปีที่ผ่านมา
12 ปีที่ผ่านมา
12 ปีที่ผ่านมา
12 ปีที่ผ่านมา
12 ปีที่ผ่านมา
inspiration Icon วิธีดูเลนส์มือสอง [จาก Pantip.com] อ่าน 16,460 12 ปีที่ผ่านมา
12 ปีที่ผ่านมา
12 ปีที่ผ่านมา
12 ปีที่ผ่านมา
12 ปีที่ผ่านมา
12 ปีที่ผ่านมา