สืบเนื่องจากคุณหญิงสุชาดา อรรถวิจิตรจรรยารักษ์ อดีตนายกสมาคมเสริมสวยแห่งประเทศไทย และอดีตเจ้าของสถานเสริมสวยและโรงเรียนสอนตัดผมจันทนา ผู้ซึ่งมีโอกาสรับใช้สนองพระเดชพระคุณในเบื้องยุคลบาทของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิราสราชนครินทร์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี อยู่เนืองนิตย์
ในปี พ.ศ.2512 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้คุณหญิงฯ ได้เข้าถวายงานรับใช้พระเดชพระคุณเบื้องยุคลบาทในการถวายงานพระเกศาประจำพระองค์ และทรงพระเมตตาพระราชทานพระเกศาส่วนหนึ่งเพื่อความเป็นมหาศิริมงคลแก่คุณหญิงสุชาดา ซึ่งทรงแสดงพระเมตตาต่อคุณหญิงฯเสมือนหนึ่งเป็นข้าในพระองค์ คุณหญิงได้เก็บรักษาพระเกศาไว้สักการบูชาเป็นอย่างดีมาโดยตลอด จนกระทั่งคุณหญิงฯมาปรารภว่า “พระเกศาของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งเป็นพระราชชนนีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯของไทยเราถึง 2 พระองค์ แสดงถึงทรงมีพระบุญญาธิการยิ่งใหญ่ การที่พระเกศาของพระองค์เก็บรักษาอยู่กับคุณหญิงฯหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งส่วนตัวนั้น ต่อไปภายหน้าถ้าหากไม่มีใครเห็นความสำคัญให้การสักการบูชาแล้ว ย่อมเป็นการไม่บังควรเหมาะสม ทั้งประโยชน์ที่เกิดขึ้นก็น้อยไม่ยิ่งใหญ่ไพศาล พระเกศาสมเด็จย่าซึ่งเป็นมงคลสูงสุดนี้ จึงสมควรเหมาะสมกับผู้มีบุญญาธิการที่จะได้ไว้สักการบูชา จึงเห็นสมควรนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งทรงอยู่ในฐานะเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และได้นำเรื่องขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จออกแทนพระองค์ พระราชทานพระราชวโรกาสให้คุณหญิงสุชาดา อรรถวิจิตรจรรยารักษ์ เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาททูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย พระเกศาของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ณ พระตำหนักนนทบุรี เวลา 17.15 น. ตรงกับวันศุกร์ที่ 7มิถุนายน พ.ศ.2539
ส่วนพระเกศาของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีส่วนที่ 2 คุณหญิงสุชาดา อรรถวิจิตรจรรยารักษ์มีความปรารถนาอยากให้นำมาประดิษฐานเป็นสมบัติของชาวจังหวัดสกลนครยังถิ่นมาตุภูมิ เพื่อให้ชาวจังหวัดสกลนครและพสกนิกรทั่วไปได้สักการบูชาเพื่อความเจริญรุ่งเรืองและเป็นมหาศิริมงคล ได้ถวายความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่าที่มีต่อปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า จึงได้ถวายพระเกศาส่วนนี้แก่พระมหาคาวี ญาณสาโร เจ้าอาวาสวัดสะพานคำ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ชาวสกลนครที่คุณหญิงฯเคารพนับถือ ได้กำหนดวันถวายในวันมหามงคลของชาวไทยวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2548 ณ บ้านเลขที่ 120/2สุขุมวิท 39 เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
นายปรีชา กมลบุตร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครและภริยา ได้จัดขบวนอัญเชิญพระเกศาสมเด็จย่าจากสนามบินสกลนครมาประดิษฐานที่วัดสะพานคำอย่างสมพระเกียรติ และเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ.2549 ได้จัดประชุมที่ศาลากลางจังหวัดสกลนคร มีมติเห็นร่วมกันที่จะจัดสร้างพระมหาเจดีย์ประดิษฐานพระเกศาสมเด็จย่า เพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดีและเฉลิมพระเกียรติแก่สมเด็จย่า
ต่อมาเมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม พ. ศ2554 พระมหาคาวี ญาณสาโร จึงได้ออกสำรวจพื้นที่และได้เห็นพื้นที่เหมาะสม ณ บ้านนาแก้ว ตำบลนาแก้ว อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร ริมฝั่งหนองหารด้านตะวันออกจำนวน 72 ไร่ จึงได้ขอความร่วมมือจากนายช่างวิศวกรโยธาจังหวัดสกลนครออกไปสำรวจพื้นที่ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2555 พระมหาคาวี ญาณสาโร พร้อมด้วยนายฉัตรชัย ชูเชื้อ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสกลนคร ได้เข้าไปพบนายจรินทร์ จักกะพาก ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เพื่อขอคำปรึกษาและสนับสนุนโครงการ ซึ่งท่านได้เห็นชอบและยินดีที่จะสนับสนุนผลักดันโครงการนี้ให้สำเร็จตามที่เสนอ
พระมหาคาวี ญาณสาโร ได้นำโครงการนี้ไปปรึกษาท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถรป.ธ.9 ) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ซึ่งได้รับความเห็นชอบและยินดีให้การสนับสนุนโครงการนี้ด้วยดี