ตัวอย่างภาษาอังกฤษ...สำหรับสอบสัมภาษณ์งาน
คำถามตัวอย่างการสมัครงาน (แบบภาษาอังกฤษ)
วันนี้ผมได้รับหนังสือมาเล่มหนึ่ง ( Guide to interview your job: answers and questions) เป็นหนังสือที่ดีมาก ตามความเห็นของผมนะครับ ราคาเล่มนี้ 80 US. หากคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 3,000 กว่าบาท (ไม่แน่ใจ) แต่เนื่องจากเป็นหนังสือมือสองหรือมือสามนี้แหละ ราคาก็เลยเหลืออยู่แค่ 12 US- 400 กว่าบาท ราคาเล่มนี้หากอยู่เมืองไทย ไม่รู้จะมีสักกี่คนจะได้อ่าน อนาคตคิดว่าคงจะมีบางคนแปลขายครับ ผมอ่านได้ประมาณเกือบ 30 หน้า (ยังอ่านไม่จบ) ยอมรับว่า น่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้อ่านบางกลุ่มนะ ส่วนในกระทู้นี้ผมเลือกเอาเฉพาะที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ อาจจะไม่เหมาะสำหรับผู้อ่านทั่วไป แต่สำหรับคนที่จะสอบสัมภาษณ์ พอจะมีประโยชน์บ้าง และที่น่าเสียดายไปกว่านั้น ผมพยายามย่อให้สั้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะความจำเป็นของเนื้อที่ เพราะหากยาวไปคนอ่านก็เบื่อ (ผมก็เบื่อ) เหมาะสำหรับเป็นเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆมากกว่าครับ อย่าให้ถึงกับเป็นคู่มือเลย ส่วนการเตรียมความพร้อม จะใส่ชุดแบบไหน ให้ไปถึงก่อนกี่ชั่วโมง นั่งอย่างไรให้ถูกกาลเทศะของฝรั่ง จะไม่ขอพูดถึงนะครับ เพราะจะไม่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เดี๋ยวจะเป็นการลงลึกและมีข้อปลีกย่อยอีกมาก (ในหนังสือเล่มนี้บอกเอาไว้หมด)
ศัพท์เฉพาะในการเขียนกระทู้ครั้งนี้ (หมายเหตุ** ผู้สอบ-หมายถึงฝรั่ง ผู้ถูกสอบสัมภาษณ์ หมายถึงเรา) เผื่องงอย่างแรง บางทีอาจจะวกไปวกมา
ไม่ว่าสถานการณ์การสอบสัมภาษณ์จะเป็นในรูปแบบใด สอบหรือเข้าทำงาน เมื่อเราเดินเข้าไปในห้องสอบ สิ่งหนึ่งที่เราจะมีเหมือนกันหมดนั่นก็คือ ความกดดัน อาจจะเป็นเพราะ เรามีความคาดหวังมากเกินไปและ...อยู่กับความคาดเดาตลอดเวลา ในสิ่งที่เราจะต้องถูกถาม ไม่ว่าฝรั่งหรือชนชาติใด จะเป็นเหมือนกันหมด สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราประหม่า แต่สิ่งเหล่านี้จะมีมากหรือมีน้อย ขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อมและทำการบ้านมาดีมากน้อยแค่ไหน (การเตรียมตัว) ลองนึกภาพดูสิครับว่า บางครั้งเราสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาไทย เรายังประหม่า หากเราต้องถูกใครสักคนซักถาม ซึ่งบางครั้งคนสอบก็เป็นคนไทยด้วยกันเอง แต่ต้องพูดภาษาอังกฤษ โดยไม่รู้ว่าเขาจะถามเรื่องอะไร โดยที่เราต้องใช้ภาษาที่สอง ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาของเราก็ใช่ว่าจะดีเลิศอะไร เมื่อวานก็ยังไปสถาบันติวภาษาหรือนั่งท่องเครียดอยู่เลย
หากเป็นไปได้นะครับ หาเพื่อนสักคนหนึ่ง หรือแฟนหรือญาติพี่น้องก็ได้ ถามและให้เราตอบ แล้วถามเพื่อน....แฟน ว่าที่เราตอบไปเป็นอย่างไรบ้าง เริ่มจากการพูดเป็นภาษาไทยก่อนก็ได้ หลังจากนั้นค่อยๆ พยายามสื่อเป็นภาษาอังกฤษ วิธีนี้จะเพิ่มความมั่นใจ แต่ไม่เกี่ยวกับทำให้ภาษาอังกฤษเก่งนะครับ
ผู้สอบจะตระหนักเรื่องนี้ดี ความประหม่า ความเครียด ของผู้ถูกสอบสัมภาษณ์ และสิ่งที่จำเป็นอย่างมากที่ผู้สอบ จะทำให้เรารู้สึกดี นั่นก็คือ ในช่วงแรกๆ พยายามให้เราพูดคุย ทักทาย (Introduce youself) จับมือ (shake hands) หรืออาจจะออกอาการลักษณะเป็นมิตร (friendly) แต่หากอยู่เมืองไทย ควรจะไหว้เป็นการดีครับ ต่อให้เป็นฝรั่ง ฝรั่งจะรู้สึกดีมาก หากเป็นไปได้ ไหว้ก่อนแล้วค่อย shake hands (ดูตามความเหมาะสม)
อย่าตกใจครับ หากผู้สอบสัมภาษณ์ ถามคำถามบางอย่าง เช่น
1.How are you today?
2.Did you have any trouble finding us?
3.What do you think of the weather lately? เป็นต้น
คำถามประเภทนี้ เป็นคำถามที่ผู้สอบสัมภาษณ์ต้องการให้เราหายประหม่า และสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงในการสอบสัมภาษณ์นั่นก็คือ ต้องใช้คำพูดที่ฟังง่ายๆ และสุภาพ ไม่ควรใช้ศัพท์แสลง หากเขาถาม เช่น How are you today?
หากบอกว่า สบายดี
I’m fine thank you, and you?
I’ m well, thank you.
หากบอกว่า ไม่ดี ควรจะบอกว่า
Not so well. Thank you.
สิ่งหนึ่งที่จะเราต้องเตรียมหาคำตอบนั่นก็คือ
การถามเกี่ยวกับประสบการณ์ในการทำงานและใบรับรอง (experience and credentials (qualifications-คุณสมบัติ) ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการสอบสัมภาษณ์ในการสมัครงานที่ไหนก็ตาม รวมถึงการศึกษาของเราด้วยครับ เริ่มตั้งแต่ มัธยม- ป.ตรี และประสบการณ์ต่างๆ การฝึกอบรมพิเศษต่าง ที่ได้รับ ตั้งแต่ในอดีต หรือตั้งแต่อยู่ในบริษัทเก่า ประสบการณ์ในหน้าที่การงานที่ได้เคยทำมาทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ที่มีผลต่อตำแหน่งงานของเรา.
การศึกษา
จงจำเอาไว้เสมอนะครับว่า การศึกษาของเราจบจากที่ไหน (และต้องจำชื่อสภาบันตัวเองเป็นภาษาอังกฤษด้วย เพราะบางสถาบันชื่อภาษาไทยอีกอย่าง ชื่อภาษาอังกฤษอีกอย่าง) และสิ่งที่หลายคนอาจจะตกม้าตายนั่นก็คือ การใช้ Tenses ไม่ถูก คำถามบางอย่าง จำเป็นต้องใช้ the past tenses ตัวอย่างนะครับ
1. I attended the University of… (ชื่อมหาวิทยาลัย)....... from 2003 to 2006.
2. I graduated with a degree in agricultural planning. (ท่องเอาไว้เลย) เพราะถือว่าเป็นประโยคแบบ
ถ้าหากปัจจุบันเรายังเป็นนักศึกษาอยู่ เราควรจะใช้ประโยคเหล่านี้ครับ
1.I am currently studying at the ….ชื่อมหาวิทยาลัย.....and will graduate with a degree in Economics in the spring.
2.I am studying English at the…….ชื่อสถาบันภาษา หรือ มหาวิทยาลัย...... (ท่องเอาไว้เลย และนำเอาไปใช้บ่อยๆ)
และอย่าลืมบอกประสบการณ์ต่างๆ การเข้าฝึกอบรม กิจกรรมทางมหาวิทยาลัย ในช่วงที่เรากำลังเรียนอยู่ด้วยนะครับหรือการเข้าอบรมคอมพิวเตอร์ (ถ้ามี) เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ผู้สอบสัมภาษณ์ รู้ว่า เรามีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ชอบกิจกรรม มีความเสียสละ บริษัทเขาต้องการคนทำงานร่วมกับคนอื่นได้ มากกว่าคนทำงานคนเดียว / เดี่ยว หรือได้รับการอบรมภาษาอังกฤษจากสถาบันไหนบ้าง เพราะผู้สอบเขาจะพิจารณาถึงคุณสมบัติและศักยภาพในการพัฒนาภาษาของเราด้วย
เมื่อเราพูดถึงนายจ้างในปัจจุบัน ควรระมัดระวังในการใช้ Tenses ด้วยนั่นก็คือ ใช้ the present perfect or present perfect continuous เพราะเป็นการบ่งบอกถึงว่าเรายังทำงานนี้อยู่ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น
TOT and Co. have employed me for the last 4 years as a salesperson.
I have been creating customer contacts for 8months. เป็นต้น
เมื่อกำลังพูดถึงอดีตนายจ้างและประสบการณ์ในการทำงาน ต้องใช้ The past tenses เพื่อบ่งบอกว่าเราทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งนั้น ไม่นานมาก (และอย่านินทาอดีตนายจ้างด้วยนะครับ) เช่น
1. I was employed by… Jackson''s from 2005 to 2007 as a….. clerk. หลัง by..ให้พูดถึงบริษัทที่เราได้ทำมา as a…ตำแหน่งอะไร. (เป็นเสมียน)
2. I worked as a receptionist at the….ชื่อบริษัท....while I was living in Bangkok. เป็นต้น
ส่วนประโยคที่ผู้สอบมักชอบถาม ผมอ่านดูหลายคำถามนะครับที่เห็นว่า น่าสำคัญก็เห็นไม่กี่ประโยค (เพราะเขาวงเล็บเอาไว้ว่า ใช้บ่อย) และคำถามส่วนมากหากเราพิจารณาโดยละเอียดจะพบว่า เป็นคำถามที่ต้องการเหตุผล ไหวพริบ การแก้สถานการณ์จำเพาะหน้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะบ่งบอกถึงบุคลิก ท่าทาง อุปนิสัย ในขณะถูกสัมภาษณ์ บางคนสุขุม บางคนพอมีอะไรมากดดัน เก็บอาการไม่อยู่ คำถามที่พบบ่อยๆ คือ
1. Tell me about yourself.
ลองพูดเกี่ยวกับตัวคุณให้ผมฟังหน่อยสิ
คำตอบในการสอบสัมภาษณ์ ควรจะเกี่ยวกับพื้นฐาน คุณสมบัติ ประสบการณ์ในการทำงานของคุณนะครับ (อย่าเข้าใจว่า เขาถาม มีลูกกี่คน มีเมียกี่คน ชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร)
2.What position are you most interested in and why?
คุณสนใจตำแหน่งงานไหนมากที่สุด ทำไมจึงสนใจในตำแหน่งงานนี้?
3.What makes you more qualified than the other applicants?
อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าคุณมีคุณสมบัติมากกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ?
4.What do you know about our company?
คุณรู้อะไรมาบ้างเกี่ยวกับบริษัทของเรา
5.What skills do you have to offer our company?
คุณมีความสามารถ/ คุณสมบัติ อะไรที่จะเสนอต่อบริษัทของเรา?
6.What are some of your strengths and weaknesses? หรือ What are your strengths? What are your weaknesses?
อะไรคือจุดแข็งและจุดอ่อนในตัวคุณ(จุดเด่นจุดด้อย)
อะไรบ้างที่เป็นจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณ (ที่อาจจะเป็นอุปสรรค เกี่ยวกับงาน)
7.What salary, hourly and/ or benefits are you expecting? หรือ What salary and position are you expecting?
เงินเดือน ชั่วโมงทำงาน และประโยชน์ที่คุณหวังจะได้คืออะไร? หรือเงินหรือตำแหน่งอะไรที่คุณคาดหวังเอาไว้?
8.What are planning to be doing in 5 years? If I accept / hire you.
ในอีก 5 ปี คุณมีแผนจะทำอะไร? หากผมว่าจ้างคุณ หรือรับคุณเข้าทำงาน
9.Why are you considering change your job at this time?
ทำไมคุณจึงตัดสินใจเปลี่ยนงานในเวลานี้?
10.What do you like the most/least about your current job?
อะไรที่คุณชอบมากที่สุด / น้อยที่สุด เกี่ยวกับงานปัจจุบัน?
11.Why should we hire you?
ทำไมผมจะต้องว่าจ้างคุณ?
12.What do you like (dislike) about your current / past position (boss)?
อะไรที่คุณชอบ / ไม่ชอบ เกี่ยวกับงานปัจจุบัน หรือ ตำแหน่งงานที่ผ่านมา (หรือหัวหน้า)?
13.Why are you seeking a position with our company?
ทำไมคุณจึงมองหาตำแหน่งงานกับบริษัทของเรา?
14.Why did you leaving your last job?
ทำไมคุณจึงลาออกจากงานก่อน?
15. What are your best skill?
ความสามารถพิเศษของคุณคืออะไร?
16.If you have a choice, would you prefer to work alone or as part of a team? Why?
ถ้าหากคุณมีตัวเลือก คุณอยากจะทำงานเดี่ยว หรือทำงานเป็นทีม? ให้เหตุผลมาสิ ว่าทำไม?
17.What are your hobbies?
งานอดิเรกของคุณคืออะไร?
18.What qualifications do you have that you fell would make you successful here?
คุณมีคุณสมบัติอะไรที่คุณคิดว่าจะทำให้คุณประสบความสำเร็จในบริษัทนี้?
19.Have you ever been fired and why?
คุณเคยถูกไล่ออกจากงานหรือไม่ และทำไมจึงถูกไล่ออก?
20.Give me an example from a previous job where you have shown initiative?
ให้ตัวอย่างจากงานอันก่อนที่คุณได้แสดงให้เห็นถึงความคิดริ่เริมของคุณให้ผมฟังหน่อยสิ
……… เป็นต้นนะครับ
มีอีกเยอะมาก บางข้อก็มีแนวคำตอบย่อให้มาด้วย แต่ผมไม่ได้นำมาแปลเพราะ อยากให้ผู้อ่าน ได้หาคำตอบเอง อย่างน้อยๆ ก็ได้ทำการบ้าน ฝึกซ้อม ยิ่งเราทำการบ้านได้ดีเท่าไหร่ ความมั่นใจก็ย่อมมีมากครับ และอีกคำพูดหนึ่ง ที่จำเป็นต้องท่องเอาไว้ให้ติดปากนั่นก็คือ Excuse me. Please say that again. หรือ Please slowly. Could you say that again? เอาไว้เวลาเราฟังไม่ทัน
และอยากฝากเอาไว้นะครับ อย่าไปกังวลให้มาก หากบางคำถามเราฟังไม่รู้เรื่องเลย...จุดประเด็นของการสอบสัมภาษณ์ เพื่อดูบุคลิก ไหวพริบ etc. ตอบได้ก็ตอบ หากตอบไม่ได้ ก็ต้องบอกว่า เราไม่เข้าใจคำถาม อย่าไปแบบน้ำขุ่นนะครับ เพราะจะเจอตอ เพราะผู้สอบบางคน ไม่ชอบ....มั่ว
คนล้านนา (พงษ์ประภากรณ์ สุระรินทร์)
Boy''s International hostel
วันนี้ผมได้รับหนังสือมาเล่มหนึ่ง ( Guide to interview your job: answers and questions) เป็นหนังสือที่ดีมาก ตามความเห็นของผมนะครับ ราคาเล่มนี้ 80 US. หากคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 3,000 กว่าบาท (ไม่แน่ใจ) แต่เนื่องจากเป็นหนังสือมือสองหรือมือสามนี้แหละ ราคาก็เลยเหลืออยู่แค่ 12 US- 400 กว่าบาท ราคาเล่มนี้หากอยู่เมืองไทย ไม่รู้จะมีสักกี่คนจะได้อ่าน อนาคตคิดว่าคงจะมีบางคนแปลขายครับ ผมอ่านได้ประมาณเกือบ 30 หน้า (ยังอ่านไม่จบ) ยอมรับว่า น่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้อ่านบางกลุ่มนะ ส่วนในกระทู้นี้ผมเลือกเอาเฉพาะที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ อาจจะไม่เหมาะสำหรับผู้อ่านทั่วไป แต่สำหรับคนที่จะสอบสัมภาษณ์ พอจะมีประโยชน์บ้าง และที่น่าเสียดายไปกว่านั้น ผมพยายามย่อให้สั้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะความจำเป็นของเนื้อที่ เพราะหากยาวไปคนอ่านก็เบื่อ (ผมก็เบื่อ) เหมาะสำหรับเป็นเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆมากกว่าครับ อย่าให้ถึงกับเป็นคู่มือเลย ส่วนการเตรียมความพร้อม จะใส่ชุดแบบไหน ให้ไปถึงก่อนกี่ชั่วโมง นั่งอย่างไรให้ถูกกาลเทศะของฝรั่ง จะไม่ขอพูดถึงนะครับ เพราะจะไม่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เดี๋ยวจะเป็นการลงลึกและมีข้อปลีกย่อยอีกมาก (ในหนังสือเล่มนี้บอกเอาไว้หมด)
ศัพท์เฉพาะในการเขียนกระทู้ครั้งนี้ (หมายเหตุ** ผู้สอบ-หมายถึงฝรั่ง ผู้ถูกสอบสัมภาษณ์ หมายถึงเรา) เผื่องงอย่างแรง บางทีอาจจะวกไปวกมา
ไม่ว่าสถานการณ์การสอบสัมภาษณ์จะเป็นในรูปแบบใด สอบหรือเข้าทำงาน เมื่อเราเดินเข้าไปในห้องสอบ สิ่งหนึ่งที่เราจะมีเหมือนกันหมดนั่นก็คือ ความกดดัน อาจจะเป็นเพราะ เรามีความคาดหวังมากเกินไปและ...อยู่กับความคาดเดาตลอดเวลา ในสิ่งที่เราจะต้องถูกถาม ไม่ว่าฝรั่งหรือชนชาติใด จะเป็นเหมือนกันหมด สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราประหม่า แต่สิ่งเหล่านี้จะมีมากหรือมีน้อย ขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อมและทำการบ้านมาดีมากน้อยแค่ไหน (การเตรียมตัว) ลองนึกภาพดูสิครับว่า บางครั้งเราสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาไทย เรายังประหม่า หากเราต้องถูกใครสักคนซักถาม ซึ่งบางครั้งคนสอบก็เป็นคนไทยด้วยกันเอง แต่ต้องพูดภาษาอังกฤษ โดยไม่รู้ว่าเขาจะถามเรื่องอะไร โดยที่เราต้องใช้ภาษาที่สอง ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาของเราก็ใช่ว่าจะดีเลิศอะไร เมื่อวานก็ยังไปสถาบันติวภาษาหรือนั่งท่องเครียดอยู่เลย
หากเป็นไปได้นะครับ หาเพื่อนสักคนหนึ่ง หรือแฟนหรือญาติพี่น้องก็ได้ ถามและให้เราตอบ แล้วถามเพื่อน....แฟน ว่าที่เราตอบไปเป็นอย่างไรบ้าง เริ่มจากการพูดเป็นภาษาไทยก่อนก็ได้ หลังจากนั้นค่อยๆ พยายามสื่อเป็นภาษาอังกฤษ วิธีนี้จะเพิ่มความมั่นใจ แต่ไม่เกี่ยวกับทำให้ภาษาอังกฤษเก่งนะครับ
ผู้สอบจะตระหนักเรื่องนี้ดี ความประหม่า ความเครียด ของผู้ถูกสอบสัมภาษณ์ และสิ่งที่จำเป็นอย่างมากที่ผู้สอบ จะทำให้เรารู้สึกดี นั่นก็คือ ในช่วงแรกๆ พยายามให้เราพูดคุย ทักทาย (Introduce youself) จับมือ (shake hands) หรืออาจจะออกอาการลักษณะเป็นมิตร (friendly) แต่หากอยู่เมืองไทย ควรจะไหว้เป็นการดีครับ ต่อให้เป็นฝรั่ง ฝรั่งจะรู้สึกดีมาก หากเป็นไปได้ ไหว้ก่อนแล้วค่อย shake hands (ดูตามความเหมาะสม)
อย่าตกใจครับ หากผู้สอบสัมภาษณ์ ถามคำถามบางอย่าง เช่น
1.How are you today?
2.Did you have any trouble finding us?
3.What do you think of the weather lately? เป็นต้น
คำถามประเภทนี้ เป็นคำถามที่ผู้สอบสัมภาษณ์ต้องการให้เราหายประหม่า และสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงในการสอบสัมภาษณ์นั่นก็คือ ต้องใช้คำพูดที่ฟังง่ายๆ และสุภาพ ไม่ควรใช้ศัพท์แสลง หากเขาถาม เช่น How are you today?
หากบอกว่า สบายดี
I’m fine thank you, and you?
I’ m well, thank you.
หากบอกว่า ไม่ดี ควรจะบอกว่า
Not so well. Thank you.
สิ่งหนึ่งที่จะเราต้องเตรียมหาคำตอบนั่นก็คือ
การถามเกี่ยวกับประสบการณ์ในการทำงานและใบรับรอง (experience and credentials (qualifications-คุณสมบัติ) ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการสอบสัมภาษณ์ในการสมัครงานที่ไหนก็ตาม รวมถึงการศึกษาของเราด้วยครับ เริ่มตั้งแต่ มัธยม- ป.ตรี และประสบการณ์ต่างๆ การฝึกอบรมพิเศษต่าง ที่ได้รับ ตั้งแต่ในอดีต หรือตั้งแต่อยู่ในบริษัทเก่า ประสบการณ์ในหน้าที่การงานที่ได้เคยทำมาทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ที่มีผลต่อตำแหน่งงานของเรา.
การศึกษา
จงจำเอาไว้เสมอนะครับว่า การศึกษาของเราจบจากที่ไหน (และต้องจำชื่อสภาบันตัวเองเป็นภาษาอังกฤษด้วย เพราะบางสถาบันชื่อภาษาไทยอีกอย่าง ชื่อภาษาอังกฤษอีกอย่าง) และสิ่งที่หลายคนอาจจะตกม้าตายนั่นก็คือ การใช้ Tenses ไม่ถูก คำถามบางอย่าง จำเป็นต้องใช้ the past tenses ตัวอย่างนะครับ
1. I attended the University of… (ชื่อมหาวิทยาลัย)....... from 2003 to 2006.
2. I graduated with a degree in agricultural planning. (ท่องเอาไว้เลย) เพราะถือว่าเป็นประโยคแบบ
ถ้าหากปัจจุบันเรายังเป็นนักศึกษาอยู่ เราควรจะใช้ประโยคเหล่านี้ครับ
1.I am currently studying at the ….ชื่อมหาวิทยาลัย.....and will graduate with a degree in Economics in the spring.
2.I am studying English at the…….ชื่อสถาบันภาษา หรือ มหาวิทยาลัย...... (ท่องเอาไว้เลย และนำเอาไปใช้บ่อยๆ)
และอย่าลืมบอกประสบการณ์ต่างๆ การเข้าฝึกอบรม กิจกรรมทางมหาวิทยาลัย ในช่วงที่เรากำลังเรียนอยู่ด้วยนะครับหรือการเข้าอบรมคอมพิวเตอร์ (ถ้ามี) เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ผู้สอบสัมภาษณ์ รู้ว่า เรามีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ชอบกิจกรรม มีความเสียสละ บริษัทเขาต้องการคนทำงานร่วมกับคนอื่นได้ มากกว่าคนทำงานคนเดียว / เดี่ยว หรือได้รับการอบรมภาษาอังกฤษจากสถาบันไหนบ้าง เพราะผู้สอบเขาจะพิจารณาถึงคุณสมบัติและศักยภาพในการพัฒนาภาษาของเราด้วย
เมื่อเราพูดถึงนายจ้างในปัจจุบัน ควรระมัดระวังในการใช้ Tenses ด้วยนั่นก็คือ ใช้ the present perfect or present perfect continuous เพราะเป็นการบ่งบอกถึงว่าเรายังทำงานนี้อยู่ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น
TOT and Co. have employed me for the last 4 years as a salesperson.
I have been creating customer contacts for 8months. เป็นต้น
เมื่อกำลังพูดถึงอดีตนายจ้างและประสบการณ์ในการทำงาน ต้องใช้ The past tenses เพื่อบ่งบอกว่าเราทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งนั้น ไม่นานมาก (และอย่านินทาอดีตนายจ้างด้วยนะครับ) เช่น
1. I was employed by… Jackson''s from 2005 to 2007 as a….. clerk. หลัง by..ให้พูดถึงบริษัทที่เราได้ทำมา as a…ตำแหน่งอะไร. (เป็นเสมียน)
2. I worked as a receptionist at the….ชื่อบริษัท....while I was living in Bangkok. เป็นต้น
ส่วนประโยคที่ผู้สอบมักชอบถาม ผมอ่านดูหลายคำถามนะครับที่เห็นว่า น่าสำคัญก็เห็นไม่กี่ประโยค (เพราะเขาวงเล็บเอาไว้ว่า ใช้บ่อย) และคำถามส่วนมากหากเราพิจารณาโดยละเอียดจะพบว่า เป็นคำถามที่ต้องการเหตุผล ไหวพริบ การแก้สถานการณ์จำเพาะหน้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะบ่งบอกถึงบุคลิก ท่าทาง อุปนิสัย ในขณะถูกสัมภาษณ์ บางคนสุขุม บางคนพอมีอะไรมากดดัน เก็บอาการไม่อยู่ คำถามที่พบบ่อยๆ คือ
1. Tell me about yourself.
ลองพูดเกี่ยวกับตัวคุณให้ผมฟังหน่อยสิ
คำตอบในการสอบสัมภาษณ์ ควรจะเกี่ยวกับพื้นฐาน คุณสมบัติ ประสบการณ์ในการทำงานของคุณนะครับ (อย่าเข้าใจว่า เขาถาม มีลูกกี่คน มีเมียกี่คน ชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร)
2.What position are you most interested in and why?
คุณสนใจตำแหน่งงานไหนมากที่สุด ทำไมจึงสนใจในตำแหน่งงานนี้?
3.What makes you more qualified than the other applicants?
อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าคุณมีคุณสมบัติมากกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ?
4.What do you know about our company?
คุณรู้อะไรมาบ้างเกี่ยวกับบริษัทของเรา
5.What skills do you have to offer our company?
คุณมีความสามารถ/ คุณสมบัติ อะไรที่จะเสนอต่อบริษัทของเรา?
6.What are some of your strengths and weaknesses? หรือ What are your strengths? What are your weaknesses?
อะไรคือจุดแข็งและจุดอ่อนในตัวคุณ(จุดเด่นจุดด้อย)
อะไรบ้างที่เป็นจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณ (ที่อาจจะเป็นอุปสรรค เกี่ยวกับงาน)
7.What salary, hourly and/ or benefits are you expecting? หรือ What salary and position are you expecting?
เงินเดือน ชั่วโมงทำงาน และประโยชน์ที่คุณหวังจะได้คืออะไร? หรือเงินหรือตำแหน่งอะไรที่คุณคาดหวังเอาไว้?
8.What are planning to be doing in 5 years? If I accept / hire you.
ในอีก 5 ปี คุณมีแผนจะทำอะไร? หากผมว่าจ้างคุณ หรือรับคุณเข้าทำงาน
9.Why are you considering change your job at this time?
ทำไมคุณจึงตัดสินใจเปลี่ยนงานในเวลานี้?
10.What do you like the most/least about your current job?
อะไรที่คุณชอบมากที่สุด / น้อยที่สุด เกี่ยวกับงานปัจจุบัน?
11.Why should we hire you?
ทำไมผมจะต้องว่าจ้างคุณ?
12.What do you like (dislike) about your current / past position (boss)?
อะไรที่คุณชอบ / ไม่ชอบ เกี่ยวกับงานปัจจุบัน หรือ ตำแหน่งงานที่ผ่านมา (หรือหัวหน้า)?
13.Why are you seeking a position with our company?
ทำไมคุณจึงมองหาตำแหน่งงานกับบริษัทของเรา?
14.Why did you leaving your last job?
ทำไมคุณจึงลาออกจากงานก่อน?
15. What are your best skill?
ความสามารถพิเศษของคุณคืออะไร?
16.If you have a choice, would you prefer to work alone or as part of a team? Why?
ถ้าหากคุณมีตัวเลือก คุณอยากจะทำงานเดี่ยว หรือทำงานเป็นทีม? ให้เหตุผลมาสิ ว่าทำไม?
17.What are your hobbies?
งานอดิเรกของคุณคืออะไร?
18.What qualifications do you have that you fell would make you successful here?
คุณมีคุณสมบัติอะไรที่คุณคิดว่าจะทำให้คุณประสบความสำเร็จในบริษัทนี้?
19.Have you ever been fired and why?
คุณเคยถูกไล่ออกจากงานหรือไม่ และทำไมจึงถูกไล่ออก?
20.Give me an example from a previous job where you have shown initiative?
ให้ตัวอย่างจากงานอันก่อนที่คุณได้แสดงให้เห็นถึงความคิดริ่เริมของคุณให้ผมฟังหน่อยสิ
……… เป็นต้นนะครับ
มีอีกเยอะมาก บางข้อก็มีแนวคำตอบย่อให้มาด้วย แต่ผมไม่ได้นำมาแปลเพราะ อยากให้ผู้อ่าน ได้หาคำตอบเอง อย่างน้อยๆ ก็ได้ทำการบ้าน ฝึกซ้อม ยิ่งเราทำการบ้านได้ดีเท่าไหร่ ความมั่นใจก็ย่อมมีมากครับ และอีกคำพูดหนึ่ง ที่จำเป็นต้องท่องเอาไว้ให้ติดปากนั่นก็คือ Excuse me. Please say that again. หรือ Please slowly. Could you say that again? เอาไว้เวลาเราฟังไม่ทัน
และอยากฝากเอาไว้นะครับ อย่าไปกังวลให้มาก หากบางคำถามเราฟังไม่รู้เรื่องเลย...จุดประเด็นของการสอบสัมภาษณ์ เพื่อดูบุคลิก ไหวพริบ etc. ตอบได้ก็ตอบ หากตอบไม่ได้ ก็ต้องบอกว่า เราไม่เข้าใจคำถาม อย่าไปแบบน้ำขุ่นนะครับ เพราะจะเจอตอ เพราะผู้สอบบางคน ไม่ชอบ....มั่ว
คนล้านนา (พงษ์ประภากรณ์ สุระรินทร์)
Boy''s International hostel
ความคิดเห็น
ประกาศล่าสุดในบอร์ดเดียวกัน
10 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา