นมัสเตอินเดีย...อารายๆก็อินเดีย:เรียนภาษาอังกฤษที่อินเดีย

Phindia profile image Phindia

เคยได้ยินคนบ่นไหมครับ ทำอย่างไรถึงจะรวย และทำนองเดียวกันเราก็มักจะได้ยินบ่อยๆหรือในอินเตอร์เน็ท คนเขียนหัวข้อเอาไว้ ว่าทำอย่างไรถึงจะเก่งภาษาอังกฤษ (เยอะเต็มไปหมด) คนอยากรวยแต่ไม่ทำงานและไม่มีเงิน กับคนอยากเก่งภาษาอังกฤษแต่ไม่ยอมฝึกหรือยอมพูดและไม่มีวัตถุดิบในการฝึกฝน หลักการคล้ายๆกัน อาจจะไม่ถึงกับเหมือนกันมาก ขอแค่ยกขึ้นมาเป็นองค์ประกอบเท่านั้นเองนะ ประการแรกทำอย่างไรก็ไม่มีทางรวย และประการที่สองต่อให้อายุยืนอีก 90 ปี ก็ไม่มีทางเก่งภาษาอังกฤษไปได้  Without action –without result ปราศจากลงมือทำก็ไม่มีผลงาน เค้าว่ากันอย่างนั้นนะครับ

 

คนไทยส่วนมากเป็นอย่างนี้ครับ ชอบบ่น แต่ไม่ชอบทำ อยากได้ อยากเป็น แต่ไม่ยอมทำ ที่ผมยกเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นการเกริ่นนำว่า แต่ก่อนผมได้รับเมล์เป็นจำนวนมาก เกี่ยวกับ จะมาเรียนภาษาอังกฤษที่อินเดีย 1 เดือน 2 เดือน 3 เดือน เยอะมากๆ และคำถามแบบเดิมๆ ก็คือทำอย่างไรถึงจะเก่งภาษาอังกฤษ อยากจะไปเรียนภาษาอังกฤษระยะสั้นๆ แต่อยากไปบังกาลอร์ ผมก็สงสัยขึ้นมาว่า เป็น step แรก ตามสไตล์ของผมหน่ะครับว่า ทำไมทั่วประเทศอินเดียมันมีแต่บังกาลอร์เท่านั้นเองเหรอฟะ ที่เขาเปิดสอนภาษาอังกฤษ เพราะทุกคนก็อยากจะมาแต่บังกาลอร์ สรุปแล้วคนไทยก็เลยไปกองกันอยู่ที่บังกาลอร์  ผมแค่สงสัยว่าที่นิวเดลฮีหรือที่อื่นๆ ไม่มีหรือไง หรือว่า ภาษาอังกฤษที่โน้นอาจจะดีกว่า หรือว่าเขาได้รับข้อมูลข่าวสารจากเมืองไทยว่า อย่างไรก็บังกาลอร์ (เอาไว้ก่อน) เพราะคนไทยส่วนมากจะรู้จักแต่บังกาลอร์ ครับ! อะไรๆก็บังกาลอร์ จริงๆ แล้ว อินเดียมีบังทั่วประเทศอยู่แล้ว ไม่ต้องไปบังกาลอร์ก็ได้ มาที่สนามบินไหนๆ อาบังเต็มไปหมดอยู่แล้ว ล้อเล่น

 

ก่อนอื่นผมอยากจะพูดตรงๆ แบบมะนาวไม่มีน้ำเลยนะครับ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่คุณจะพูดดภาษาอังกฤษได้ในระยะสั้นๆ ภายใน 1 เดือน การเรียนภาษามันเป็นวิชาที่ต้องอาศัยการฝึกทุกวันโดยฝึกฟัง ฝึกพูด เหมือนอย่างที่ผมเขียนเอาไว้ในบล็อกของผมนั่นก็คือ เราไปโรงเรียนตั้งแต่อยู่อนุบาล เราพูดได้ก่อนแล้ว ถึงไปเรียนกระบวนการเรียนการสอนแบบทฤษฏี หากใครเป็นคนต่างจังหวัด ในรั้วโรงเรียน ครูก็จะสอนพูดภาษาไทยอย่างไรให้ถูกต้อง เขียนภาษาไทยอย่างไรให้ถูกต้อง เราพูดได้ก่อน แล้วถึงไปเรียนอ่านเขียน แต่คนไทยเราเรียนไวยากรณ์ก่อน ค่อยมาเรียนฝึกฟังและพูดทีหลัง เพราะกว่าจะมาเรียนที่อินเดียได้ อายุปาเท่าไหร่แล้ว ยิ่งมาเรียนตอนแก่มาก ยิ่งทำให้การเรียนช้าลง เพราะเรียนแบบผู้ใหญ่มันใช้เหตุผลในการมาตัดสินเยอะมาก ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น ทำไมมันไม่เป็นแบบนี้ หัวสมองทำงานมากเกินไป เมื่อเทียบกับตอนที่เราเรียนตอนเด็กไม่ต้องอาศัยอะไรมาก อาศัยความจำอย่างเดียว จริงอยู่ไม่มีใครแก่เกินเรียน แต่มาเรียนตอนแก่ มันเรียนได้ช้า

 


นมัสเตอินเดีย...อารายๆก็อินเดีย:เรียนภาษาอังกฤษที่อินเดีย

ความคิดเห็น
Phindia profile Phindia

คุณจะเก่งภาษาอังกฤษได้ คือประมาณว่าพูดคุยกับฝรั่งรู้เรื่องทุกคำหรืออย่างน้อยๆ ประมาณ 90 % ของการสนทนา อย่างน้อยๆ ต้องใช้เวลาประมาณ 3 ปี ครับ ประมาณ 3 ปี อย่างเก่งอาจจะลดเหลือให้แค่ 2 ปีครึ่ง

 


คราวนี้ประเด็นมันอยู่ที่ว่า บางคนอยากเก่งภาษาอังกฤษ อยากไปเรียนเมืองนอกประมาณว่ามาชุบตัวว่างั้นเถอะ ประเทศที่ไม่แพงมากหรือประเทศไหนก็ได้ ที่เขาพูดภาษาอังกฤษกัน ไม่รู้จะไปที่ไหน อินเดียนี้แหละวะ
  เพราะมันใกล้ดี คนไปแล้วเล่ามาว่ามันดี ประการสุดท้ายระวังหน่อยนะครับ กับประโยคที่ว่า เขาเล่าว่าเพราะบางครั้งที่เขาเล่าว่า กับเราไปเจอด้วยตนเอง มันไม่เหมือนกัน กับที่เขาเล่าว่า บางคนอาจจะเจออะไรที่มันโชคร้ายหน่อย เจอนิสัยเหี้ยๆ ของแขกบางคน  ความมักง่าย ความสกปรก อะไรต่อมิอะไรที่มันไม่เหมือนบ้านเรา แล้วเรารู้สึกแย่น่ะครับ คุณอาจจะพบที่อินเดีย

 


ก่อนที่จะมาอินเดีย ผมอยากให้ข้อคิดนิ๊ดหนึ่งก็ไม่มาก คือ


เมื่อคุณจะมาเรียนหรือเรียนภาษาอังกฤษก็แล้วแต่ คุณต้องยอมรับในภาษาอังกฤษของแขกก่อนนะครับ ว่าอินเดียเขามีภาษาอังกฤษแบบแขก เช่น ตัว
T แขกบางคนอาจจะออกเสียงไม่ชัด เป็น ตัว ต หมด เช่น What’s time แขกจะออกเสียงเป็น ว๊อทส แตม ฟังอย่างไรๆก็ไม่ใช่ ว๊อทส ไทม

 

ประการที่สอง ภาษาอังกฤษไม่ว่าประเทศไหนเขาจะมีสำเนียงของเขาซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่แล้ว เรื่องนี้คิดว่าทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ภาษาอังกฤษมีเอาไว้เพื่อสื่อสารระหว่างคนต่างชาติ ที่มีภาษาแตกต่างกันให้มีความคิดตรงกัน

ครับ
!ภาษาเขามีเอาไว้เพื่อสื่อสารกัน ผมก็ไม่เห็นคนญี่ปุ่นเขาเดือดร้อนอะไรที่เขาสำเนียงภาษาอังกฤษแบบญี่ปุ่น คนอินเดียเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แขกที่เก่งๆเขาก็ไปทำงานทั่วโลก ด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงแขก ดังนั้นหากคุณคิดว่าอยากจะเรียนภาษาเอาไว้เพื่อประกอบความรู้หรือเพราะหน้าที่การงานบังคับ อย่าดัดจริตเลยครับว่า จะต้องได้แบบอังกฤษหรืออเมริกันหากเป็นแบบนั้น ต้องไปเรียนที่อังกฤษหรืออเมริกาเท่านั้น อย่าเสียเวลามาอินเดียเลย เพราะสิงคโปร์เขาก็มีสำเนียงแบบของเขา ฟิลิปปินส์เขาก็มีสำเนียงของเขา นี่เป็นเหตุผลที่ผมอยากบอก อันดับแรกก็คือคุณต้องเปลี่ยนแปลงทัศนคติของตัวเองก่อน ว่าเรียนภาษาอังกฤษไปเพื่ออะไร เพื่อต้องการให้สำเนียงเหมือนฝรั่งหรือเพื่อสื่อสาร หากอยากได้สำเนียงต้นแบบจริงๆ ไปที่ถนนข้าวสารดีกว่าครับ หรือซื้อซีดีสักเรื่องหนึ่งที่เป็นหนังมี sub มาเปิดดู หรือไปเช่า UBC มาฝึกพูดฝึกฟังที่บ้านจะดีกว่า ยังจะได้อารมณ์เหมือนเรียนกับฝรั่งหน่อย อย่ามาอินเดียให้เหมื่อยตุ้มเลย

 

ประการที่สาม ประเทศอินเดียไม่ใช่มีแต่บังกาลอร์ที่เดียวที่เขาสอนภาษาอังกฤษ มีเยอะแยะครับ มีหลายๆที่ที่เขามีสอนภาษาอังกฤษโดยครูต่างชาติ เช่นที่ ธรรมศาลา อากาศดีกว่าด้วย บรรยากาศหนาว มีหิมะ ดีกว่าบังกาลอร์มาก ผู้คนเกือบ 90 % เป็นชาวธิเบต นิสัยใจคอก็เหมือนคนไทย บวกลบคูณหารแล้ว ถูกกว่าไปเรียนอเมริกา อังกฤษเสียอีก ไม่เสียสุขภาพจิตกับฝรั่งเหยียดสีผิวหรือกับแขกผิวดำ หนวดดกด้วย ที่ธรรมศาลามีคนไทย แต่ไม่เยอะ บางช่วงมีไม่ถึง 5 คน แต่ขอร้องว่า หากเจอคนไทยด้วยกันแล้ว อย่าเกาะกลุ่มอยู่แต่เฉพาะคนไทยด้วยกันหล่ะ

 

ในฐานะที่ผมอยู่อินเดียมานาน ผมจะเล่าให้ฟังแล้วกันว่าผมเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองแขกอย่างไร มหาวิทยาลัยในอินเดีย ไม่ใช่ว่าจะมีนักศึกษาต่างชาติมาเรียนทุกมหาวิทยาลัยนะครับ บางมหาวิทยาลัยหาต่างชาติแทบไม่มีเลย ผมโชคดีอย่างหนึ่งที่มีโอกาสมาเรียนยังสถาบันที่มีต่างชาติคือฝรั่งมาเรียนด้วย ดังนั้นโอกาสที่ผมจะได้ฝึกภาษาอังกฤษย่อมมีมาก และบวกกับที่ผมมีนิสัยใจกล้า หน้าด้าน หน้าทน  ดังนั้นโอกาสในการพัฒนาและมีเพื่อนฝรั่งจึงไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง ยกถุงปูนยังว่าหนักกว่าเสียอีก เมืองที่ผมอยู่ก็เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะมาก ดังนั้นโอกาสที่ผมได้พูดคุยกับฝรั่งเหล่านี้มีมาก นี่เป็นเวทีเล็กๆของการฝึกเรียนภาษาอังกฤษครับ ผมเคยถามฝรั่งนะครับว่า ทำอย่างไรผมถึงจะเก่งภาษาอังกฤษ เขาบอกว่า มีคนเกือบครึ่งโลก ตั้งทฤษฎีนี้ขึ้นมา แต่ไม่ค่อยมีใครลงมือปฏิบัติเหมือนไอนสไตล์ และคนเกือบครึ่งโลกนั่นแหละเสียเวลากับคำถามเหล่านี้มานักต่อนัก โดยที่พวกเขามีแต่คำถาม แต่ไม่เคยลงมือปฏิบัติ นั่นก็คือทดลองว่าจะทำอย่างไรให้เก่ง คำตอบเป็นเพียงแค่ผลลัพธ์ แต่การลงมือฝึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆฟังคือทางออกของคำว่า จะเก่งภาษาอังกฤษได้อย่างไร ฟังดูแล้วก็เจ็บๆคันนิดหน่อยนะครับ


Phindia profile Phindia

ผมได้หลักการง่ายๆ ที่ฝรั่งมอบเอาไว้ให้เหมือนเป็นพินัยกรรมการศึกษาภาษาอังกฤษเลยนะครับ ก็คือฝึกฟังให้มากๆ ฝึกพูดบ่อยๆ อันดับแรกก็คือฝึกฟังให้มากๆๆ จริงๆครับ เขาบอกผมอย่างนั้น หาภาษาอังกฤษเรื่องง่าย แล้วโหลดเอาไว้ใน MP 3 หาเรื่องง่ายๆ เอาไว้ฝึกฟัง วันละประมาณ 30 นาที อย่าไปฟังอะไรที่มันยาก เพราะมันจะไม่ช่วยในการพัฒนาภาษาขึ้นมาได้เลย คือให้ฟังอะไรที่เรารู้เรื่องหน่ะครับ หากภาษายังอยู่ขึ้นอนุบาลริไปฟัง BBC CNN ฝรั่งบอกว่า you learn nothing คือไม่ได้เรียนอะไรเลยครับ เพราะมันเป็นศัพท์ยากและไว หาข้อมูลที่มันง่ายๆ เอามาฟัง จะช่วยได้เยอะ มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆนะครับ ตรงที่ว่าหากเราพูดได้ ไวยากรณ์เราจะเริ่มรู้ด้วยสัญชาติญาณเอง แต่ไม่ค่อยแม่นหรอกนะครับ เหมือนเราเรียนภาษาไทยเป๊ะเลย คนไทยพูดไทยได้ แต่ไม่ค่อยเก่งไวยากรณ์ภาษาไทยอย่างไงอย่างนั้นเลย ไม่เชื่อลองทำดู

 

และบ่อยครั้งหากมีวันหยุด ผมมักจะไปเช่าห้องอยู่ข้างนอก ห้องละ 100 รูปี คิดเป็นเงินไทยประมาณ 80 บาท เพื่อไปอยู่กับฝรั่ง คือประมาณว่าอยู่กับดงฝรั่งทั้งนั้นเลย มีคนไทยแค่ผมคนเดียว  แล้วผมจะพูดไทยกับใครหากไม่พูดกับตัวเอง บวกกับนิสัยเป็นคนใจกล้า หน้าหนา เอ้ย หน้าด้าน ชอบในด้านภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ผมหน้าแตกมาก็เยอะ ประมาณว่าไปยันฮี หมอก็ทำศัลยกรรมให้ไม่ได้ ก็คงไม่ใช่เรื่องอะไรมาก ก็คงประมาณว่า หัดทดลองเอาคำพูดไปใช้ แต่เอาไปใช้ไม่ถูก และตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่เคยใช้ผิดอีกเลย ผมก็ไม่เห็นว่าฝรั่งมันจะหัวเราะหรือด่าผมที่ผมใช้ภาษาเขาผิด คนไทยบางคน ไม่ได้เลยนะครับ พอเห็นคนไทยพูด แทนที่จะฟังว่าเขาอยากจะสื่ออะไร แหม!มานั่งจับผิด ว่าคนนั้นจะพูดผิดตรงไหน สำเนียงไทยจ๋าหรือเปล่า พูดตรงไวยากรณ์หรือเปล่า

 

ต่อให้เขาพูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทย แต่ออกสำเนียงถูก ฝรั่งฟังรู้เรื่อง แล้วมันน่าอายตรงไหน เรื่องพวกนี้จริงๆผมก็ไม่อยากหยิบยกขึ้นมาพูดนะ แต่คนไทยส่วนหนึ่งเป็นแบบนั้นจริงๆ หลายครั้งต่อหลายครั้งที่ผมประสบด้วยตัวเองหรือคนใกล้ตัวบ้าง

ผมอยู่อินเดียมาหลายปี แต่ผมมีครูสอนภาษาอังกฤษเป็นคนอินเดียเพียงแค่คนเดียว นอกนั้นผมใช้ประสบการณ์ชีวิตเข้ามาช่วยในการพัฒนา คือขยันฟัง ขยันพูด เพราะแขกบางคน ผมไม่ได้นินทานะ สำเนียงแขกจ๋าจริงๆ  ผมเคยไปปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษาท่านก็เป็นคนอินเดียนี้แหละ ท่านบอกกับผมว่า ท่านไม่อยากแนะนำให้เรียนกับคนอินเดีย แต่อยากแนะนำให้เรียนกับคนต่างชาติที่อยู่ในอินเดีย นี้เป็นเหตุผลที่ผมต้องไปเรียนกับฝรั่งที่อยู่ในอินเดีย ค่าเล่าเรียนไม่ได้แพงอะไรมาก ชั่วโมงหนึ่งแลกกับมาม่า2ห่อ บวกให้กับพาพรรคพวกมากินต้มมาม่าใส่ไข่แล้วชวนฝรั่งคุย บางวันได้หลายชั่วโมง แลกกับมาม่าไม่กี่บาท หากวันไหนไม่อยากต้มมาม่าเพราะว่ามาม่าใกล้หมดแล้ว อยากตุนเอาไว้กินคนเดียวก็ไปหาซื้ออะไรมาทำกินกัน ก็ลงมือทำอาหารไทยให้นี่ได้หลายชั่วโมงเลย แกล้งสอนมันทำด้วย จริงๆก็ไม่ได้อยากสอนอะไรมากหรอก แต่อยากรู้ว่าอุปกรณ์เครื่องครัวแต่ละอย่างมันชื่อว่าอะไร ออกเสียงอย่างไร ผมก็เรียนกับฝรั่งได้ อยู่กับฝรั่งได้ โดยที่ผมก็ไม่ได้เดินทางไปยุโรป ฝรั่งที่เดินทางมาเที่ยวเอเชียส่วนมากพวกนี้ไม่ค่อยเหยียดสีผิว บางพวกก็อยากหาประสบกาณ์เพิ่มพูนให้กับชีวิต

 


ฝรั่งหรือบักสีดาที่ผมได้รู้จักส่วนมากไปเมืองไทยมาหมดแล้ว ส่วนมากก็มักจะแกล้งถามว่าที่โน้นที่นี่ที่เมืองไทยไปมาหรือยัง ผู้หญิงไทยเป็นไงบ้าง สวยไหม ฝรั่งเกือบร้อยทั้งร้อย บอกว่าผู้หญิงไทย ซวยทุกคน ใจจริงเขาก็อยากจะบอกว่าสวยทุกคนนั่นแหละครับ แต่มันออกเสียงไม่ชัด

ก่อนที่ผมจะพล่ามไปมากกว่านี้  ผมอยากจะพูดให้คิดนิดหนึ่งนะครับ คุณไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนผม อยู่ที่ไหนก็เก่งภาษาอังกฤษได้ ผู้หญิงในบาร์บางคนเก่งกว่าคนที่จบจากเมืองนอกมาเสียอีกเพราะอะไร เพราะเขาฝึกทุกวัน ฝึกฟังทุกวัน ฝึกพูดทุกวัน แต่เขาเขียนได้ไหม บางคนพูดเก่งมาก ด่าก็เก่ง แต่เขียนไม่ได้ เพราะเขาฝึกฟังและฝึกพูดแต่ไม่ได้ฝึกเรียนไวยากรณ์  ให้คนที่ฟังรู้แล้วพูดรู้เรื่องแล้วไปเรียนไวยากรณ์มันจะเรียนได้ไวขึ้นอีกกว่าคนที่เพิ่งไปเรียนจากพื้นฐาน ABCD แค่ปรับทักษะนิดหน่อย ดังนั้นมีคนเป็นจำนวนมากที่เก่งภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องเดินทางไปเรียนต่างประเทศ ปัจจุบันเทคโนโลยีที่เรากำลังใช้อยู่นี้แหละครับ เป็นเครื่องมือทำให้ภาษาอังกฤษของเราพัฒนาไวขึ้น Ipod MP3 MP4 ใช้อินเตอร์เน็ทให้มันเป็นประโยชน์เลยครับ เว็บภาษาอังกฤษไหนดีๆ ไปหาโหลดมาฟัง ฟังบ่อยๆ ฟังบ่อยๆจะได้อะไร ได้ทักษะการออกเสียง ได้ accent สรุปว่าได้เยอะครับ แล้วอย่าใจร้อนครับ

คนไทยบางคน ไม่รู้สินะ ผมว่าคนเราทุกวันนี้มันได้อะไรไวเกินไป จนบางครั้งก็เลยอยากได้อะไรที่มันได้ผลไวๆ เช่นเรียนภาษา บางคนอยากได้ภายใน 1 เดือน2 เดือน 3 เดือน ขึ้นอยู่กับว่า อยากมากอยากน้อย บางคนอยากมากหน่อย ต้องให้ได้ภายในอาทิตย์นี้เพราะอาทิตย์หน้าจะสอบสัมภาษณ์งานแล้ว วัดร่องขุ่นไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวฉันใด การเรียนภาษาอังกฤษก็ใช่ว่าจะเสร็จหรือสำเร็จในวันเดียวฉันเพล (นั้น) ดังนั้นอย่าท้อครับ ฝึกไปทุกวัน จงคิดเสมอว่าเราไม่รู้ภาษาอังกฤษเลย และเราก็อยากรู้ อยากเก่งอยากพูดได้ คำว่า
success มาก่อนคำว่า work มีแค่ในพจนานุกรมเท่านั้นนะครับ ในชีวิตจริง ต้องทำงานก่อน แล้วจึงจะประสบผลสำเร็จ แฮ่ๆๆๆๆๆๆ (เสียงหัวเราะผมกวนทีนหรือเปล่า)

 


โชคดีสิวออกดากทุกผู้ทุกนามนะครับ บ๊ายบาย ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน


guest profile guest
555+

ตรงใจทีสุด ^^
natcha1993kwang profile natcha1993kwang

หนูสนใจอยากจะไปเรียนที่เดี๋ยวกับพี่นะค่ะ ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ

guest profile guest
สุดยอดครับตรงใจที่สุด
guest profile guest

เออ..มันก็จืงอย่างที่คุณพูดนะ คนเรามันก็เป็นแบบนี้ละ ชื่อบังกาลอร์ ก็บอกอยู่แล้วว่า รอ(ลอร์) ๕๕๕

ประกาศล่าสุดในบอร์ดเดียวกัน

10 ปีที่ผ่านมา
guest Icon อยากไปเรียน นวด ที่อินเดีย 1 อ่าน 4,615 13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
Phindia Icon บังเอิญเกิดเร็ว (ไปหน่อย) 29 อ่าน 14,584 13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
Phindia Icon เสียดายคนหูหนวกไม่ได้ฟัง 1 อ่าน 7,209 13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
Phindia Icon เงื่อนไขของชีวิต? อ่าน 4,218 13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
Phindia Icon ผี ฝาโลง คนตาย..คนเป็นๆ 1 อ่าน 4,119 13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา