พระราชดำรัส

kronkanok profile image kronkanok
[Archived]
สามัคคีหรือการปรองดองกัน ไม่ได้หมายความว่าคนหนึ่งพูดอย่างหนึ่ง
คนอื่นต้องพูดเหมือนกันหมด ลงท้ายชีวิตก็ไม่มีความหมาย ต้องมีความแตกต่างกัน
แต่ต้องทำงานให้สอดคล้องกัน แม้จะขัดกันบ้างก็ต้องสอดคล้องกัน
พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (21)
(พระราชทานแก่ คณะบุคคลต่างๆในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม
2536)

ในการปฏิบัติงานนั้น ย่อมมีปัญหาต่างๆเกิดขึ้นได้เสมอ
เมื่อปัญหาเกิดขึ้นต้องแก้ไข อย่าทิ้งไว้พอกพูนลุกลามจนแก้ยาก
ขอให้ทุกคนระลึกว่าปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไขได้
ถ้าแก้คนเดียวไม่ได้ก็ช่วยกันคิดช่วยกันแก้หลายๆคนหลายๆทาง
ด้วยความร่วมมือปรองดองกัน
พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (23)
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 13 กรกฎาคม
2533)

การทำงานใหญ่ๆ ทุกอย่างต้องการเวลามากกว่าจะทำสำเร็จ
ผู้ที่เริ่มโครงการอาจไม่ทันทำให้สำเร็จโดยตลอดด้วยตนเองก็ได้
ต้องมีผู้อื่นรับทำต่อไป ดังนั้นไม่ควรยกเอาเรื่องใครเป็นผู้ริเริ่มงาน
ใครเป็นผู้รับช่วงงาน ขึ้นเป็นข้อสำคัญนัก
จะต้องถือผลสำเร็จที่จะเกิดจากงานเป็นใหญ่
พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (22)
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยศิลปากร 14 ตุลาคม 2514)


การจะทำงานให้มีประสิทธิผลและให้ดำเนินไปได้โดยราบรื่น
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำด้วยความรับผิดชอบอย่างสูง ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง
ไม่บิดเบือนจุดประสงค์ที่แท้จริงของงานสำคัญที่สุดต้องเข้าใจความหมายของคำว่า
ความรับผิดชอบ ให้ถูกต้อง
พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (24)
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 16 กรกฎาคม
2519)

ต่างคนต่างมีหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำเฉพาะหน้าที่นั้น
เพราะว่าถ้าคนใดทำหน้าที่เฉพาะของตัวโดยไม่มองไม่แลคนอื่น งานก็ดำเนินไปไม่ได้
เพราะเหตุว่างานทุกงานจะต้องพาดพิงกันจะต้องเกี่ยวโยงกัน
ฉะนั้นแต่ละคนจะต้องมีความรู้ถึงงานของผู้อื่นแล้วช่วยกันทำ
พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (25)
(พระราชทานแก่
คณะบุคคลต่างๆที่เข้าเฝ้าฯเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2533)


ถ้าทำงานด้วยความตั้งใจที่จะให้เกิดผลอันยิ่งใหญ่
คือความเป็นปึกแผ่นของประเทศชาติ ด้วยความสุจริตและด้วยความรู้ความสามารถด้วยจริงใจ
ไม่นึกถึงเงินทองหรือนึกถึงผลประโยชน์ใดๆก็เป็นการทำหน้าที่โดยตรงและได้ทำหน้าที่โดยเต็มที่

พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (26)
(พระราชทานแก่ ศึกษาธิการจังหวัดทั่วประเทศ 13 ธันวาคม 2511)


การที่จะให้งานประสานกันนั้นมีหลักสำคัญอยู่ว่า
ทุกฝ่ายจะต้องไม่แบ่งแยกกัน ไม่แย่งประโยชน์ ไม่แย่งความชอบกัน
แต่ละฝ่ายแต่ละคนต้องทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ
มุ่งหวังผลสำเร็จในการทำงานเป็นใหญ่ยิ่งกว่าสิ่งอื่น
พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (27)
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ 10
กุมภาพันธ์ 2522)

เมื่อมีโอกาสและมีงานให้ทำ
ควรเต็มใจทำโดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้หรือเงื่อนไขอันใดไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง
คนที่ทำงานได้จริงๆนั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใดย่อมทำได้เสมอ ถ้ายิ่งมีความเอาใจใส่
มีความขยันซื่อสัตย์สุจริต ก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในงานที่ทำสูงขึ้น
พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (28)
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา 8
กรกฎาคม 2530)

ขอให้ทุกคนระลึกว่าปัญหาทุกอย่างมีทางที่จะแก้ไขได้
ถ้าแก้คนเดียวไม่ได้ก็ช่วยกันคิดช่วยกันแก้หลายๆคน หลายๆ
ทางด้วยความร่วมมือปรองดองกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นจักได้ไม่กลายเป็นอุปสรรคขัดขวาง
และบั่นทอนทำลายความเจริญและความสำเร็จของการงาน
พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (29)
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 13 กรกฎาคม
2533)

ธรรมชาติแวดล้อมของเรา ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดิน ป่าไม้ แม่น้ำ ทะเล
และอากาศ มิได้เป็นเพียงสิ่งสวยๆ งามๆ เท่านั้น
หากแต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของเรา
และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของเราไว้ให้ดีนี้
ก็เท่ากับเป็นการปกปักรักษาอนาคตไว้ให้ลูกหลานของเราด้วย
พระราชดำรัสของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ... (30)

 < 1 2 3 4 5 >  Last ›



SPOTLIGHT
โรงเรียนทุกแห่งเปิดเทอมครบถ้วนแล้ว เหยี่ยวข่าว 7 สี : การจราจรวันเปิดเทอมคล่องตัว ดูแลคุ้มครองครูใต้และ นร.สับสนระเบียบตัดผม รายงานพิเศษ : รถโพถ้องโบราณ บริการนักเรียนฟรีเปิดเทอม นักเรียนยังสับสนกฎระเบียบไว้ทรงผม


HOT
News
แก๊งมิจฉาชีพตระเวนขโมยกับข้าวชาวบ้านฝากขังครูทำเด็กเสียชีวิตในรถเดือนหน้าก๊าซหุงต้มขึ้นถังละ 5 บาทประชุมน้ำโลกพบลูกเมียผู้รับเหมาที่นราธิวาสแล้ว
ความคิดเห็น