กระทรวงศึกษาธิการวันนี้ กับหายนะของชาติ
สำนักงาน ก.ค.ศ.ในฐานะองค์กรกลางในการบริหารงานบุคคล ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ควรเป็นหลักในการบริหารงานบุคคล ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล แต่กลับไม่ได้ทำอะไรให้เป็นไปตามครรลองที่ถูกต้อง ตามที่ควรจะเป็น ตามที่สังคมครูและบุคลากรทางการศึกษาคาดหวัง
เช่น การมุ่งเยียวยาให้กลุ่ม จนท.บริหารการศึกษา แต่เพียงกลุ่มเดียว เมื่อมีการปรับปรุงกระทรวงศึกษาธิการใหม่ ในปี 2546 และใช้ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูฯ 47 ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ ตั้งแต่ ผช.หน.ปก.จนถึง ผช.ผอ.ปจ. /ผช.สศจ./ ผช.ศธจ. ตาม พ.ร.บ.ครู 23 ไปเป็น รอง ผอ.สพท. กันทั่วหน้าเต็มบ้านเต็มเมือง สพท.ละ 13-14 ตำแหน่ง ซึ่งไม่มีหน่วยงานไหนในโลกที่เขาจะทำกัน นอกจากประเทศไทย และเป็นกระทรวงศึกษาธิการเสียด้วย ตำแหน่งเหล่านี้ หลอกประชาชนคนเดินดินที่เสียภาษีอากรทั้งประเทศ ว่า เพื่อเยียวยา ที่มีโครงสร้างกระทรวงใหม่ ต้องตอบแทนคนเหล่านี้เท่านั้น ให้มียศถาบรรดาศักดิ์เพิ่มขึ้น แต่ว่า หากตำแหน่งเหล่านี้ว่างลงเมื่อใด ให้ยุบเลิกซะ จำนวนจะได้น้อยเหลือเพียง สพท.ละ 3 ตำแหน่งก็เหลือพอ แต่จนถึงบัดนี้ เกือบ 8 ปี ถามว่า ตำแหน่งเหล่านี้ถูกยุบเลิกไปมากน้อยแค่ไหน เห็นมีแต่เอาตำแหน่งว่างครูผู้สอน ไปยุบเลิกแทน แล้วสรรหาคัดเลือกเอามาจาก ผอ.ร.ร. ไปเป็น รอง ผอ.สพป. ไปเป็น รอง ผอ.สพม. ไม่สิ้นสุด นี่มันอะไรกันครับพี่น้องครับ
ประการต่อมา นับแต่เข้าสู่โครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการใหม่ในปี 2546 จนถึงบัดนี้ รอง ผอ.สพท. ที่บัดนี้ ปรับเปลี่ยนเป็น ผอ.สพป. จะย่างเข้า 8 ปี เขาเหล่านี้ไม่เคยโยกย้ายไปไหน ทั้งๆ ที่ พ.ร.บ.โครงสร้างกระทรวง ศธ.46 กำหนดว่า เป็นผู้บังคับบัญชา รองจาก ผอ.สพท. จนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ มีอิทธิพลฝังรากลึกในหน่วยงาน เป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่ มีพฤติกรรมไม่น่าพึงประสงค์ รอง ผอ.สพท.บางคนแทบไม่มีงานทำ เอาเปรียบราชการ แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ เจ้าชู้ไก่แจ้ มุ่งแต่ทำเลื่อนวิทยฐานะ ฯลฯ
ด้วยเหตุที่แต่ละ สพท.มี รอง ผอ.สพท.อยู่กว่า 10 คน ซึ่งไม่มีหน่วยงานไหนในโลกที่เขาจะจัดการกำลังคนกันอย่างนี้ นอกจากกระทรวงศึกษาธิการของไทย ซึ่งน่าจะทำให้เด็กไทย ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ เด็กสร้างปัญหาให้กับสังคม แล้วสังคมเราได้อะไรกับคนเหล่านี้ที่มีอยู่อย่างมากมายก่ายกอง
จึงขอวิงวอนในกรณีนี้ 2 ประการคือ
ประเด็นต่อมาคือ การสรรหาคัดเลือกตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตาม ม.38 ค (2) โดยเฉพาะตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ หรือตำแหน่ง ผอ.กลุ่ม ควรมีรูปแบบที่ชัดเจน บุคลากรทุกเขตทั้งประเทศรับทราบรับรู้ตำแหน่งว่างเหล่านี้ โดยการสรรหาคัดเลือกจากหน่วยงานกลาง ไม่ใช่ให้เขตเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งมีแต่ระบบอุปถัมภ์ เล่นพรรคเล่นพวก ซื้อขายตำแหน่ง จนเกินงาม มากมายล้นหลาม จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาในสายตาคนกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็ส่อแววความหายนะของบ้านเมือง ทั้งๆ ที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับกระทรวงแห่งนี้ ที่ควรถือเป็นกระทรวงหลัก ที่มุ่งมั่นรักษาคนดี ส่งเสริมคนดี ส่งเสริมให้เป็นแบบอย่างตอบแทนให้แก่ผู้เรียนได้ประจักษ์ว่า เด็กต้องตั้งใจเรียน ตั้งใจทำความดี มีจิตสาธารณะ จิตอาสา ผลการหมั่นทำในสิ่งที่ถูกต้อง เราจะได้รับผลตอบแทนที่ดี แต่สิ่งเหล่านี้ ถูกกัดกร่อนโดยอำนาจเงิน อำนาจความลุ่มหลงในสิ่งที่เป็นอบาย จนเราได้แต่คนชั่ว คนไม่ดี มากินบ้านกินเมือง สิ่งเหล่านี้จะกลับมาทิ่มแทงลูกหลานของพวกเรากันเอง โดยเฉพาะลูกหลานของคนเหล่านี้ ที่มีแต่ความหายนะแก่วงศ์ตระกูลของตนเองในที่สุด
*************************************
ขอถามคนใหญ่คนโตในกระทรวงศึกษาธิการว่า ท่านได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์ต่อวงการศึกษา เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ยึดถือเป็นแบบอย่างที่ดี อย่างมุ่งมั่น ฝากไว้ในแผ่นดินแล้วหรือไม่ ก่อนดินจะกลบหน้า