เก็งข้อสอบสำนักงานประกันสังคม ปี 56

nasza profile image nasza
แนวข้อสอบกฎหมายประกันสังคม
 
1.       กฎหมายประกันสังคม  เป็นกฎหมายที่มีลักษณะอย่างไร
ก.       เป็นกฎหมายที่กำหนดการให้หลักประกันแก่บุคคลในสังคมที่มีปัญหาเนื่องจากการประสบเคราะห์ภัย
ข.       เป็นกฎหมายที่กำหนดการให้หลักประกันแก่บุคคลที่มีเหตุการณ์อันทำให้เกิดปัญหาในการดำรงชีพ ซึ่งต้องการได้รับความช่วยเหลือ
ค.       เป็นกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะแก่บุคคลโดยการรวบรวมเงินเข้าเป็นกองทุนและจ่ายเงินช่วยเหลือ
ง.       ถูกทุกข้อ
ตอบ   ง. ถูกทุกข้อ
2.       ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับลูกจ้างซึ่งมีฐานะเป็นผู้ประกันตน
ก.       บุคคลที่สมัครเข้าทำงานในสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างรวมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป
ข.       บุคคลที่สมัครเข้าทำงานในสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างรวมกันตั้งแต่ 15 คนขึ้นไป
ค.       บุคคลที่สมัครเข้าทำงานในสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างรวมกันตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป
ง.       บุคคลที่สมัครเข้าทำงานในสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างรวมกันตั้งแต่กี่คนขึ้นไปก็ได้
ตอบ  ค. บุคคลที่สมัครเข้าทำงานในสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างรวมกันตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป
3.       เมื่อพ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง ลูกจ้างยังคงมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในการรับบริการทางการแพทย์ต่อไปได้อีกกี่เดือน  นับจากวันสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง
ก.       3  เดือน                                                                          ค. 8  เดือน
ข.       6 เดือน                                                                           ง. 10 เดือน
ตอบ   ข. 6 เดือน 
4.       กฎหมายประกันสังคมไม่ใช้บังคับแก่ใคร
ก.    ข้าราชการ และลูกจ้างประจำของหน่วยราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น
ข.    ลูกจ้างของรัฐบาลต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ
ค.    ลูกจ้างงานบ้านอันมิได้มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย
ง.     ถูกทุกข้อ
ตอบ  ง. ถูกทุกข้อ
 
5.       ลูกจ้างจะไม่เป็นผู้ประกันตนอีกต่อไปในกรณีใด
ก.       ตาย                                                                                 ค. ลาออก
ข.       สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง                                            ง.  ถูกทั้ง  ก  และ  ข
ตอบ   ง.  ถูกทั้ง  ก  และ  ข
6.       ข้อใดคือหน้าที่ของนายจ้าง
ก.       ยื่นแบบรายการแสดงรายชื่อลูกจ้าง อัตราค่าจ้าง
ข.       จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมร่วมกับผู้ประกันตนหรือลูกจ้างและรัฐบาลฝ่ายละเท่าๆกัน
ค.       หักค่าจ้างของผู้ประกันตนที่เป็นลูกจ้างตามจำนวนที่จะต้องเป็นเงินสมทบ
ง.       ถูกทุกข้อ
ตอบ  ง. ถูกทุกข้อ
7.       นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมสำหรับการประกันกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยนอกงาน คลอดบุตร ทุพพลภาพ และตาย ไม่เกินร้อยละเท่าใด  ของค่าจ้าง
ก.       ร้อยละ 1                                                                        ค. ร้อยละ  3
ข.       ร้อยละ 1.5                                                                     ง. ร้อยละ  5
ตอบ   ข. ร้อยละ 1.5           
8.       นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมสำหรับการประกันกรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ ไม่เกินร้อยละเท่าใด  ของค่าจ้าง
ก.       ร้อยละ 1                                                                        ค. ร้อยละ  3
ข.       ร้อยละ 1.5                                                                     ง. ร้อยละ  5
ตอบ   ค. ร้อยละ  3
9.       นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมสำหรับกรณีประกันการว่างงาน ไม่เกินร้อยละเท่าใด  ของค่าจ้าง
ก.       ร้อยละ 1                                                                        ค. ร้อยละ  3
ข.       ร้อยละ 1.5                                                                     ง. ร้อยละ  5
ตอบ   ง. ร้อยละ  5
 
10.    นายจ้างจะต้องหักค่าจ้างของผู้ประกันตนที่เป็นลูกจ้างตามจำนวนที่จะต้องเป็นเงินสมทบในส่วนของลูกจ้างและนำส่งสำนักงานประกันสังคมภายในวันที่เท่าใด ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการหักเงินสมทบ
ก.      1                                                                                     ค. 30
ข.     15                                                                                   ง.  10
ตอบ   ข. 15
11.    ข้อใดหมายถึง   เงินสมทบ
ก.     เงินที่นายจ้างจ่ายสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม
ข.     เงินที่ลูกจ้างจ่ายสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม
ค.     เงินที่รัฐบาลจ่ายสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม
ง.      เงินที่นายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล หรือเงินที่ผู้ประกันตนและรัฐบาลร่วมกันจ่ายสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม
ตอบ  ง.  เงินที่นายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล หรือเงินที่ผู้ประกันตนและรัฐบาลร่วมกันจ่ายสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม
12.    ประโยชน์ทดแทน หมายถึง
ก.       ความช่วยเหลือที่ให้แก่นายจ้าง เมื่อนายจ้างประสบเคราะห์ภัยหรือเดือดร้อน
ข.       ความช่วยเหลือที่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเมื่อประสบเคราะห์ภัยหรือเดือดร้อน
ค.       ความช่วยเหลือที่ให้แก่ผู้ประกันตน หรือผู้มีสิทธิ เมื่อผู้ประกันตนประสบเคราะห์ภัยหรือเดือดร้อน
ง.       ไม่มีข้อถูก
ตอบ  ค. ความช่วยเหลือที่ให้แก่ผู้ประกันตน หรือผู้มีสิทธิ เมื่อผู้ประกันตนประสบเคราะห์ภัยหรือเดือดร้อน
13.    รูปแบบของประโยชน์ทดแทนมีกี่รูปแบบ
ก.     รูปแบบเดียว                                                                 ค.  3  รูปแบบ
ข.     2  รูปแบบ                                                                      ง.  4  รูปแบบ
ตอบ   ง.  4  รูปแบบ
 
 
14.    การได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณี สงเคราะห์บุตร ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่ากี่ปี
ก.       1  ปี                                                                                 ค.  3  ปี
ข.       2  ปี                                                                                 ง.  4  ปี
ตอบ   ก. 1  ปี       
15.    การได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณี ชราภาพ ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า              กี่ปี  ไม่ว่าระยะเวลานั้นจะติดต่อกันหรือไม่
ก.       5  ปี                                                                                 ค.  10  ปี
ข.       15  ปี                                                                              ง.   20  ปี
ตอบ   ข. 15  ปี
ข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย ในการคุ้มครองสิทธิแรงงานนอกระบบ 
ด้วยความเติบโตของระบบเศรษฐกิจในทุกวันนี้ เป็นผลมาจากการสร้างสรรค์การผลิตของผู้ใช้แรงงานในระบบและนอกระบบ ซึ่งในประเทศไทยแรงงานนอกระบบประกอบด้วยแรงงานในภาคเกษตร ผู้ผลิตเพื่อขาย ผู้รับงานไปทำที่บ้าน ผู้ใช้แรงงานในภาคบริการต่างๆ หาบเร่แผงลอย และผู้ประกอบอาชีพอิสระอื่นๆ มีจำนวนรวมมากกว่า 20 ล้านคน แรงงานนอกระบบในประเทศไทยต้องเผชิญกับการถูกละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของแรงงานในหลายประการ อันได้แก่ งานที่ทำขาดความมั่นคง ไม่ได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรม งานที่ทำมีความเสี่ยงสูง และมีอันตรายต่อสุขภาพ อีกทั้งเข้าไม่ถึงการบริการทางด้านสาธารณสุขของสำนักงานประกันสังคม และบริการอื่นๆของรัฐ และที่สำคัญไม่สามารถใช้สิทธิในการรวมตัวต่อรองได้ ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ไม่ได้ให้ความคุ้มครองครอบคลุมแรงงานนอกระบบ ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้มีกฎหมายเฉพาะที่จะคุ้มครองแรงงานนอกระบบอย่างเหมาะสมและเพียงพอ ซึ่งสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถแยกออกเป็นกรณีต่างๆ ของเจ้าของปัญหาได้แก่ 
กรณี “ผู้รับงานไปทำที่บ้าน” 
เนื่องจากกฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ในงานรับไปทำที่บ้าน พ.ศ.2547 มีข้อจำกัดหลายประการ ได้แก่ 
1. การคุ้มครองค่าแรงขั้นต่ำของผู้รับงานไปทำที่บ้าน 
2. การไม่คุ้มครองต้นทุนการผลิต ในส่วนของผู้รับงานไปทำที่บ้าน เช่น สถานที่ เครื่องจักร เครื่องมือ ค่าไฟฟ้า ค่าขนส่ง ฯลฯ 
3. การไม่สามารถใช้สิทธิทางกฎหมายต่อผู้ว่าจ้างหรือเจ้าของงานที่แท้จริงได้ 
4. การที่กระทรวงแรงงานไม่บังคับใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ แม้จะประกาศในราชกิจจานุเบกษามานานกว่า 2 ปี แล้ว 
 
ข้อเสนอ “การคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน” 
1. ให้กระทรวงแรงงานจัดตั้งคณะทำงานร่วม ซึ่งมีองค์ประกอบของผู้รับงานไปทำที่บ้าน นักกฎหมายแรงงาน นักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชน และนำเอาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมคุ้มครองและพัฒนาแรงงานในงานรับไปทำที่บ้าน พ.ศ.... ซึ่งเป็นร่างฉบับผู้ใช้แรงงานจัดทำขึ้น มาบูรณาการกับร่างกฎหมายฉบับกระทรวงแรงงาน 
2. ให้กระทรวงแรงงานมีการจัดกระบวนการประชาพิจารณ์ เพื่อให้ผู้รับงานไปทำที่บ้าน และประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ก่อนที่จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี 
กรณี “แรงงานเกษตรในระบบพันธะสัญญา” 
แรงงานเกษตรในระบบพันธะสัญญา เป็นแรงงานนอกระบบกลุ่มใหญ่ที่ขาดการคุ้มครองในฐานะที่เป็นแรงงาน บริษัทผู้จ้างงานได้ใช้ประโยชน์จากช่องว่างของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 และกฎหมายเกี่ยวกับแรงงานฉบับอื่นๆ และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับเกษตรกร ในรูปแบบของการซื้อขายหรือการจ้างทำของ หรือสัญญาอื่นๆแทน ทำให้แรงงานเกษตรในระบบพันธะสัญญาถูกละเมิดและเข้าไม่ถึงสิทธิแรงงานขั้นพื้นฐานใดๆเลย 
ข้อเสนอ “การคุ้มครองแรงงานเกษตรในระบบพันธะสัญญา” 
1. ให้กระทรวงแรงงานจัดทำการศึกษา เพื่อทำความเข้าใจต่อปัญหาของการถูกละเมิดสิทธิแรงงานของเกษตรพันธะสัญญา และศึกษาเพื่อหาความเป็นไปได้ในการออกกฎหมายคุ้มครองสิทธิแรงงานเกษตรในระบบพันธะสัญญา 
2. ให้กระทรวงแรงงานจัดตั้งคณะทำงานร่วม ซึ่งมีองค์ประกอบของแรงงานภาคเกษตร นักกฎหมายแรงงาน นักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชน ยกร่างกฎหมายเพื่อการคุ้มครองแรงงานเกษตรในระบบพันธสัญญา 
กรณี “การคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ” 
ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา สำนักงานประกันสังคมมีการเตรียมการที่จะขยายความคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานที่อยู่นอกระบบประกันสังคม และได้มีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมา  2 ชุด คือ คณะอนุกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ และคณะอนุกรรมการยกร่างการขยายความคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ ซึ่งคณะกรรมการได้มีการดำเนินงานมาถึงขั้นยกร่างชุดสิทธิประโยชน์และอัตราการจ่ายเงินสมทบของแรงงานนอกระบบที่จะเข้าสู่กองทุน โดยรับฟังความคิดเห็นบางส่วนจากเครือข่ายแรงงานนอกระบบ แต่ด้วยปัจจัยหลายประการก็ยังไม่มีความคืบหน้าไปมากกว่านั้น 
ข้อเสนอกรณี “การคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ” 
1. ต้องมีหลักการในการเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข แรงงานนอกระบบทุกกลุ่มอาชีพ ทุกคนให้เข้าสู่กองทุน มีการจ่ายเงินสมทบตามฐานของรายได้ และได้รับการดูแลเมื่อประสบความยากลำบากในการดำเนินชีวิต 
2. รัฐและผู้ว่าจ้าง / เจ้าของงาน ต้องร่วมรับผิดชอบจ่ายเงินสมทบเข้าสู่กองทุน 
3. ต้องอยู่บนหลักการความเสมอภาคเท่าเทียม และไม่เลือกปฏิบัติต่อแรงงาน นั่นคือแรงงานนอกระบบจะต้องได้รับสิทธิประโยชน์คุ้มครองที่เท่าเทียมกันกับประกันสังคมของแรงงานในระบบ คือ 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพลภาพ สงเคราะห์บุตร ตาย ชราภาพ และว่างงาน รวมทั้งกรณีของอุบัติเหตุและการเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากการทำงานซึ่งแรงงานนอกระบบจะต้องได้รับการคุ้มครองจากกองทุนเงินทดแทน และการเก็บเงินสมทบจากแรงงานนอกระบบต้องอยู่ในอัตราไม่เกินร้อยละ 5 ของรายได้ 
4. สำนักงานประกันสังคมต้องออกแบบการบริหารกองทุน ที่จะจัดตั้งขึ้นนี้ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของแรงงานนอกระบบ ในฐานะที่ร่วมเป็นเจ้าของเงินกองทุน 
5. สำนักงานประกันสังคม กระทรวงการคลัง และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ต้องให้การสนับสนุนการจัดระบบสวัสดิการของชุมชน ในฐานะที่เป็นหลักประกันทางสังคมอีกประการหนึ่งของแรงงานนอกระบบ และประชาชน 
กรณี “หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและการบริการสาธารณสุข ในระดับปฐมภูมิ กับการบริการด้านสุขภาพความปลอดภัยของแรงงานนอกระบบ” 
เนื่องจากแรงงานนอกระบบถูกระบุเป็น 1 ใน 8 ของเครือข่ายภาคประชาชน ที่มีฐานะเป็นทั้งกลุ่มเป้าหมายและภาคีการมีส่วนร่วมของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แม้ในปัจจุบัน สปสช. จะมีการดำเนินการและความพยายามในบางส่วน เพื่อการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของแรงงานนอกระบบบ้างแล้ว แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในรูปของโครงการนำร่อง โครงการทดลอง 
ข้อเสนอกรณี “หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและการบริการสาธารณสุข ในระดับปฐมภูมิ กับการบริการด้านสุขภาพความปลอดภัยของแรงงานนอกระบบ” 
1. ให้สถานีอนามัยและหน่วยบริการสาธารณสุขระดับปฐมภูมิ (PCU) มีการทำงานด้านอาชีว อนามัย : ระบบฐานข้อมูลกลุ่มอาชีพ/ความเจ็บป่วยจากการทำงานและการให้บริการกลุ่มแรงงานนอกระบบ 
2. ให้ สปสช. เพิ่มงานอาชีวอนามัยในเกณฑ์มาตรฐานของ PCU เพื่อที่งานด้านอาชีวอนามัยและการให้บริการแก่กลุ่มแรงงานนอกระบบจะมีฐานะที่เป็นงานปกติของ PCU 
3. ให้ สปสช. จัดให้มีการตรวจสุขภาพตามความเสี่ยงแก่แรงงานนอกระบบประจำปี และมีการจัดทำสมุดบันทึกสุขภาพของแรงงานนอกระบบ และให้กองทุนส่งเสริมสุขภาพของ อบต. ที่ สปสช. ให้การสนับสนุนมีการทำงานด้านอาชีวอนามัยของกลุ่มแรงงานนอกระบบ 
4. ให้ สปสช. สนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ประสานงานภาคประชาชน ในประเด็นเกี่ยวกับแรงงานนอกระบบ 
กรณี “นโยบายท้องถิ่นกับการสนับสนุน ส่งเสริม พัฒนาและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ” 
เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อันได้แก่ เทศบาล อบต. นับว่าเป็นหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด และนับวันจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงควรมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและพัฒนากระบวนการคุ้มครองแรงงานนอกระบบ 
ข้อเสนอกรณี “นโยบายท้องถิ่นกับการสนับสนุน ส่งเสริม พัฒนาและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ” 
1. ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการบูรณาการส่งเสริม พัฒนา และคุ้มครองแรงงานนอกระบบ เข้ามาอยู่ในแผนงาน แผนงบประมาณ และการข้อบัญญัติท้องถิ่น 
2. ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีบทบาทแทนหน่วยงานภาครัฐ ที่ไม่มีสำนักงานในระดับท้องถิ่น เช่น ทำหน้าที่เป็นพนักงานตรวจแรงงาน แทนสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ทำหน้าที่เก็บเงินสมทบ และจ่ายเงินตามสิทธิประโยชน์คุ้มครองแก่แรงงานนอกระบบ 
 
จำหน่ายเอกสารแนวข้อสอบสำนักงานประกันสังคม นักวิชาการแรงงาน ใหม่ล่าสุด
รวมทุกอย่างที่ออกข้อสอบ
- ข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นมาของการประกันสังคม
- แนวข้อสอบเกี่ยวกับสำนักงานประกันสังคม
- กฎหมายประกันสังคม
- สวัสดิการแรงงานนอกระบบ
- อนาคตสังคมไทยกับงานด้านสวัสดิการสังคม
- แนวข้อสอบนักวิชากาแรงงาน
- แนวข้อสอบ กฎหมาย ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ.2547
(เลือกตามตำแหน่งที่สอบ)
 
ส่งเป็นไฟล์ทางอีเมล์ สนใจสั่งซื้อมาที่  โทร 087-0708815
สามารถนำไปปริ้นเพื่นอ่านได้เลย  ในราคาเพียงชุดละ   399 บาท 
ส่งเป็นไฟล์ทางอีเมล์ 399-
กรุณาชำระค่าสินค้าและบริการ 
เลขที่บัญชี 402-654466-2 ธ.ไทยพาณิชย์ 
สาขาเซ็นทรัลขอนแก่น ชื่อบัญชี ณัฐพล จูมศิลป์   ออมทรัพย์ 
โอนเงินแล้วแจ้งที่  nas_za.za@hotmail.com
 

เก็งข้อสอบสำนักงานประกันสังคม ปี 56

ความคิดเห็น

ประกาศล่าสุดในบอร์ดเดียวกัน

9 ปีที่ผ่านมา
Nasza Icon แนวข้อสอบ อบจ. จังหวัดพัทลุง อ่าน 1,263 9 ปีที่ผ่านมา
9 ปีที่ผ่านมา
9 ปีที่ผ่านมา
9 ปีที่ผ่านมา
Nasza Icon แนวข้อสอบ กรมอู่ทหารเรือ อ่าน 975 9 ปีที่ผ่านมา
9 ปีที่ผ่านมา