ขอเชิญประฃุมใหญ่สามัญประจำปี 2554

ดูวาระแล้ว  เห็นสนใจแต่เรื่องเงินวิทยะฐานะและการเพิ่มระดับหัวหน้าเป็นเชี่ยวชาญ  แต่ไม่สนใจกลุ่มเอกชนที่น่าจะมีชำนาญการพิเศษเพิ่มอีกหนึ่งคนได้ เหมือนกลุ่มอื่น ๆ   .................น่าน้อยใจจริง ๆ 

ไม่ต้องน้อยใจนะคะ(ร่าง)กรอบอัตรากำลังที่กำลังดำเนินการอยู่ได้เสนอเพิ่มชำนาญการพิเศษอีก 1 คนอยู่แล้ว ซึ่งจะได้เทียบเคียงกับของ สพม. และขณะนี้ ก.ค.ศ.มีแนวคิดที่จะมอบอำนาจให้ อ.ก.ค.ศ.ดำเนินการหลายเรื่องตามที่ สมาคมเคยเสนอไว้ เพื่อความคล่องตัว พร้อมทั้งจัดทำหลักเกฑณ์และวิธีการ คู่มือไว้ด้วย เพื่อให้เป็นแนวปฎิบัติเดียวกัน และขณะนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ.ก็กำลังจัดทำมาตรฐานการกำหนดตำแหน่งให้สอดคล้องกับของ ก.พ.ตาม พรบ.ข้าราชการพลเรือน 2551 เช่นกัน * ต่อไปเราจะลดหรือเพิ่มกรอบอัตรากำลัง ขึ้นอยู่กับ สพท.แต่ต้องมีการวิเคราะห์งาน และประเมินค่างานตา ว.17 ของ ก.พ. ตามภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญและที่สำคัญมีเงินด้วย ก็เตรียมศึกษา กฏ ระเบียบ หลักเกณฑ์วิธีการไว้ดีจะได้อ้างอิงได้ถูกต้อง

เมื่อไรจะเลิกใช้คำว่า  "ใช้กฎ กพ.โดยอนุโลม"  ก็ในเมื่อบุคลากรอยู่ในระดับเขตพื้นที่การศึกษา  ใช้กฎหมายฉบับเดียวกับครูในโรงเรียน  นี่นา 

ก็คนเขียน พรบ.ข้าราชการครูฯพ.ศ.2547 หมวด3 การกำหนดตำแหน่ง วิทยฐานะ และการให้ได้รับเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่ง มาตรา 38  ตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามี 3 ประเภทดังนี้ ก.ฯลฯ... ข.ฯลฯ ...ค.ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น มีดังต่อไปนี้ (1) ศึกษานิเทศก์ (2) ตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นตามท่ ก.ค.ศ.กำหนด หรือตำแหน่งของข้าราชการที่ ก.ค.ศ.นำมาใช้กำหนดให้เป็นตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามพระราชบัญญัตินี้ 
   การกำหนดระดับตำแหน่ง และการให้ได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตาม ค. (2) ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฏ ก.ค.ศ.โดยให้นำกฏหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดตำแหน่ง และการให้ได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญมาใช้บังคับโดยอนุโลม
** โดยอนุโลม* กฤษฎีกาตีความว่าต้องใช้ของ กพ.ทั้งหมดจ๊ะ มิใช่เลือกใช้เฉพาะที่เห็นว่าเป็นประโยชน์กับพวกเราแล้วทำให้เหลือมล้ำข้าราชการพลเรือนสังกัดอื่นนะจ๊ะ
*ถ้าเลิกใช้บังคับ ต้องแก้ไข พรบ.ข้าราชการครูฯมาตรา 38 ค.(2) ก่อน
-*และที่ช้ำใจสุด ๆ ๆๆ สมาคมฯเคยขอให้ตัด "โดยอนุโลม" ออกตั้งแต่พรบ.ฉบับนี้ยังไม่มีผลใช้บังคับ "เขา" คนใน ก.ค.ศ. บางคนที่เป็นใหญ่เป็นโตใน ก.ค.ศ.อยู่ทุกนี้ก็ไม่ยอม เพราะเขามองว่าพวกเราทำงานวิชาการไม่เป็น ทำแต่งานธุรการ คิดวิเคราะห์ไม่เป็น ทำวิจัยไม่เป็น ติดตามประเมินผลงานไม่เป็น ฯ ถ้าอยากจะแก้ พรบ.ข้าราชการครูฯ ก็ไปช่วยกันหน่อย
** ถ้าแก้ไขพรบ.ครูฯ แล้วก็ต้องแก้ พรบ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะฯ ยากพอกับงมเข็มในมหาสมุทรนั้นแหละ  ขอให้คุรุสภาออกกฏกระทรวงศึกษาธิการ /แก้ไขข้อบังคับคุรุสภาฯให้พวกเราเป็นอาชีพที่ต้องควบคุม ให้มีใบประกอบวิชาชีพเหมือนศึกษานิเทศก์ง่ายกว่า "พวกเราทำงานเกี่ยวเนื่องกับกระบวนการเรียนการสอนเหมือนกับศึกษานิเทศก์หรือเปล่า" อยู่ที่คนนำเสนอ และคนอ่าน/มองแล้วว่าเหมือน และมีความสำคัญเช่นกัน " "คนอื่นทำงานลักษณะนี้ไม่ได้ นอกจากบุคลากรทางการศึกษาอื่นเท่านั้น" จึงจะทำให้ผู้เรียนมีคุณภาพ

เห็นด้วยอย่างยิ่งเลย ว่า เมื่อไหร่จะเลิกใช้ "กฎ กพ."โดยอนุโลม" จะให้ใช้  กพ.  หรือ  กคศ.  ก็เลือกเอาสักอย่างหน่อย     เป็นอย่างนี้ทุกที  จะทำอะไรแต่ละที กพ.ออกกฎให้ทำ  กคศ.ออกกฎให้ทำ   แต่ 38 ค(2) ต้องรอ  ล้าหลังอยู่เรื่อย  เลือกเอาสักอย่างดีมั้ยค่ะ ท่าว วิศร์

มาตรา 38 ค(2) แห่งพรบ.ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 วรรคท้าย ได้กำหนดไว้ ให้นำ พรบ.ข้าราชการพลเรือนมาใช้บังคับโดยอนุโลม *ตั้งแต่เมื่อร่าง พรบ.ใหม่ นายกวิศร์ (สมาคมฯ ) ขอตัดวรรคนี้ ออก วิ่ง และขอร้องกรรมาธิการที่ผ่าน ร่าง พรบ.นี้ เขาก็ไม่ยอม เพราะเขามองว่าเราทำงานเหมือนธุรการเดินสารเท่า นั้น และต่อมา ก็เคยขอแก้ไข มาตรานี้อีก แต่ ก็เหตุผลไม่พอ"เราทำงานไม่ได้ต่างจาก ศน.เลย ขอมีใบประกอบวิชาชีพ เช่นเดียวกับศึกษานิเทศก์ แต่พลังไม่พอ  พรบ.ที่แก้ไข ก็เป็นอย่างที่เห็นนั้น แหละ ไม่ใช่สมาคมฯ จะไม่ทำอะไร ? แต่ทุกคนต้องช่วยกันผลักดันต่อไป

ที่ว่าทำงานเหมือน ศน.เลย คิดดีแล้วหรือ งาน ศน.เป็นงานวิชาการของเขตพื้นที่ฯ คนสมบัติการเป็น ศน.มีว่าอย่างไร ทราบหรือไม่ และให้มองว่างานวิชาการมันคืออะไร แล้วประเภทตำแหน่งวิชาการ กับประเภทตำแหน่งทั่วไป เป็นอย่างไร แล้ว นักวิชาการศึกษาของเขตพื้นที่ฯ ต่างกับตำแหน่งอื่นๆ อย่างไร มีคุณสมบัติในการเข้าเป็นนักวิชาการ เช่นเดียวกับ ศน.หรือไม่ รู้จักมั้ย การเข้าคุณสมบัติของตำแหน่งในการแต่งตั้งเป็น ศึกษานิเทศก์ และตำแหน่งนักวิชาการศึกษา ขอให้ทบทวนดูให้ดีนะท่านๆ ทั้งหลาย และอยู่ๆ จะเลิกใช้กฎ ก.พ.เลยก็หาใช่ไม่ ต้องมีที่มาและที่ไปที่แตกต่างกัน จริงมั้ยท่าน

คุณที่อ้างตัวว่าเป็นบุคลากร สิ่งทีท่านว่า ศน.แตกต่างจากบุคลากร เราคิดว้า ข้อแตกต่างอยู่ที่การเขียนผลงานให้ตนเองมีความสูงส่งและสำคัญ มีคุณค่าเหนือ 38ค(2) กระมัง  เพราะเห็นเขาทำงานอยู่ในเขต และหายๆไปนานๆ ว่าไป ร.ร. ถาม ร.ร.ก็บอกว่าอยู่เขต ถามเขต ก๋บอกว่ากำลังเดินทาง  ใครซักถามหาก็โกรธกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้  ไม่มีใครฟังใคร เก่งกันทั้งนั้น  แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนติดดินกันแทบทั้งหมด  ทำงานวิชาการกันเก่งจริงๆ  กดขี่ ข่มเหงว่าคนอื่นเขาต่ำกว่า  พวกตนเองดูกันทั่วถึงหรือไม่  ก้มลงมามองตนเองบ้าง  จะเห็นความจริงสักที