"จงละหมาด"คำสั่งเสียครั้งสุดท้าย

"จงละหมาด"คำสั่งเสียครั้งสุดท้าย

อาจารย์ สมาน แสงเราะหมัด

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาที่เคารพรักทุกท่าน ขอ เราท่านทั้งหลายได้ยืนหยัดอยู่บนหลักการแห่งความเป็นผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง ยืนหยัดอยู่บนพื้นฐานแห่งการมีความยำเกรง มีความตักวาต่อพระองค์อัลเลาะห์ ให้มากยิ่ง ๆ ขึ้น

          ท่านพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย วันนี้ อาจจะเป็นวันสุดท้ายของเดือนรอบีอุ้ลเอาวั้ล หรืออาจจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตของเราบางคน เมื่อรอบีอุ้ลเอาวั้ลที่เราได้รับทราบเกี่ยวกับเกียรติประวัติ ที่อัลเลาะห์ ได้ทรงให้เกียรติแก่เดือนนี้ ในฐานะที่พระองค์ได้ทรงกำหนดให้ศาสนฑูตที่ประเสริฐที่สุดถือกำเนิดเกิดขึ้น มา เพราะฉะนั้นในเดือนรอบีอุ้ลเอาวั้ลเป็นเดือนที่ท่านร่อซู้ลแห่งพระองค์ อัลเลาะห์ได้ถือกำเนิด จึงมีความสำคัญ รอบีอุ้ลเอาวั้ลจะอำลาจากเราไปแล้ว ก็อยากจะนำเอา  وصية  สุดท้ายของท่านศาสดามูฮำมัด ที่ได้กล่าวสั่งเสียแก่ประชาชาติของท่านทั้งหมด

          ในขณะที่ท่านนบีมูฮำมัด กำลังจะอำลาจากโลกนี้ไป กำลังจะสิ้นใจ ท่านอยู่ในบ้านของพระนางอาอิชะห์ ก่อนที่ลมสุดท้ายของท่านจะออกจากร่างไปนั้น ท่านไม่ได้หันไปสนใจใยดีกับครอบครัว ท่านไม่ได้สั่งภรรยา ไม่ได้สั่งลูก ๆของท่าน ไม่ได้สั่งเพื่อนฝูงที่อยู่รายล้อม แต่สิ่งที่ท่านได้สั่ง ได้กำชับ ได้บอก ก็คือ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับพวกเราที่เป็นอุมมะห์ประชาชาติ

          มีรายงานมาจากท่านหญิงอุมมุซาลามะห์  ซึ่ง เป็นภรรยาของท่านศาสดาคนหนึ่ง ก่อนท่านศาสดาจะเสียชีวิต ท่านศาสดาของเราได้ล้มป่วยที่บ้านของท่านหญิงอุมมุซาลามะห์  เมื่ออาการเริ่มทรุดหนัก ท่านได้ขออนุญาตท่านหญิงอุมมุซาลามะห์ ขออนุญาตที่จะย้ายร่างของท่าน ไปพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านของพระนางอาอิชะห์  ซึ่ง เป็นภรรยาอีกท่านหนึ่ง ซึ่งอุมมุซาลามะห์ก็อนุญาต เนื่องจากอุมมุซาลามะห์เป็นภรรยาที่สูงวัย คงจะไม่สะดวกนักที่ท่านศาสดาจะมีอาการเจ็บป่วย แล้วก็นอนพักรักษาอยู่ที่บ้านของนาง จึงขอย้ายไปที่บ้านของท่านหญิงอาอิชะห์ ท่านอุมมุซาลามะห์ได้รายงานให้ฟัง ก่อนที่ชีวิตของท่านศาสดามูฮำมัด  จะอำลาจากโลกนี้ไป ท่านหญิงได้เล่าว่า

 كان من آخر وصية رسول الله صلى الله عليه وسلم  الصلاة 2 وماملكت أيمانكم حتي جعل نبي الله يلجلجها فى صدره وما يفيص بها لسانه رواه أحمد وابن ماجه  

         ส่วนหนึ่งจากสิ่งสุดท้ายที่เป็นวะซียัต เป็นคำสั่งเสียของท่านศาสดามูฮำมัด  คือ

  الصلاة 2   จงละหมาดกันอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ จงละหมาดกันอย่าให้ขาด จงละหมาดให้ตรงตามเวลาของมัน  وماملكت أيمانكم   และก็สิ่งที่พวกท่านทั้งหลายปกครอง ไม่ว่าจะเป็นข้าทาสบริวาร ไม่ว่าจะเป็นสิงสาราสัตว์ที่อยู่ในความดูแล หรือแม้กระทั่งทรัพยิ์สินเงินทองที่ปกครองดูแลอยู่

          นี่คือ ๒ สิ่งที่ท่านศาสดาได้สั่ง เรื่องละหมาด กับ เรื่องที่อัลเลาะห์ให้เราเป็นผู้ดูแลปกครอง  حتي جعل نبي الله يلجلجها فى صدره  ท่านได้พร่ำสั่งอย่างนั้น จนกระทั่งนบีของอัลเลาะห์ได้กล่าวซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในอกของท่าน เสียงเริ่มไม่ออกแล้ว เสียงเครืออยู่ในอก  وما يفيص بها لسانه  ลิ้นก็ไม่สามารถที่จะกล่าวได้อย่างชัดเจน ในคำว่า  الصلاة 2 وماملكت أيمانكم  นี่คือวะซียัตสุดท้ายที่ท่านนบีได้สั่งเสีย

ท่านอาลี อิบนุ อะบีตอเล็บ ก็ได้เล่าทำนองเดียวกับท่านหญิงอุมมุซาลามะห์ บอกว่า

 كان من آخركلام رسول الله صلى الله عليه وسلم  الصلاة 2 إتقوا الله فيما ملكت أيمانكم رواه ابن ماجه وابن حبان وأحمد 

           ในสายรายงานของท่านอาลี ที่ว่า คำสุดท้ายที่เป็นคำพูดของท่าน ก่อนที่ท่านจะอำลาจากโลกนี้ไป ก็คือ คำว่า

  الصلاة 2  ละหมาดกันนะ ๆ  แล้วก็จงยำเกรงต่ออัลเลาะห์ในสิ่งที่พวกเจ้าทั้งหลายได้ถือสิทธิ์ปกครองอยู่ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง ข้าทาสบริวาร ลูกหลานหรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ที่เราปกครองดูแล ต้องระมัดระวังให้ดี

           ท่านพี่น้องที่เคารพรัก ทำไม ท่านศาสดาจึงขมวดคำสอนของท่านทั้งหมด ในชีวิต ตอนเฮือกสุดท้ายของวิญญาณของท่านจะออกจากร่าง มาขมวดอยู่ที่เรื่องของการละหมาดและเรื่องของอมานะห์ที่เราปกครอง มันมีความสำคัญอย่างยิ่ง มันเป็นเรื่องใหญ่ มันเป็นเรื่องที่จะแสดงออกถึงความเป็นผู้ศรัทธาของเรา ท่านนบีเคยพูดเอาไว้ในฮะดีษรายงานหนึ่งบอกว่า  لكل شيء علم   ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น มันมีเครื่องหมายของมัน  وعلم الايمان الصلاة  และเครื่องหมายของการมีศรัทธานั้น ก็คือ การละหมาด ซึ่งแปลได้ความว่า ถ้าหากคนไหนเป็นผู้ศรัทธา จำเป็นต้องมีการละหมาดควบคู่กับสิ่งที่เขามีความเชื่อ สิ่งที่เขามีความศรัทธาอยู่ในใจ ใครผู้ใดที่เป็นผู้ศรัทธา แต่ไม่ละหมาด เขาหาใช่ผู้ศรัทธาไม่ เป็นคำกล่าวอ้างว่าเป็นผู้ที่ศรัทธา แต่หาใช่ เพราะเครื่องหมายที่จะยืนยัน ในความเป็นผู้ศรัทธาของเขานั้นมันไม่มี

            ท่านพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย  الصلاة 2  ละหมาดกันนะ ๆ ที่ท่านนบีได้พร่ำ พูดออกมา เป็นครั้งสุดท้ายที่พยายามพูด เพื่อที่จะทำให้พวกเราทั้งหลายได้คิด และได้ให้ความสำคัญนั้น มันหมายถึงการละหมาดที่ตรงตามเวลานะครับ ละหมาดตรงตามเวลาที่อัลเลาะห์ กำหนด มันหมายถึงการละหมาดที่ถูกต้องสมบูรณ์ เพรียบพร้อมไปด้วย เงื่อนไขของมัน เพรียบพร้อมไปด้วยรูก่นต่าง ๆ ของมันอย่างครบถ้วน หาใช่การละหมาด ที่สักแต่ละหมาด ไม่ตรงตามเวลา หรือเป็นการละหมาดชนิดที่ละหมาดขอไปที ละหมาดเพื่อให้มันพ้นฟัรดู ก็ไม่ใช่อีกเช่นกัน การละหมาดที่สมบูรณ์แบบ จะต้องมีการศึกษาจะต้องเรียนรู้ในวิธีปฏิบัติ และการปฏิบัติละหมาดอย่างถูกต้อง ก็ต้องเป็นไปตามวิธีที่ท่านนบีมูฮำมัด  ของเราได้ทำการละหมาดเป็นตัวอย่าง เป็นแบบฉบับเอาไว้

            ท่านนบีเคยสั่งเอาไว้ว่า  صلوا كما رأيتموني أصلي  พวกท่านจงละหมาดดังที่เห็นฉันละหมาด

          ฉันละหมาดอย่างไร ปฏิบัติแบบไหน ทำท่าอะไรบ้าง ก็ให้ปฏิบัติเหมือนกับที่ท่านปฏิบัติ เพราะฉะนั้น การละหมาดอย่างนี้ คือการละหมาดที่ท่านนบีของเราได้สั่งเสียเอาไว้ มุสลิมคนไหน ผู้ศรัทธาคนใด ที่ไม่ยอมละหมาดหรือละหมาดไม่ครบ เท่ากับเขากำลังคิดทรยศต่ออัลเลาะห์ อย่างรุนแรงเลยทีเดียว อัลเลาะห์  พระ ผู้เป็นเจ้าของเรา เป็นผู้ที่รู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง แผ่นดินที่เราอาศัยอยู่เป็นแผ่นดินของอัลเลาะห์ อาหาร เครื่องดื่มที่เราดื่ม ที่เรารับประทานอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ก็เป็นของอัลเลาะห์ อากาศที่เราสูดเข้าไป เข้าสู่ปอดของเรา มันก็เป็นของอัลเลาะห์  เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าหากว่าเราไม่ละหมาด เราทรยศต่ออัลเลาะห์ ก็เท่ากับว่าเรานั้นเนรคุณอย่างสุด ๆ ทุกอย่างเราใช้ เราบริโภคของอัลเลาะห์ทั้งหมด แต่ในขณะเดียวกันเมื่ออัลเลาะห์สั่ง อัลเลาะห์กำชับเรื่องของละหมาดในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานมากมายหลายโองการ เรากลับทำเป็นเรื่องเล่น เรื่องง่าย ที่จะปฏิบัติเมื่อไหร่ก็ได้ อย่างนี้ถือว่าเราทรยศอย่างโจ่งครึ่ม

           ได้มีนักปราชญ์บางท่านบอกไว้อย่างนี้ว่า คราใดที่คนใดคิดจะทรยศต่ออัลเลาะห์ คิดจะทำมัวะอ์ซิยัตต่ออัลเลาะห์ เขาจงไปทำในสถานที่ที่ไม่มีใครเห็น ออกไปหาที่ที่ไม่มีใครเห็นเลย และก็ออกไปทำนอกแผ่นดินของอัลเลาะห์ แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะต้องไม่กินริสกีปัจจัยที่อัลเลาะห์ประทานด้วย ถ้าอย่างนี้จึงจะถือว่าเป็นลูกผู้ชายตัวจริง เป็นคนจริงที่คิดจะทรยศต่อพระเจ้า ก็จะต้องไม่แยแส ต้องไม่ง้อต่ออัลเลาะห์ด้วย ออกไปหาที่ที่ไม่มีใครเห็น ออกไปทำในนอกแผ่นดินของอัลเลาะห์ และก็อย่ากินริสกีของอัลเลาะห์ ถ้าทำได้เมื่อไหร่ ก็จงคิดทรยศอันนั้นต่อไป แต่ถ้าคนใดทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ใดที่จะหลบ ไม่ให้อัลเลาะห์ เห็น ทำไม่ได้ จะเดินทางเนรเทศตัวเองออกจากแผ่นดินของอัลเลาะห์ก็ยังทำไม่ได้ ในขณะเดียวกัน รีสกีก็ยังต้องอาศัยอัลเลาะห์กิน ทุกมื้อ ทุกเวลา ถ้าอย่างนั้นเลิกล้มเถอะครับ อย่าคิดทรยศต่ออัลเลาะห์ เป็นอันขาด เพราะถ้าเราคิดทรยศต่ออัลเลาะห์ ด้วยสภาพของเรายังต้องพึ่งพาพระองค์อย่างนี้แล้ว เราไปไม่รอด เราจะต้องถูกลงโทษ เราจะต้องถูกจับขึ้นตะแลงแกง จะต้องถูกลงทัณฑ์อย่างรุนแรง เพราะว่าเรานี้ไม่สามารถที่จะไปต้านทานอำนาจอันยิ่งใหญ่ของอัลเลาะห์ ไม่สามารที่จะไปเอาตัวของเราที่อ่อนแอนี้ ไปทานกับมหิทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

          ท่านพี่น้องที่เคารพรักครับ เรา พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน เราอ่านอยู่เป็นประจำ ถึงโทษทัณฑ์ของผู้ที่ไม่ให้ความสำคัญต่อการละหมาด فويل للمصلين ขุมหนึ่งแห่งนรกยะฮันนัมนั้น จะได้กับบรรดาผู้ที่ละหมาด الذين هم عن صلاتهم ساهون บรรดาผู้ซึ่งที่เขาหลงลืมจากการละหมาด หลงหลืมจนกระทั่งทิ้งการละหมาดให้ออกนอกเวลา แล้วมาไล่กอฎอใช้ทีหลัง จะประสบกับ ويل ขุมนรกนั้น

           ท่านพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย ใคร ที่ไม่ยืนหยัดในเรื่องของการละหมาด แปลว่าเขากำลังทำลายความเป็นอิสลามของเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่อาจที่จะเรียกบุคคล ๆ นั้นว่า เป็นมุสลิมได้อีกเลย เพราะเรื่องของการละหมาด เป็นข้อแยกแยะ เป็นข้อจำแนกระหว่าง ความเป็นมุสลิม กับความที่ไม่ใช่มุสลิม มันเป็นเครื่องหมายที่ชัดเจน และแถมยังมีฮะดีษสำทับอีกว่า คนที่ไม่นำพาเรื่องการละหมาด จะได้รับบาลาอ์ จะได้รับ عذاب ทั้งดุนยา ทั้งในหลุมฝังศพ แล้วก็ทั้งในอาคิเราะห์ ในดุนยาจะถูกทำการลงโทษ ๒ คราวด้วยกัน คราวหนึ่งในขณะที่กำลังดำเนินชีวิตอยู่ และอีกคราวหนึ่งในกำลังใกล้จะตาย

           ท่านพี่น้องที่เคารพรัก มีถึง ๑๕ ประการด้วยกัน ๑๕ ประการนี้เป็นอย่างน้อย สำหรับผู้ที่ไม่สนใจใยดี ผู้ที่ไม่ให้ความสำคัญต่อการละหมาด ๑๕ ประการนี้ ๖ ประการ จะลงโทษในขณะมีชีวิตอยู่ ยังมีลมหายใจอยู่ ก็คงจะไปอย่างเร็ว ๆ ตั้งใจฟังกันนิดนึงว่า ถ้าใครละหมาดไม่ครบ ชะตากรรมของเขาในดุนยา จะเป็นอย่างไร

๑. ชีวิตทั้งชีวิตของเขาจะขาดบารอกัต ทำมาหากินไม่ขึ้น ทำงานอะไรก็ไม่ได้รับการเลื่อนขั้น ไม่ก่อให้เกิดบารอกัต

๒. เครื่อง หมายของความเป็นคนซอและห์ ความเป็นคนดี จะถูกลบเลือนไปจากใบหน้าของเขา คนที่ไม่ละหมาดหนะ ไปทำศัลยกรรมอย่างไรมันก็ดูไม่ดี แต่คนที่ละหมาดด้วยกับนูรของน้ำละหมาด ด้วยกับนูรของการละหมาด ไม่ต้องทำศัลยกรรม มันก็ดูดี

๓. การ งานอื่น ๆ ของเขาที่ทำ ในเรื่องของคุณงามความดี อัลเลาะห์จะไม่ตอบแทนให้ จะไม่ตอบแทนให้ ถ้าละหมาดของเขายังบกพร่อง ละหมาดของเขาทำไม่ถูกต้อง

๔. ดุอาอ์ของเขาที่ยกมือวิงวอน อัลเลาะห์ก็จะไม่รับ

๕. จะ เป็นที่เกลียดชังกับมัคลูกทั้งหลายในโลกดุนยา เป็นที่ชิงชัง เป็นบุคคลที่สังคมไม่ชอบขี้หน้า ไม่ให้การต้อนรับ และสุดท้าย ไม่มีส่วนได้ใด ๆ ในดุอาอ์ของมุสลิมที่ซอและห์ที่ยกมือขอดุอาอ์ให้

๖. คน ที่ละหมาดมีดุอาอ์ในตะฮียะห์ มีการขอดุอาอ์ให้กับคนซอและห์ทั้งหลาย ให้กับบ่าวของอัลเลาะห์ที่ซอลีฮีน ดังนั้นคนที่ไม่ละหมาดก็ไม่ใช่คนซอลีฮีน และจะไม่ได้มีส่วนได้ใด ๆ ในดุอาอ์ของมุสลิมที่เขาได้พร่ำขอดุอาอ์ให้ นี่คือ ๖ ประการในโลกดุนยา มันหนักหนาสาหัสสากรรจ์

พอมาถึงช่วงที่กำลังใกล้จะตาย ก็โดนอีก ๓ ดอกด้วยกัน ดอกที่

๑. เขาจะตายไปในสภาพที่ตกต่ำ อาจจะไปตายคาอ่าง ตายคาอก ตายคาเข็ม นี่ก็ตายแบบตกต่ำ ไม่งดงามในการตาย

๒. ตายในสภาพที่หิวโหย และ

๓. ตายอย่างกระหาย แม้ว่าน้ำทะเลทั้งทะเล จะมาให้ดื่ม ณ ตอนนั้น มันก็ไม่รู้สึกที่จะหายกระหาย กระหายอย่างสุด ๆ นี่ ๓ ดอก ตอนกำลังใกล้จะตาย

พอตายไปแล้ว ถูกส่งลงไปในหลุมฝังศพ โดนอีก ๓ ดอก

๑. กุโบร จะบีบรัดเขาจนกระทั่ง ซี่โครงประสานกัน

๒. จะถูกเผาด้วยกับไฟนรกอยู่เนือง ๆ ทั้งเช้าและเย็น และประการที่

๓. อัลเลาะห์จะส่งงูยักษ์ มาขบ มากัด มาฟาด มาฟันเขา อย่างทุกข์ทรมานตามเวลาละหมาด ขาดละหมาดอะไร มุอัซซินที่มัสยิดของเราอาซานซุบฮิ ขาดละหมาดซุบฮิ เจ้างูตัวนี้มันก็จะขบกัด แล้วก็ฟัดกับเขา จนกระทั่งเวลาซุห์ริ คนไหนที่ขาดเวลาซุห์ริ อาซานซุห์ริดังขึ้น งูมันก็จะมาจัดการ ตั้งแต่ซุห์ริจนกระทั่งถึงอัสริ อย่างนี้เรื่อยไป ใครขาดเวลาไหนก็จะถูกขบกัดเวลานั้น จนกระทั่งหมดเวลาละหมาดนั้น

และอีก ๓ ประการ

ประการที่ ๑ เมื่อ ไปถึงวันกิยามะห์เขาจะถูกมลาอิกะห์นั้น ลากถูไป ด้วยกับใบหน้าของเขา จนกระทั่งสู่ขุมอเวจี ไม่ได้เดินไป ลากไป แล้วก็หน้าก็ไถไป จนกระทั่งถึงนรก และ

ประการที่ ๒ อัลเลาะห์ก็จะทรงมองเขาด้วยกับสายตาแห่งความพิโรธ คนไหนที่อัลเลาะห์ในวันกิยามะห์มองเขาด้วยสายตาแห่งความพิโรธ แห่งความโกรธกริ้วแล้วเนี่ย ถือว่าซวยแล้วครับ ไม่ได้รับความเมตตาใด ๆ จากอัลเลาะห์ และ

ประการที่ ๓ จะ ต้องถูกสอบสวน ถูก حساب อย่างหนักหน่วง อย่างรุนแรง และก็อย่างยาวนาน ไม่รู้จักจบสิ้น ด้วยความทุกข์ทรมาน และสุดท้ายก็จะถูกโยนลงไปสู่ขุมนรกอเวจี

          ท่านพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย นี่ เพียงแค่ ๑๕ ประการเป็นอย่างน้อย สำหรับคนที่ไม่ละหมาดตรงตามเวลา เพราะฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเรา ในฐานะที่เราเป็นมุสลิม เป็นผู้ศรัทธาจะต้องยืนหยัด ในหลักการแห่งการละหมาดนั้น อย่างเคร่งครัด อย่างจริงจัง ไม่พอเฉพาะตัวของเราอย่างเดียว ท่านนบีสั่งเอาไว้ว่า وما ملكت أيمانكم ลูกหลานของเราด้วย เราจะต้องกำชับ และก็พยายามแนะนำ ชี้ใช้ ให้กับเขาได้ทำการละหมาดกันอย่างครบถ้วน

          อินชาอัลเลาะห์ ถ้าเราได้ดำเนินตามคำวะซียัตของท่านศาสดามูฮำมัด ของเรา อย่างเคร่งครัด และอย่างเห็นความสำคัญแล้ว แน่นอนเหลือเกิน ชีวิตของเราที่เรามีชีวิตอยู่ในดุนยาแห่งนี้ จะเป็นชีวิตที่มีความสุข เมื่อเราได้อำลาจากโลกดุนยาแห่งนี้ไปแล้ว เราก็จะมีความบรมสุขในสัมปรายภพตลอดไป