แนวข้อสอบวิชาภาษาไทย
1.การพูดแบบไม่เป็นทางการมีลักษณะเด่นอย่างไร
ก. ผู้พูดกับผู้ฟังมักไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้ามาก่อน
ข. เนื้อหาในการพูดไม่แน่นอนและไม่มีขอบเขต
ค. เป็นการพูดแบบไม่จำกัดเวลาและสถานที่
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. ผู้พูดกับผู้ฟังมักไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้ามาก่อน
การพูดแบบไม่เป็นทางการ เป็นการสื่อสารระหว่างบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป (ไม่ควร
เกิน 4 – 5 คน) ส่วนใหญ่จะเป็นการพูดแบบตัวต่อตัว เป็นการพูดแบบไม่จำกัดเวลาและไม่
จำกัดสถานที่ซึ่งขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้สื่อสารและผู้รับสาร โดยผู้พูดกับผู้ฟังมักไม่ได้เตรียม
ตัวล่วงหน้ามาก่อน เนื้อหาในการพูดก็ไม่แน่นอนและไม่มีขอบเขต แต่เป็นการพูดที่คนเราใช้กัน
มากที่สุดเพราะเป็นการพูดที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
คู่มือสอบกรุงเทพมหานคร , ข้อสอบ กทม
2.อวัจนภาษาที่ควรใช้ในการทักทาย คือข้อใด
ก. การยิ้ม ข. การยกมือ
ค. การโบกมือ ง. การผงกศีรษะ
ตอบ ก. การยิ้ม
การทักทายปราศรัยเป็นธรรมเนียมของมนุษย์หลายชาติหลายภาษา โดยเฉพะคนไทยซึ่ง
ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ผูกมิตรกับคนอื่นได้ง่าย เราสามารถใช้อวัจนภาษาในการทักทายได้ คือ การยิ้ม
ตามปกติการทักทายปราศรัยจะเป็นการสื่อสารระหว่างคนที่รู้จักกันแล้ว แต่ก็มีบ้างที่ผู้ที่ไม่เคย
รู้จักกันจะทักทายปราศรัยกัน และทำให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีต่อไป
3.ในการทักทายกันไม่ควรพูดถึงเรื่องใด
ก. เรื่องส่วนตัว ข. เรื่องการเงิน
ค. เรื่องเครียดและหนัก ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
การรักษามารยาทในการทักทายปราศรัยกัน ก็คือ การไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวและไม่ใช้
ถ้อยคำที่ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่สบายใจ เช่น ไม่ควรพูดถึงเรื่องการเงินและเรื่องความทุกข์ยาก
เดือดร้อนของอีกฝ่ายหนึ่ง รวมทั้งเรื่องเครียดและหนัก ฯลฯ ดังนั้นหากจะต้องพูดคุยกัน
นอกเหนือไปจากการทักทายกันก็ควรพูดถึงเรื่องที่ก่อให้เกิดความสบายใจด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
4.การทักทายในข้อใดใช้ภาษาท่าทางประกอบได้อย่างเหมาะสม
ก. “หวัดดี เพื่อน” นิดทักทายและตบไหล่น้อยหนัก ๆ
ข. “สวัสดีค่ะ คุณครู” อั้มร้องทักคุณครูที่เดินอยู่ห่าง ๆ แล้วโบกมือ
ค. “หวัดดีครับ ยุ้ย” ต๋องก้มศีรษะให้เพื่อนหญิงที่เดินผ่านมา
ง. “ฮัลโหล น้าแต๋ว” แดงจับมือคุณน้ามาจู[ฟอดใหญ่
ตอบ ค. “หวัดดีครับ ยุ้ย” ต๋องก้มศีรษะให้เพื่อนหญิงที่เดินผ่านมา
การแสดงกิริยาอาการประกอบคำทักทายปราศรัยกระทำได้หลายอย่าง ซึ่งการแสดงออก
นี้ขึ้นอยู่กับฐานะของบุคคลที่เราทักทายและขึ้นอยู่กับความสนิทสนมคุ้นเคยด้วย เช่น ไหว้(ใน
กรณีที่ทักทายผู้ใหญ่) การยิ้ม ก้มศีรษะ จับมือ จับแขน ฯลฯ
คู่มือสอบกรุงเทพมหานคร , ข้อสอบ กทม
5.การสนทนาอย่างมีแผนล่วงหน้า คือการสนทนาในข้อใด
ก. การเล่าเรื่อง ข. การสัมภาษณ์
ค. การพูดโทรศัพท์ ง. การสัมมนา
ตอบ ข. การสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์ คือ การสนทนาอย่างมีแผนล่วงหน้า ไม่ใช่การซักถามอย่างฝ่ายหนึ่งเป็น
โจทก์และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นจำเลย เป็นการสื่อสารเรื่องราวต่าง ๆ ให้ผู้ฟังเข้าใจเรื่องราวนั้น ๆ ได้
แจ่มแจ้ง และเป็นการสื่อสารของผู้รู้ข้อมูลหรือผู้มีประสบการณ์ในเรื่องนั้น
คู่มือสอบกรุงเทพมหานคร , ข้อสอบ กทม
6.การสนทนาระหว่างครูกับนักเรียนข้อใดที่ทำนอกห้องเรียนได้
ก. แหม่มจ๋า ช่วยดูหนังสือนี่ให้ครูหน่อยจ้ะ
ข. อ้อมจ๋า หนูเข้าใจที่ครูพูดหรือเปล่าจ๊ะ
ค. นี่ นายบรู๊ค เธอทำงานกลุ่มเดียวกับนายติ๊กนะ
ง. มะหมี่จ๊ะ ครูคิดถึงคุณแม่หนูสมัยที่เรียนอยู่ด้วยกันมากเลย
ตอบ ง. มะหมี่จ๊ะ ครูคิดถึงคุณแม่หนูสมัยที่เรียนอยู่ด้วยกันมากเลย
การสนทนาระหว่างครูกับนักเรียนที่สามารถทำนอกห้องเรียนได้ (ไม่ควรทำใน
ห้องเรียน) คือ การสนทนาในเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับวิชาความรู้ การ
เรียนการสอน การอบรมสั่งสอน และการให้คำปรึกษาแนะนำ
7.ข้อใดคือความหมายของการอภิปราย
ก. การพูดปรึกษาหารือกันและออกความคิดเห็นของบุคคลกลุ่มหนึ่ง
ข. การแสดงความรู้ ความคิดเห็น และประสบการณ์ของบุคคลกลุ่มหนึ่ง
ค. การพูดแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดในเรื่องที่กำหนดให้ของบุคคลสองกลุ่ม
ง. การพูดเป็นคณะที่ผู้พูดช่วยกันพิจารณาแก้ไขปัญหาและสรุปผลไว้
คู่มือสอบกรุงเทพมหานคร , ข้อสอบ กทม
ตอบ ข. การแสดงความรู้ ความคิดเห็น และประสบการณ์ของบุคคลกลุ่มหนึ่ง
การอภิปราย หมายถึง การพูดแสดงความรู้ ความคิดเห็น และประสบการณ์ของบุคคล
กลุ่มหนึ่งตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อปรึกษาหารือกันและออกความคิดเห็น เพื่อแก้ปัญหาที่มีอยู่
หรือเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดในเรื่องที่กำหนดให้
8.ข้อใดคือการอภิปรายแบบระดมสมอง
ก. Panel Discussion ข. Debate
ค. Symposium ง. Brainstorming
ตอบ ง. Brainstorming
รูปแบบของการอภิปราย มีดังนี้
1. การอภิปรายแบบเป็นคณะ (Panel Discussion)
2. การอภิปรายแบบแลกเปลี่ยนความรู้ (Symposium)
3. การอภิปรายแบบโต้วาที (Debate)
4. การอภิปรายแบบระดมสมอง (Brainstorming)
5. การอภิปรายแบบโต๊ะกลม (Round Table)
6. การอภิปรายในที่สาธารณะ(Public Forum)
9.ข้อใดควรใช้วิธีการพูดโดยอาศัยอ่านจากต้นร่างหรือต้นฉบับ
ก. การอวยพรคู่บ่าวสาว ข. การหาเสียงเลือกตั้ง
ค. การกล่าวเปิดประชุม ง. การเป็นพิธีกรทางโทรทัศน์
ตอบ ค. การกล่าวเปิดประชุม
วิธีการพูดโดยอาศัยอ่านจากต้นร่างหรือต้นฉบับ คือ การพูดโดยการอ่านจากต้นฉบับที่
เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วอย่างดี ส่วนมากจะเป็นการพูดที่เป็นพิธีการต่าง ๆ เช่น การกล่าวเปิด
งานการกล่าวรายงาน การกล่าวเปิดประชุม การกล่าวรายงานการประชุม การกล่าวสดุดี ฯลฯ
10.ในการพูดแบบให้ความบันเทิง ผู้พูดควรนึกถึงสิ่งใดมากที่สุด
ก. ท่าทาง ข. น้ำเสียง
ค. โอกาส ง. อารมณ์ขัน
คู่มือสอบกรุงเทพมหานคร , ข้อสอบ กทม
ตอบ ง. อารมณ์ขัน
การพูดแบบให้ความบันเทิงหรือความเพลิดเพลิน เป็นการพูดที่ต้องการให้สนุกสนานและ
ขณะเดียวกันก็ได้สาระไปด้วย แต่จุดประสงค์หลักก็คือ ผ่อนคลายความตึงเครียดของผู้ฟังโดยใช้
ถ้อยคำที่ฟังแล้วเบาสมองและตลกขบขัน ดังนั้นจึงเป็นการพูดที่ผู้พูดจะต้องมีพรสวรรค์ในการ
กระตุ้นให้ผู้ฟังเกิดความสนุกสนานตามไปด้วย นอกจากนี้ผู้พูดยังจะต้องมีบุคลิกภาพพิเศษ
บางอย่างที่สำคัญคือ ต้องมีอารมณ์ขัน มีไหวพริบดี และสนใจความเป็นไปรอบตัว