ในอดีตใช้คำว่า ครู1 ครู2 สำหรับผู้ที่ได้รับการบรรจุต่ำกว่า วุฒิ ปริญญาตรี ต่ำกว่าปริญญาตรี 1 ขั้น คือ วุฒิ ปวส.+ปม. เงินเดือนเริ่มต้นที่ 2,640 บาท ถ้าวุฒิ ปวส. และ ปกศ.สูง ต่ำกว่า 1 ขั้น ประมาณนี้ (ปี 2527) ในอดีตใช้คำว่า อาจารย์1 สำหรับผู้ที่ได้รับการบรรจุ วุฒิ ปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้นที่ 2,750 บาท ถ้ววุฒิ ปริญญาโท จะสูงกว่า 2 ขั้น ประมาณนี้ (ปี 2527) หลังจากได้รับการเรียกตัว..และส่งตัวไปยังสถานศึกษาก็เข้ารายงานตัวทำงานในหน้าที่ครู/อาจารย์ เป็นเวลา 6 เดือนเรียกว่า ทดลองงาน/ทดลองปฏิบัติราชการ... สถานศึกษาจะตั้งคณะกรรมการจากครูและผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง 3 คน ประเมินและรายงานต่อกรมอาชีวศึกษา เท่าที่จำได้ประเมินครั้งเดียว เขาหาว่าครูเป็นปัญหาต่อการจัดการศึกษา เพราะเขาลืมดูตนเอง...จึงทำให้......... ในปัจจุบันใช้คำว่าครูผู้ช่วย ทุกวุฒิทางการศึกษา และต้องจบปริญาตรีเป็นอย่างต่ำรวมทั้งต้องมีใบประกอบวิชาชีพครู...อีกด้วย นอกจากนั้นยังกำหนดให้ครูผู้ช่วยต้องผ่านการทดลองงานไม่ต่ำกว่า 2 ปี ใครที่อยู่ในบรรยากาศเช่นนี้...เครียดแทบตาย... สถานศึกษาจะตั้งคณะกรรมการจากครูและผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง 3 คน ประเมินและรายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 8 ครั้ง และต้องผ่านการพัฒนาอย่างเข้มอีก 5 วัน พร้อมส่งผลงานที่กำหนดในหลักสูตร...ครูขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน...จงมุ่งมั่น...เพื่อความมั่นคงของชีวิตที่ทุกวันนี้เริ่มหายากไปทุกที แว้งไปเทียบกับข้าราชการอื่น...เขาไม่ได้ยุ่งยากเช่นครู....ที่ร้ายกว่าแท่งเงินเดือนของเขาสูงกว่าครู...คร๊าบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...นักการเมืองแอบอนุมัติให้กันสารพัด...เทเทเทเพื่อพวกเรา...ข้าราชการครูต้องเริ่มต้นที่ต่ำต้อยใช้เวลาอันยาวนาน...ฟูมฟักประสบการณ์..รองรับปัญหาเยาวชนสารพัด...ต้องปฏิบัติจริงทั้งกาย วาจา ใจ ไม่มีเวลาจับผิดหรือประจานใคร...กลับถึงบ้านก็แทบโทรม...เครียด...ครูส่วนมากเป็นนักพูด นักเขียน และพูด-เขียนได้ดีเสียกว่าอาชีพอื่นอีก... ครูมีความศรัทธาในอาชีพครูและหวังทำหน้าที่สูงสุดสู่ครูมืออาชีพ...เชื่อว่าครูส่วนใหญ่ทำหน้าที่ดีอยู่แล้วและดีที่สุด...จนลูกของตนเองอิจฉาและน้อยใจ...ครอบครัวครูก็ต้องเจริญก้าวหน้าและพัฒนาตามลำดับ...มิใช่ว่าครอบครัวทั่วไปมุ่งโยนภาระทั้งหมด..ทุกอย่างให้ครู...แล้วนั่งวงเหล้าคอยตำหนิครู...วิ่งตามเจ้านายและนักการเมืองแล้วคอยตำหนิครู...โดยปกติของคนมักจะมองความไม่ดีของตน..ความบกพร่องของตนไม่เห็นเสมอ...มีเพียงไม่กี่ % ที่บกพร่องอันเป็นไปตามโค้งปกติทางคณิตศาสตร์...ในเวลาราชการครูเกือบ 100 % ผมเชื่อว่าครูทำหน้าที่ดีที่สุด และดีกว่าครูในอดีตมาก...เพียงแต่ระบบสารสนเทศ ข่าวสาร การจราจร และประชาธิปไตยเบ่งบานประกอบการเอาใจกันของนักการเมืองกับชุมชนจึงทำให้...สิ่งที่บกพร่องเพียงเล็กน้อยก็ดูเป็นเรื่องใหญ่และตีแผ่กันอย่างสนุก...เท่านั้นเอง...สิ่งที่บกพร่องนั้นยอมรับทุกประการโดยเฉพาะในเวลาราชการ...นอกเวลาราชการต้องขอใช้เวลาจัดการในครัวเรือนเป็นสำคัญ..มิฉะนั้นครอบครัวครูก็จะเป็นปัญหา...เพราะไม่สามารถป้อนโปรแกรมบริหารจัดการในครอบครัวตนเองให้ดำเนินไปอย่างอัตโนมัติได้ครับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี..ครับผม ปัจุบันทุกภาคส่วนที่ไม่มองตนเองจับตามอง...ครู...ทุกอริยบท...ข้าราชการอื่นหมดเวลางานแล้วทำอะไร..นักเรียน นักศึกษาตีกันนอกเวลาราชการก็โทษครู...หรือนักเรียน นักศึกษาในอดีตไม่ตีกันก็ไม่ใช่...มีลูกเพราะอะไรหรือจึงคอยร่วมกันโทษครู...นอกเวลาราชการครูควรต้องกลับบ้านไปร่วมรับผิดชอบลูกครูครอบครัวครูมิใช่หรือ...นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ศธ. ครับกระผม...ช่วงเวลาที่ผู้ปกครองต้องรับผิดชอบ...ต่อลูกของตนที่ให้กำเนิดมา...ชุมชนที่ทำหน้าที่หล่อหลอมวิชาชีวิต...ร่วมแก้ปัญหาส่วนไหน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของบ้านเมืองทำอะไรในชุมชนและสังคม....ครับผม ที่เขียนทั้งหมดนี้มิได้จะให้ครูหมดกำลังใจแต่เพื่อหาจุดยืนของครูร่วมกันในสังคมเมืองไทย..และเรียกร้องสิทธิเวลาทำงานและความรับผิดชอบที่พึงได้พึงมี...เพื่อลดปัญหาการดำเนินชีวิตในครอบครัวของครูที่มีในปัจจุบันที่ปฏิเสธมิได้...ประกอบกับลดความเครียดที่แฝงตัวสู่หน่วยบัญชาการสมองครูอย่างไม่รู้ตัว...ด้วยในสภาพปัจุบันครูมีปัญหาในครอบครัวไม่น้อย...ส่วนหนึ่งปล่อยตัวไปกับสุราและของเมา ส่วนหนึ่งครองสภาพจิตตนเองไม่ได้ต้องทานยาระงับ ส่วนหนึ่งปล่อยหนี้สินพ้นตัวจนเสียความเป็นครู...เนื่องจากสังคมและผู้บริหารประเทศไม่เคยทำหน้าที่ครูที่ยาวนาน...นะทุกท่าน |