การป้องกันโรคและแมลงโดยชีววิธีในระบบไฮโดรโพนิกส์
จากประสบการณ์การปลูกพืชด้วยระบบไฮโดรโพนิกส์ตั้งแต่ครั้งแรกๆ จะไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวนแต่พอปลูกไปหลายๆ รุ่นก็จะเริ่มมีโรคและแมลงรบกวน เราจะกล่าวถึงแมลงและการป้องกันรวมถึงการกำจัดแมลงเป็นชนิดไป
…………………………………………..
เพลี้ยไฟ
เพลี้ยไฟเป็นแมลงที่มีขนาดเล็กมากขนาดยาวประมาณ 0.5 – 2.0 ม.ม. สามารถรอดตามุ้งกันแมลงเข้ามาทำลายผักได้โดย ใช้กรามข้างซ้ายเขี่ยให้ใบผักช้ำแล้วจึงดูดน้ำเลี้ยงจะทำลายใบล่างๆ ก่อนเราจะเห็น รอยทำลายได้อย่างชัดเจน แต่มักพบตัวเพลี้ยไฟน้อยในตอนกลางวันเพราะโดยเฉพาะตัวอ่อน เพลี้ยไฟจะหลบอยู่แล้วออกมาหากินมากตอนเย็นถึงเช้าถ้ามีจำนวนมากๆ จะทำลายใบผักสูงขึ้นมาเรื่อยๆ จากใบล่างจนถึงยอดช่วงที่มีอากาศแห้งในหน้าร้อนกับหน้าหนาวเพลี้ยไฟจะระบาดได้ดี
วิธีป้องกัน
1) พยายามทำให้ใต้แปลงปลูกและบริเวณแปลงปลูกเปียกๆ เอาไว้ เพลี้ยไฟจะเข้าดักแด้ได้ลำบากและเป็นการเพิ่มความชื้น
2) ไม่ควรใช้ทรายรองพื้นใต้โต๊ะปลูก เพราะทรายระบายน้ำได้ดี พื้นเลยไม่แฉะทำให้เพลี้ยไฟเข้าดักแด้ได้ง่าย
3) ไม่ควรใช้ผ้าพลาสติกคลุมพื้นกันหญ้าขึ้นแล้วปล่อยให้ใต้ผ้าพลาสติกแห้ง เราพบว่าแม้ในหน้าฝน เพลี้ยไฟก็ยังระบาดเพราะว่าเพลี้ยไฟสามารถหลบอยู่ใต้ผ้าใบได้เป็นอย่างดี
4) ตัดใบผักที่มีรอยเพลี้ยไฟทำลายมากๆ ออกไปทำลาย เพราะในใบผักอาจจะมีไข่ของเพลี้ยไฟอยู่จำนวนมากจะทำให้ลดการเกิดของตัวอ่อนเพลี้ยไฟลง
5) สเปร์ยน้ำช่วยเพิ่มความชื้น
6) ไม่ควรปลูกต้นไม้ใหญ่ที่เพลี้ยไฟชอบอยู่ใกล้แปลงปลูก เช่น มะม่วง
วิธีกำจัด
1) สเปร์ยน้ำตอนกลางคืน อาจจะสเปร์ย 3 นาที หยุด 10 นาที พอตอนเช้าเราจะพบเพลี้ยไฟจมน้ำ ตายบริเวณใบผัก รางปลูก เป็นจำนวนมาก การสเปร์ยน้ำถ้ามีการระบาดของเพลี้ยไฟควรสเปร์ยติดต่อกัน 5-7 วันทั้งกลางวันและกลางคืน และควรสังเกตดูจำนวนเพลี้ยไฟด้วยหากมีเพลี้ยไฟจำนวนน้อยลงให้หยุดสเปร์ยเพราะการกำจัดเพลี้ยไฟโดยไม่ใช้ยาไม่สามารกำจัดได้หมด ถ้าเราสเปร์ยน้ำ ตอนที่มีการระบาดของเพลี้ยไฟน้อย จะทำให้ไม่ต้องสเปร์ยน้ำติดต่อกันหลายวัน
2) ใช้ยาฉุนแช่น้ำไว้ 1 คืน แล้วคั้นเอาน้ำยาฉุนมาผสมน้ำให้เจือจาง จากนั้นผสมน้ำยาล้างจานประมาณ 3-5 หยดต่อน้ำยาฉุนเจือจาง 1 ลิตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของนิโคตินและเป็นสารจับใบไปในตัว ฉีดพ่นตอนเย็นๆ ต้องระวังยาฉุนแต่ละรุ่นมีความฉุนไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงไม่สามารถบอกอัตราส่วนที่แน่นอนได้ ถ้าน้ำยาฉุนเข้มข้นเกินไปเพลี้ยไฟจะตายดี แต่ใบผักอาจจะเสีย เพราะฉะนั้นให้ลองผสมน้ำยาฉุนจางๆ แล้วฉีดดูก่อน แล้วสังเกตเพลี้ยไฟตายหรือไม่ ถ้าน้ำยาได้ขนาดเพลี้ยไฟจะ ตายภายใน 1-2 นาที ยาฉุนเป็นยาน็อคไม่ใช่ยาดูดซึมต้องถูกตัวเพลี้ยไฟถึงจะตาย หลังจากฉีดยาฉุนแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง ควรสเปร์ยน้ำล้างยาฉุนออก
3) เลี้ยงแมลงวันตัวห้ำไว้ในโรงเรือน เช่น แมลงวันซีโนเซีย และ แมลงวัน Ochtsera
…………………………………………..
หนอนกระทู้ผัก
หนอนกระทู้ผักหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าหนอนหนังเหนียวชอบหากินกลางคืน ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืน กินผักแทบทุกชนิด ถ้าไม่มีผักกินหญ้าก็ยังกิน
วิธีป้องกัน
1) กางมุ้งกันแมลง
2) คอยเดินเก็บไข่ที่มักไข่ไว้ใต้ใบผัก จะมีลักษณะเป็นกลุ่มไข่สีออกเหลืองมีใยบางๆ คลุมดูคล้ายรังแมงมุมแต่มองเห็นไข่เป็นฟองกลมๆ ขนาดเล็ก แต่รังแมงมุมมองไม่เห็นไข่
3) อย่าให้มีแสงไฟใกล้แปลงปลูก
วิธีกำจัด
1) เก็บทำลายโดยถ้าเก็บทำลายตอนเช้า ให้สังเกตมูลของหนอนและรอยกัดทำลาย ช่วงเช้ามืดตัวหนอนจะอยู่ใกล้ๆ ถ้าเก็บทำลายตอนสาย ให้สังเกตมูลของหนอนและรอยกัดทำลายของต้นผักที่ถูกทำลายจากประสบการณ์ของผู้เขียน พบว่า เกือบ 100 % ถ้าใจผักยังไม่ถูกกินจนหมด หนอนจะยังคงอยู่ที่ผักต้นนั้นให้แหวกดูตามใบผักแล้วจับออกมา แต่ถ้าใจผักถูกกินไปแล้วหนอนจะย้ายต้น แต่ถ้ามูลของหนอนแสดงออกว่าเป็นหนอนขนาดใหญ่ หนอนมักไปอยู่ที่อื่น เช่น ใต้โต๊ะปลูก หรือในรางปลูก ถ้าเก็บตอนกลางวันให้ตามหาใต้โต๊ะปลูกที่มีที่หลบ เช่น ก้อนหิน ใบผักแห้ง เศษวัสดุต่างๆ ใต้ถ้วยปลูก ในรางปลูก ถ้าเก็บตอนเย็นใกล้ค่ำจะหาได้ทั่วไป เพราะหนอนจะเริ่มเดินออกจากที่ซ่อนไปหากินโดยใช้ไฟฉายส่องดูหลังจากนั้นนำหนอนที่ได้ไปจัดการ 2 วิธี คือ บี้ให้ตายหรือนำไปแช่ในไส้เดือนฝอย(ต้องเป็นไส้เดือนฝอยที่ใช้กำจัดหนอน) หลังจากนั้นนำหนอนไปปล่อยใต้แปลงปลูกเหมือนเดิมจะไปเพิ่มปริมาณไส้เดือนฝอย
2) ใช้เชื้อบีทีฉีดพ่นถ้ามีการระบาดจำนวนมากๆ ควรฉีดพ่นตอนเย็นๆ
3) ฉีดไส้เดือนฝอยทั้งบนโต๊ะปลูกและใต้โต๊ะปลูก จะใช้ได้ผลดีในภาคใต้เพราะฝนตกชุกถ้าใช้เชื้อบีทีฝนจะล้างไปหมด แต่ไส้เดือนฝอยจะอยู่ในดินที่ชื้นแฉะ ถ้าหนอนลงมาที่ดินก็จะถูกทำลายทันที
4) ปล่อยมวนตัวห้ำอีแคนทีโคนา
…………………………………………..
เพลี้ยอ่อน
เพลี้ยอ่อนมีขนาดเล็กออกลูกเป็นตัวมีหลายสี แต่ที่ผู้เขียนพบมากเป็นสีเขียว ในบางช่วงตัวแก่จะมีปีกบินได้ชอบขึ้นผักไทยหรือผักจีน ไม่ค่อยพบในผักสลัด ส่วนมากมดจะขนมา เพลี้ยอ่อนจะดูน้ำเลี้ยง แล้วปล่อยของเหลวมีรสหวาน มดจะเอาของเหลวไปกิน เมื่อเข้าทำลายผักจะโตช้าใบบิดเบี้ยวผิดรูปและยังเป็นตัวนำเชื้อโรค เช่น ไวรัส
วิธีป้องกัน
1) ใช้ผ้าชุบน้ำมันเครื่องหรือจาระบีพันตามขาโต๊ะปลูกและท่อน้ำเข้า – ท่อน้ำกลับเพื่อไม่ให้มดนำ เพลี้ยอ่อนขึ้นมาบนโต๊ะปลูก
2) ปลูกพืชอาหารล่อ บริเวณรอบๆ โต๊ะปลูก เช่น พริก ถั่วฝักยาว มะเขือ เมื่อมีเพลี้ยอ่อนมาเกาะให้ตัดส่วนที่มีเพลี้ยอ่อนออกไปทำลาย ถ้าอยู่นอกโรงเรือนเราจะพบด้วงเต่ามากินเพลี้ยอ่อนที่พืชอาหารล่อ
3) คอยกำจัดมดโดยการทำให้พื้นเปียกแฉะอยู่ตลอด
วิธีกำจัด
1) สร้างโรงเรือนกางมุ้งคลุมโต๊ะปลูก แล้วปลูกพืชอาหารล่อในโรงเรือนรอบโต๊ะปลูก จากนั้นนำด้วงเต่ามาปล่อย พอนานๆ เข้าในโรงเรือนจะมีแมงมุมมาชักใยเป็นจำนวนมาก เราพบว่าเพลี้ยอ่อนที่มีปีกบินได้ติดใยแมงมุมอยู่เป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าแมงมุมก็ช่วยกำจัดเพลี้ยอ่อนตัวเต็มวัย
2) เก็บทำลายโดยการตัดส่วนที่มีเพลี้ยอ่อนออกไปทำลาย
…………………………………………..
นวัตกรรมใหม่ของการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเชื้อราไตรโคเดอร์มา(สายพันธุ์ CB-Pin-01) ที่ศึกษาวิจัยโดย รศ.ดร.จิระเดช แจ่มสว่าง แห่งภาควิชาโรคพืช คณะเกษตรกำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน สามารถใช้ป้องกันโรครากเน่าโคนเน่าของผักที่ปลูกในระบบไฮโดรโพนิกส์ รวมถึงยังช่วยเร่งการเจริญ เติบโต และทำให้ผักแข็งแรงต้านทานโรคได้ดี ในปัจจุบันเรายังใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาป้องกันและรักษาโรคทางใบโดยการใช้สปอร์ของเชื้อราไตรโคเดอร์มา มาผสมน้ำฉีดพ่นไปที่ใบพืชหรือส่วนที่เป็นโรคใน ช่วงต่อนเย็นๆ หลักการก็คือ เมื่อสปอร์ของเชื้อราไตรโคเดอร์มาถูกฉีดพ่นไปที่ใบพืชในตอนเย็น เมื่อเวลาผ่านไปสปอร์ของเชื้อราไตรโคเดอร์มา ก็จะเริ่มงอกเป็นเส้นใยประมาณตอนเช้าและเชื้อราไตรโคเดอร์มาก็จะเริ่มทำหน้าที่ทำลายเชื้อสาเหตุโรคพืช แต่ในความเป็นจริงสภาพตอนเช้าเริ่มมีแดดออก สภาวะอาจไม่เหมาะเพราะอากาศจะเริ่มร้อนและเส้นใยไตรโคเดอร์มาก็เริ่มงอก จึงอาจเป็นสาเหตุให้มีเส้นใยงอกไม่ได้มาก และผลที่ตามมาก็คือ การรักษาและป้องกันโรคก็จะได้ประสิทธิภาพไม่ดีเท่าที่ควร
นวัตกรรมใหม่ที่กล่าวถึงมีที่มาจากการเกิดโรคใบจุดพบเชื้อสามชนิด คือ
เซอร์โคสปอรรา (Cercospara sp.) โครีนีสปอรา (Corynespora sp.) และอัลเทอร์นาเรีย (Alternaria sp.)ในผักสลัดที่ปลูกด้วยระบบไฮโดรโพนิกส์ ได้มีการทดลองนำเอาสปอร์ของเชื้อราไตรโคเดอร์มามาฉีดพ่นเพื่อป้องกันรักษาโรคใบจุด ปรากฏผลออกมาเป็นที่ไม่น่าพอใจ ซึ่งตามทฤษฎีแล้วน่าจะได้ผลดีกว่านี้ จึงทำให้ท่านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ยงยุทธ เจียมไชยศรี ผู้ที่มีความสามารถและเชี่ยวชาญในการปลูกผักด้วยระบบไฮโดรโพนิกส์ นอกจากนี้ท่านยังเป็นบุคคลแรกที่ทำการทดลองใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาใส่ลงไปในสารละลายธาตุอาหารเพื่อใช้ป้องกันและรักษาโรครากเน่าโคนเน่าในผักที่ปลูกด้วยระบบไฮโดรโพนิกส์ ท่านได้คิดหาวิธีใหม่ในการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา โดยทำให้สปอร์ของเชื้อราไตรโคเดอร์มางอกเป็นเส้นใยก่อนแล้วจึงนำไปฉีดพ่น ท่านได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านเชื้อราไตรโคเดอร์มาคือ รศ.ดร. จิระเดช แจ่มสว่าง ถึงวิธีการทำให้เชื้อราไตรโคเดอร์มางอกเป็นเส้นใย วิธีที่ได้ คือ
1. นำเชื้อราไตรโคเดอร์มาที่เพาะในข้าวสุกมาละลายน้ำเอาแต่น้ำสปอร์ของไตรโคเดอร์มาโดยใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา ที่เลี้ยงบนเมล็ดข้าวสุก 200 กรัม/น้ำ 10 ลิตร
2. นำน้ำสปอร์ของเชื้อราไตรโคเดอร์มาใส่ไปในถัง 20 ลิตร จากนั้นเติมธาตุอาหารรองลงไปประมาณ 5 กรัม เพื่อเป็นอาหารเสริมให้เชื้อ
3. ให้ออกซิเจนโดยใช้หัวทรายหรือใช้ปั๊มขนาดเล็กติดเวนจูรี่เป่าอากาศเป็นเวลา 12-24 ชั่วโมง(ทำตอนเช้าฉีดพ้นตอนเย็น)
จากวิธีการข้างต้นจะได้เชื้อราไตรโคเดอร์มาที่งอกเป็นเส้นใย โดยก่อนนำไปฉีดพ่นให้เติมน้ำเพิ่ม อีก 10-30 ลิตร
การฉีดพ่นจะกระทำในตอนเย็น ถ้าต้องการรักษาโรคให้ฉีดพ่น 3 วันติดต่อกัน ถ้าต้องการป้องกันโรคหรือเร่งการเจริญเติบโตของพืชผักให้ฉีดพ่น 3-7 วัน/ครั้ง
…………………………………………..
จะได้อะไรจากการฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอร์มาที่งอกเป็นเส้นใยแล้ว
1. ขณะที่เชื้อราไตรโคเดอร์มางอกเป็นเส้นใยมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดการสร้างสารทุติยภูมิ คือ เพนทิลไพโรน (pentyl pyrone) ที่มีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญของเชื้อสาเหตุโรคพืชและยังเป็นสารส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชด้วย เป็นสารที่ให้ประโยชน์ 2 อย่างในตัวเดียว
2. ธาตุอาหารรองที่เราใส่ไปเป็นอาหารเสริมให้เชื้อยังให้ประโยชน์แก่พืชด้วย
3. เมี่อฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอร์มาที่เป็นเส้นใยไปที่ใบพืช เส้นใยของเชื้อราไตรโคเดอร์มาจะทำงานได้ทันที ไม่ต้องรอเวลาเหมือนการฉีดพนด้วยสปอร์(เส้นใยของเชื้อราไตรโคเดอร์มาสามารถทนแรงดันจากการฉีดพ่นโดยเครื่องฉีดพ่นได้)
ผลที่ได้รับจากการฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอร์มาในรูปของเส้นใย ทำให้ผักเติบโตดีขึ้นมีความสมบูรณ์แข็งแรงปลอดจากโรคมีความเขียวสดใสเพิ่มขึ้น ซึ่งเราอาจจะใช้วิธีนี้กับพืชผักหรือต้นไม้อื่นที่ไม่ได้ปลูกด้วยระบบไฮโดรโพนิกส์ได้อีกด้วย นอกจากนี้เรายังอาจจะใช้เส้นใยของเชื้อราไตรโคเดอร์มาใส่ลงไปในสารละลายธาตุอาหารของผักที่ปลูกด้วยระบบไฮโดรโพนิกส์แทนการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาในรูปสปอร์แบบที่ได้เคยทำ กันมาในอดีตซึ่งจะช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพของเชื้อราไตรโคเดอร์มาควบคุมรักษาโรคพืชมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ซึ่งต้องขอขอบคุณความคิดริเริ่มของท่านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ยงยุทธ เจียมไชยศรี ที่ทำให้เราได้ใช้วิธีการรักษาและป้องกันโรคพืชแบบปลอดภัย อันจะนำมาซึ่งสุขภาพที่ดีของผู้ปลูกผักและผู้บริโภคผักที่ปลูกด้วยระบบไฮโดรโพนิกส์ต่อไป