การคัดเลือก ผอ.กลุ่ม

การที่ ผอ.เขต เปิดให้กลุ่มอื่นเข้ารับการคัดเลือก นั่นย่อมแสดงว่า ผอ.เขต เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ข้าราชการทุกคน มีความรู้ความสามารถในการเรียนรู้งาน และหากใครมีสามัญสำนึกเป็นข้าราชการ ที่กินภาษีราษฎร์ มีผลงาน ย่อมมีสิทธิที่จะข้ามกลุ่มเข้าไปทำงานได้  มิใช่ว่า ข้าฯเกิดแต่กอใด ก็จะอยู่แต่กอนั้นตลอดไป  นั่งรอ ผอ.กลุ่มคนเก่าเกษียณอายุราชการ ไม่ต้องทำอะไร รอ ผอ.แต่งตั้ง  หากไม่แต่งตั้ง ข้าฯก็จะไม่ทำอะไร  หากเป็นเช่นนี้แล้ว  คิดว่า ผอ.เขต ท่านก็คงเห็นแล้ว ว่าคนเช่นนี้ไม่สมควรที่จะเป็นผู้นำลูกน้อง เพราะมัวแต่นั่งเกี่ยงงาน
ตัวอย่าง การทำงานข้ามกลุ่ม ข้ามกรม ข้ามหน่วยงานก็มีให้เห็นอยู่มากมาย  แม้แต่รัฐบาลบางกรณียังเชิญบุคคลภายนอกที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานก็มีให้เห็น ท่านว่าจริงหรือไม่
การมองว่า ผอ.เขต ทำไม่ถูก ที่จะให้กลุ่มอื่นเข้ามาทำงานเพื่อปรับเปลี่ยนระบบการทำงาน นั้น ต้องหันกลับมาพิจารณาตัวเองก่อน ว่า ทำไม ท่าจึงไม่อยากได้ท่านทำ
ท่านทำตัวเป็นเจ้าขุนมูลนาย  ทำตัวนั่งรอวาสนา ยังไงข้าฯต้องได้ มันน่าจะพิจารณาที่ตัวเองนะ สมองมีไหม ความรับผิดชอบมีไหม สัมมาคารวะ สู้งานหรือไม่ ขันอาสานายทำงานให้คุ้มกับภาษีราษฎร์จริงไหม ขยันมาทำงานเช้า หรือไม่ มาแล้วทำอะไรบ้างใน วันๆ หรือนั่งรอเซ้นต์ชื่อผ่านงานก็พอ ไม่มีงานเสนอ ก็หายหัวไป นายไม่อยู่ก็มาทำงานสาย หรือมาลงชื่อแล้วก็หายไป  ฝนตกฟ้าร้องก็โทรสั่ง พชร.สำนักงานมารับ ไปไหน ก็ให้ พขร. รถหลวงไปส่งแม้กระทั่งพาพรรคพวกกินข้าวกลางวัน มีจิตอาสาจริงไหม เฮ้อ !!!! คิดๆ ๆ พิจารณา ตัวเองก่อนน๊อ

คุณ จิตพิจารณา  มันตรงกันข้าม ถ้าได้คนดีมันก็ดีต่อองค์กร แต่คนที่จะเข้ามานะซิไม่เคยปฏิบัติงานด้านนั้นมาก่อนเลย ถ้าเข้าไปแล้วจะต้องมาพัฒนาศึกษาอีก งานไม่ใช่มีหน้าเดียวมันหลายเรื่อง เช่น ผอ.กลุ่มบริหารงานบุคคล เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของคนนะ  คนในกลุ่มกลัวว่าจะได้คนที่ไม่มีความรู้มาบริหารแล้วเวลามีปัญหาจะให้คำปรึกษาได้อย่างไร  คนที่มีคุณสมบัติที่สุดก็เป็นคนที่ตรงมาก ๆ ทำงานแบบตรงไปตรงมาตามหลักเกณฑ์ด้วย

คุณจิตพิจารณา
  เห็นด้วยที่คุณคิด ถ้าการคัดเลือกบุคคลมาเป็น ผอ.กลุ่มไม่มีอะไรแอบแฝง มุ่งผลประโยชน์องค์กรและราชการเป็นหลัก ถ้าได้คนดีและเก่ง(มีทั้ง IQ และEQ) ผู้ใต้บังคับบัญชาก็มีขวัญและกำลังใจในการทำงาน แต่ถ้าตรงข้ามกับทีคุณว่ามาละ องค์กรจะเป็นอย่างไร?
คุณเจ้าหน้าที่ สพป.
  คุณต้องใจกว้าง ให้โอกาสกับทุกคนที่เขามีสิทธิตามกฏหมายกำหนด เช่น ตาม ว.14 ของ กคศ.ที่จัดกลุ่มของ ขกร.ไว้ในกลุ่ม/ประเภท เดียวกัน หลักเกณฑ์ให้ย้ายไปแต่งตั้งได้โดยไม่ต้องประเมินบุคคลและผลงาน แต่ส่วนมากทำกันไม่ถูก เช่น ตำแหน่งนักจัดการงานทั่วไปชำนาญการพิเศษว่าง ก็เอานักจัดการชำนาญการไปตั้ง อย่างนี้นะผิด มันต้องระดับเดียวกันไปหากัน ประสบการณ์ ทักษะ สมรรถนะ มันพัฒนาได้ แต่ต้องดูว่าที่ผ่านมาเขามีพฤติกรรมแบบไหนด้วย นะ บางคนพอได้เป็นใหญ่ก็หลงอำนาจ ลืมตัว ทุกวันนี้มันมีปัญหาเพราะผู้บริหารบางคนไม่ทำตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ กคศ.กำหนด เลือกพวกพ้องตัวเองไม่มีคุณธรรม เลยเจอข้อร้องเรียนกันมาก สังคมทุกวันนี้กลายเป็นไอ้เรื่องที่ทำผิดกลายเป็นถูก เพราะคนส่วนมากได้ประโยชน์ด้วย ก็เลยเงียบไม่พูดอะไร ไม่โวยวาย "ธรรมชาติ(น้ำ)ถึงต้องมาชะล้างให้สะอาด" งั๊ย สุดท้ายไอ้ที่ได้มามันก็ไม่คุ้มกับที่ต้องเสียนะ

คุณจิตพิจารณา OK
คุณ จนทสพป ต้องโตขึ้นอีกให้มากกว่านี้

เหตุการไม่ได้เป็นอย่างที่คุณจิตพิจารณาคิด ตรงกันข้ามเป็นคนที่ตั้งใจทำงานแต่อาวุโสน้อยกว่าคนเก่า ก็เลยไม่ได้เป็น ผอ.กลุ่ม ถ้าการคัดเลือกครั้งนี้ มีอะไรแอบแฝง มุ่งผลประโยชน์ต้องการคนของตัวเอง จะได้ไม่ขัดผลประโยชน์ไงล่ะ  คุณอย่าเหมารวมกันหมดทุกคนซิ โตแค่ไหนก็ทนไม่ได้หรอก"คุณผ่านมา" ถ้าทำแบบนี้   ถ้าคนที่จะเข้ามาเหมาะสมรับได้ทุกอย่างอยู่แล้ว

       อ่านดูแล้วทุกคนก็พูดถูกนะ เป็นการแชร์ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เพื่อการพัฒนาปรับปรุง แก้ไขปัญหา ได้ถูกต้องยิ่งขึ้น  ทั้งคุณจิตพิจารณา  เจ้าหน้าที่สพป.และคุณรัชนี  ทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตนเองตามประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ   เพราะว่า แต่ละคนผ่านประสบการณ์ที่ได้พบได้เจอไม่เหมือนกัน 
       เมื่อเราทราบเหตุการณ์ หรือปัญหาที่ทุกคนได้ประสพกันมาแล้ว  เรามาช่วยกันคิดดีกว่าไหม๊ว่า  " เราจะทำอย่างไร พัฒนาอะไร  แก้ไข ตรงจุดไหน " 
        เข้าใจนะ ว่าทุกคนต่างก็ต้องการความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานกัน  แต่ความก้าวหน้านั้นก็ต้องไม่เป็นการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน

ถูก ต้องกับคนรวมใจพัฒนา ทุกคนล้วนอยากมีความก้าวหน้าในงานที่ทำ แต่ต้องมองถึงคุณลักษณะ คุณสมบัติ หรือมาตรฐานตำแหน่งของตนเองด้วย ว่าโตหรือก้าวหน้าได้แค่ไหน ก็รีบขวยขวายพัฒนาตนเองเพื่อไปสู่จุดหมาย หรือตำแหน่งที่ก้าวหน้าได้ อย่าลือว่ากลุ่มงานในเขตทั้ง 8 กลุ่มงาน ลักษณะงานแตกต่างกัน ไม่เหมือนกันเลย  มิฉะนั้นแล้ว ก.พ.จะกำหนดมาตรฐานตำแหน่งไปทำไม่ละคะ ลองคิดดูนะ ขอเอาใจช่วยในการพัฒนาตนเองเพื่อไปสู่การเปลี่ยนสายงาน เหมือนผู้เขียนที่ได้กระทำมาแล้ว

แต่ละกล่มภาระงาน ลักษณะงาน ขอบข่ายงานไม่เหมือนกัน แต่พันธกิจเหมือนกัน(การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน)อำนาจ หน้าที่ ตาม พรบ.กระทรวง ศธ.เหมือนกัน  จุดมุ่งหมายเดียวกันคือ เด็กเก่งดีมีสุข และสุดท้ายคือ เด็กต้องมีปัญญา ที่จะอยู่ในสังคมที่เปลี่ยนแปลงได้
-แต่ทุกวันนี้ เราต่างคนต่างทำ เป้าหมายร่วมไม่มี มีแต่เป้าหมายของตัวและพรรคพวก ผลผลิตออกมา(เด็กจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน)สังคมจึงไม่ยอมรับผลิตผลของเรา 
-ขณะนี้ เปลี่ยนวิธีการที่จะช่วยเหลือเด็กแล้วละ เพราะคิดว่าวิธีทำ วิธีคิดเดิม ๆ ผลลัพธ์(ผลกระทบ)ออกมามันไปไม่ถึงเด็ก มันตกอยู่แค่คนบางคน บางพวก ก็เริ่มทำโครงการ >มอบอุ่นไอรัก เพื่อน้อง ๆ พี่ เพื่อน และทุกคนไม่รูจบ เริ่มเมื่อน 5 มกราคม 55 แล้วละ วีธีการ คือเลือก ร.ร.ในเขต ที่มีเด็กฐานะไม่ค่อยดีหน่อย ก็มีเลี้ยงอาหารกลางวัน ซื้อรองเท้า ถุงเท้าใหม่ ให้เด็กที่ไม่มีจริง ๆ โยขอเบอร์รองเด็กจากครู และขอรับบริจาคเสื้อผ้า กระเป๋าที่เราไม่ใช้แต่ยังดี เหมาะสมที่คนอื่นยังใช้ได้ดีอยู่ เสร็จก็นำไปมอบให้กับเด็ก ก็ได้รับการตอบรับดีมาก อาหารก็มีใข่ไก่ต้ม 600 ฟอง คิวต่อไปก็มี ผอ.ร.รจองไว้แล้วนะ มีความสุขดีกับการเป็น"ผู้ให้ที่ไม่รู้จบ"

สพป.กจ....  ผอ.ล๊อคสเปค ให้คนของใกล้ชิดครองตำแหน่ง ผอ.กลุ่ม โดยไม่ต้องแข่งขัน แบบนี้ แฟร์ดี เพราะแต่ละคน ขาดทั้ง IQ และ EQ  บ้าอำนาจ หลงตัวเอง ก้าวร้าว คนดีอยู่ไม่ได้ ต้องให้คนบ้าครองเมือง

อยากทราบแนวปฏิบัติในการคัดเลือก ผอ.กลุ่มนโยบายและแผนว่าใช้หลักเกณฑ์อะไร อย่างไร (ขอคำตอบด่วย)