การเดินทางของปริญญาบัตร

BeerIS52 profile image BeerIS52

ป็นที่รู้กันดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเริ่มเสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตรตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 
และหลังจากนั้นบัณฑิตทุกคนก็เฝ้ารอที่จะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์อย่างใจจดใจจ่อ 
ภาพถ่ายวันรับพระราชทานปริญญาบัตรกลายเป็นของล้ำค่าที่ต้องประดับไว้ตามบ้านเรือนและเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของหนุ่มสาวและความภาคภูมิใจของบิดามารดา 
จน 29 ปีต่อมา มีผู้คำนวณให้ฉุกใจคิดกันว่าพระราชภารกิจในการพระราชทานปริญญาบัตรนั้นเป็นพระราช ภารกิจที่หนักหน่วงไม่น้อย หนังสือพิมพ์ลงว่าหากเสด็จฯพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้ง ละราว 3 ชม. 
เท่ากับทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทานใบปริญญาบัตร 470,000 ครั้ง 

น้ำหนักปริญญาบัตร ฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมดที่พระราชทานมาแล้ว 141 ตัน 

ไม่เพียงเท่านั้น ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ยังเล่าเสริมให้เห็น 'ความละเอียดอ่อนในพระราชภารกิจ' ที่ไม่มีใครคาดถึง

ว่าท่านไม่ได้พระราชทานเฉย ๆ ทรงทอดพระเนตรอยู่ตลอดเวลา โบหลุดอะไรหลุดพระองค์ท่านทรงผูกโบว์ใหม่ให้เรียบร้อย ...

บางครั้งเรียงเอกสารไว้หลายวัน ฝุ่นมันจับ พระองค์ท่านก็ทรงปัดออก ...

ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ทรงลดการเสด็จฯ 
พระราชทานปริญญาบัตรลงบ้าง โดยอาจงดเว้นการพระราชทานปริญญาบัตรในระดับป.ตรี คงไว้แต่เพียงระดับปริญญาโทขึ้นไป 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับมีพระราชกระแสรับสั่งตอบว่า 
พระองค์เองเสียเวลายื่นปริญญาบัตรให้บัณฑิตคนละ 6-7 วินาทีนั้น 
แต่ผู้ได้รับนั้นมีความสุขเป็นปี ๆ เปรียบกันไม่ได้เลย 

ที่สำคัญคือ 
ทรงเห็นว่าการพระราชทานปริญญาสำหรับผู้สำเร็จป.ตรี 
นั้นสำคัญเพราะบางคนอาจไม่มี โอกาสศึกษาชั้นปริญญาโทและปริญญาเอก 

ดังนั้น 'พระองค์จะพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตปริญญาตรีไปจน กว่าจะไม่มีแรง'

ความคิดเห็น
BeerIS52 profile BeerIS52

เจ้าฟ้าหญิงฯทรงโปรดน้ำท่วมพระตำหนัก ยอมจมน้ำเหมือนประชาชน 
เจ้าฟ้าหญิงฯเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรรอบตำหนักพระจักรีบงกช 
ทรงตรัสสัญญาจะไม่ปั้มน้ำออกจากบ้านเพื่อให้บ้านน้ำแห้ง 
จะยอมจมน้ำเหมือนประชาชนทุกคน
ขอใจทุกคนสู้ อดทน พวกเราจะฝ่าวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกัน
... วันนี้ 31 ต.ค. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
เสด็จไปที่สะพานนนทบุรี พระทับเรือพระที่นั่ง ไปพระตำหนักจักรีบงกช
เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรโดยรอบที่อาศัยอยู่รอบตำหนักพระจักรีบงกช
จากปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ทำให้น้ำท่วมตำหนักจักรีบงกชและชุมชนโดยรอบ 
ไฟฟ้าและน้ำประปาถูกตัด การเดินทางต้องใช้เรือเป็นหลัก
ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี 
ได้เสด็จประทับที่โรงพยาบาลศิริราช เป็นการชั่วคราว 
ในการนี้ได้พระราชทานถุงยังชีพ และพระราชทานกำลังใจแก่ราษฎรผู้มาเฝ้าฯ รับเสด็จ
พร้อมทรงตรัส ข้าพเจ้าเข้าใจคนที่ลำบากน้ำท่วม บ้านข้าพเจ้าก็น้ำท่วม
แต่ยังคิดว่ามีแรงเหลือมาช่วยพี่น้องประชาชน ส่งหน่วยแพทย์ดูแลสุขภาพประชาชน 
และสัตว์เลี้ยง ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะไม่ปั๊มน้ำออกจากบ้านเพื่อให้บ้านน้ำแห้ง
ข้าพเจ้ายอมจมน้ำเหมือนประชาชนทุกคน และเราจะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนี้ไปด้วยกัน
ข้าพเจ้าได้สั่งแม่บ้านของข้าพเจ้าแล้วว่าให้ทำอาหารส่งหมู่บ้านต่างๆห่างไกล
ที่ไม่สามารถออกมาได้ ได้ทราบว่าแม่บ้านได้ทำอาหารแจกชาวบ้านโดยรอบ 1,000กล่อง/วัน
ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะกลับมากรุงเทพฯทุกสัปดาห์จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ
ขอใจทุกคนสู้ อดทน พวกเราจะฝ่าวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกัน
( โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 ตุลาคม 2554 )

BeerIS52 profile BeerIS52

สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ
 
ของคนไทย เพราะในความเป็นจริง สถาบันพระมหากษัตริย์
อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อประเทศ­ชาติอ่อนแอ
ตรงกันข้าม กับหลายประเทศที่เคยมี กษัตริย์และปกครอง
ด้วยระบอบประชาธิปไตย
-ความจงรักภักดีต่อสถาบันอันสูง­สุด ถือว่าเป็นหน้าที่หนึ่ง
ของคนไทยทุกคน สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันหนึ่ง
ที่ช่วยให้เรา ได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเร­าถึงทุกวันนี้
บชร.1 "ขอเป็นข้าพระบาททุกชาติไป"


BeerIS52 profile BeerIS52

"เมื่อคืนเวลาประมาณเกือบๆห้าทุ่ม ณ สะพานที่หนึ่งในเขตทวีวัฒนา มีรถคันนึงจอดอยู่บนสะพาน ชาวบ้านแถวนั้นเห็นจึงเข้าไปเคาะกระจกรถเพื่อที่จะบอกว่าเค้ามีคำสั่งให้อพยพแล้ว เมื่อชาวบ้านพยายามมองเข้าไปในรถ ภาพที่เห็น กลับทำให้ชาวบ้านคนนั้นถึงกับเข่าทรุด เพราะคนที่นั่งอยู่ในรถ คือ พระเจ้าอยู่หัวของเรา กับสมเด็จพระเทพที่เสด็จมาดูปัญหาน้ำท่วมด้วยพระองค์เอง" ฟังไปก็ขนลุกไป ตื้นตันมาก ขอพระองค์ทั้งสองทรงพระเจริญ รู้รึยังว่าใครที่ห่วงใยเราตลอดเวลา ใครที่เป็นผู้นำ ใครที่แม้ไม่สบายแต่ก็ไม่เคยทอดทิ้งพวกเรา ยังจำกันได้ไหม ตอนที่พระองค์พูดว่า ถ้าหากพวกท่านไม่ละทิ้งข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าจะละทิ้งพวกท่านได้อย่างไร พระองค์ทรงทำตามคำพูดคำสัญญาตลอด ทรงพระเจริญ !


BeerIS52 profile BeerIS52

พระราชดำรัสในหลวง กับการป้องกันน้ำท่วม ปี 2538                                   

หลายๆ เรื่องที่เราเถียงกันอยู่ในวันนี้ ทั้งเรื่องการดันน้ำ การสร้างแนวน้ำท่วมไหลผ่าน การตัดเจาะถนน การกั้นน้ำ การสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น การระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล ฯลฯ ท่านทรงเคยให้คำอธิบายและแนวทางการทำเอาไว้  ... แต่ก็ไม่มีใครนำพา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งเรื่อง การป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ 2538 ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เวลา 20:40-22:45 วันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2538 


BeerIS52 profile BeerIS52

          วันที่ 18 กันยายน 2538 ฝนตกหนักในกรุงเทพฯ พายุดีเปรสชั่น Ryan ทำให้ฝนตกมากเหนือประเทศไทยและกรุงเทพฯ น้ำเหนือไหลบ่าลงมาจะเข้าท่วมกรุงเทพฯ การระบายน้ำออกจากเขื่อนสิริกิติ์ทำมากกว่าเขื่อนภูมิพล สร้างปัญหาน้ำจะเข้าท่วมกรุงเทพฯปี 2538 ทันทีในวันรุ่งขึ้น วันที่ 19 กันยายน 2538 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเรียกประชุมข้าราชการที่เกี่ยวข้องเป็นการด่วน ทรงอธิบายต่อที่ประชุมฉุกเฉินข้าราชการกรมชลประทาน (อธิบดี และ รองอธิบดี -ปราโมทย์ ไม้กลัด, สวัสดิ์ วัฒนายากร, รุ่งเรือง จุลชาต), ผู้ว่าฯกทม. (กฤษฎา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา), ปลัด กทม. (ประเสริฐ สมะลาภา) และองคมนตรี ที่มีความชำนาญเรื่องน้ำและวิศวกรรม รวมทั้งข้าราชการผู้ชำนาญเรื่องน้ำอีกหลายท่าน ทุกคนนั่งร่วมโต๊ะประชุมแบบล้อมวงรีร่วมกับพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงรับสั่งให้เร่งแก้ปัญหาพร้อมทั้งอธิบายรายละเอียดทาง­วิชาการ วิธีการทำงานป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ให้น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำตามธรรมชาติของน้ำ ทรงให้ขุดตัดถนนที่ขวางทางน้ำ ขุดใต้ทางรถไฟ หาทางให้น้ำไหลลอดออกลงคลองระบายน้ำ เพื่อให้ลงทะเลไปโดยเร็ว ทรงรับสั่งทำให้เสร็จในสามวัน ส่วนโครงการใหญ่ระยาวก็ทรงให้เตรียมการขุดขยายคูคลองระบบประตูร­ะบายน้ำและสูบน้ำต่า­งๆ การทำความเข้าใจกับประชาชนที่อาจต้องเสียสละและอาจต้องโยกย้ายอ­อกจากที่สาธารณะริมค­ลองต่างๆ ทรงประสงค์จะให้เร่งทำความเข้าใจกับประชนชนถึงความสำคัญของโครง­การเขื่อนแก่งเสือเต้นของกรมชลประทาน และโครงการอ่างเก็บน้ำในลุ่มน้ำต่างๆในภาคเหนือ ฯลฯ


BeerIS52 profile BeerIS52

ใคร ??? คนหนึ่งที่ไม่ค่อยสบาย แต่หมั่นออกมาดูระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา

ใครคนนี้เคยพูดไว้เมื่อหลายสิบปีก่อนว่า
"ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้"
ไม่จำเป็นต้องบอกว่า "ใครคนนี้ คือ ใคร" แต่สิ่งที่อยากจะฝากไว้หากคุณรัก "ใครคนนี้" คุณต้องอ่านสิ่งข้างล่างนี้ และ ทำมันให้ได้

1. "ใครคนนี้" มีลูกหลายคน ลูกแต่ละคนใส่ก็มีความคิดที่แตกต่างกัน
ลูกบางคนก็รัก "ใครคนนี้" บางคนก็ด่า "ใคร" คนนี้ 
แต่ "ใครคนนี้" ไม่เคยว่าลูกของตนเองเลย "ย้ำว่าไม่เคยว่าเลย"
ที่สำคัญ คือ "ใครคนนี้" ไม่ปรารถนาให้ลูกของตนเองทะเลาะกัน

แถมยังบอกอีกต่างหากว่า "ถ้าพ่อทำผิด วิจารณ์ได้นะ"

2. ถ้าคุณเจอลูกของ "ใครคนนี้" ที่กำลังด่า "พ่อ" ของเขาอยู่
ขอให้คน "อดทน" อย่าไปด่าหรือตอบโต้ "ลูกกลุ่มหนึ่งที่เข้าใจผิดอยู่"
เพราะการไป "ปะทะทางวาจา" จะทำให้ใจเราเสีย
ที่สำคัญ คือ จะเป็นการต่อกรรมไม่จบไม่สิ้น
โดยเฉพาะกรรมทางวาจาในโลกไซเบอร์ที่กระจายออกไปไม่มีที่สิ้นสุด

หลายคนอาจสงสัยว่า "ทำไมเราต้องอภัยให้คนกลุ่มที่เข้าใจผิด"
ผมตอบได้สั้น ๆ ว่า "ก็เพราะว่าพวกเราทุกคนเป็นพี่น้องกัน เป็นลูกที่ใครคนนี้รัก"


3. ถ้าคุณรัก "ใครคนนี้" จริงขอให้คุณหมั่นทำแต่ความดี
ทำให้ "ใครคนนี้" รับรู้ว่า ยังมี "ลูกอยู่กลุ่มหนึ่ง"
แม้จะเป็นจำนวนที่ไม่มากนัก แต่เป็นลูกที่พร้อมที่จะเดินตามรอยพ่อ
เป็นลูกที่เชื่อใน "ความดีที่พ่อสอนและความดีที่พ่อทำ"

"ศีล 5" คือ เครื่องบ่งชี้ว่า คุณมีคุณสมบัติที่จะเป็นลูกของ "ใครคนนี้หรือไม่"
สำรวจตัวเอง "ทั้งกาย วาจา และใจ" หากศีลยังไม่ครบ ก็อาราธนาให้ครบ

อ่านจบแล้ว คุณพร้อมหรือยังที่จะ "เป็นลูกที่ดีของพ่อคนนี้"

ผมไม่ได้เขียนเพื่อทับถมหรือตำหนิใคร แต่ผมเขียนเพื่อเตือนสติตัวเอง และเตือนสติพี่น้อง (คนไทย) ที่รักของผม เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ เราห้ามความเสียหายไม่ให้เกิดไม่ได้ แต่เรา "รักษาใจของเรา" ให้มั่นคงในความดีได้

อย่า "เอาอารมณ์ของข่าวที่กำลังขัดแย้ง เข้ามาในใจของเขา และผสมโรงด่าเหมารวมเหมือนคนอื่น ๆ เขา เพราะโทษที่เกิดขึ้นเป็นกรรมปัจจุบัน เวลามันสะท้อนกลับจะรุนแรงมหาศาล เนื่องจากเป็นกรรมทางวาจาของคนหมู่มาก"

Credit: http://board.palungjit.com/


BeerIS52 profile BeerIS52

แพทย์เผยในหลวงทรงเป็นห่วงพสกนิกรที่ประสบภัยน้ำท่วม ขณะที่ตลาดวังหลังผู้ประกอบการต่างปิดร้านไม่มีกำหนดหลังแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นต่อเนื่อง

ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ทางคณะแพทยศาสตร์ มีการกราบบังคมทูลถวายรายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เกี่ยวกับสถานการณ์ภาวะน้ำท่วม ทั้งถวายรายงานด้วยวาจาและถวายรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงสนพระทัย ทรงพระเมตตา และทรงทอดพระเนตรด้วยสายพระเนตรอย่างมีพระเมตตา พระองค์ทรงเป็นห่วงประชาชน ทุกสิ่งอยู่อย่างอยู่ในพระเนตรพระกรรณ พระองค์ท่านตลอด

ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณตลาดวังหลัง ที่อยู่ใกล้ รพ.ศิริราช ว่า ในวันนี้ผู้ประกอบการต่างพากันปิดร้านอย่างไม่มีกำหนด หลังน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นท่วมขังอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนว่ามีร้านอาหารบางแห่งในบริเวณฉวยโอกาสขึ้นราคาค่าอาหารและน้ำดื่ม จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 


BeerIS52 profile BeerIS52

ในหลวงรับสั่งน้ำท่วมปล่อยให้เป็นธรรมชาติ  ไม่ต้องทำอะไรเป็นพิเศษในเขตพระราชฐาน

ผบ.ทบ.เผยในหลวงรับสั่งน้ำท่วมปล่อยให้เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษในเขตพระราชทาน แต่ขอให้ดูแลทุกพื้นที่อย่างทั่วถึง

ที่ถนนจรัญสนิทวงศ์ เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 26 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงตรวจน้ำท่วมพื้นที่ถนนจรัญสนิทวงศ์ว่า ในส่วนของพื้นที่บางพลัดอยากให้กำหนดโซนพื้นที่ในการขนย้ายให้รวดเร็ว หากประชาชนไม่ยอมอพยพก็ต้องยอมรับสภาพ และมารับของบริจาคเอง

ทั้งนี้เห็นว่าเมื่อน้ำท่วมหมดแล้วก็ควรต้องย้าย แต่ห่วงเรื่องรถทหารเพื่อขนย้ายมีไม่เพียงพอ จึงอยากให้นำรถของทุกส่วนราชการ เช่น ขสมก.รถของสำนักงานเขตบางพลัดระดมมาช่วยกัน นอกจากนี้หากน้ำท่วมสูงจะทำให้รถใหญ่ไม่สามารถวิ่งได้รวมทั้งซอยจรัญฯ เป็นซอยเล็กก็จะมีความลำบาก ตนอยากให้เตรียมแผนเรื่องการอพยพทางเรือ โดยให้นำเรือของกองทัพบกที่ใช้ดันน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มี 10 ลำ เอาออกมาใช้ขนย้ายประชาชน 5 ลำโดยประสานกับ ศปภ.เพื่อขออนุมัติถอนมา

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าได้มาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชาที่ช่วยเหลือประชาชนอยู่ในเขตบางพลัด โดยน้ำเข้าไปในพื้นที่ 2 วันแล้ว กองทัพบกพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชน และสิ่งที่กองทัพบกดำเนินการเป็นไปตามแผนงานของ ศปภ.ได้วางไว้ทั้งสิ้น

สำหรับกรณีที่กระทรวงกลาโหมมอบหมายให้กองทัพบกดูแลเขตพระราชฐานนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าได้ประสานงานกับสำนักพระราชวังแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งพื้นที่ภายในให้เขาดำเนินการเอง

ท่านทรงเป็นห่วงประชาชน อยากให้เป็นไปตามธรรมชาติ นี่พระมหากรุณาธิคุณ ท่านห่วงประชาชนตลอด ท่านก็บอกว่าให้ปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติ ท่านจึงไม่ทรงโปรด และทรงรับสั่งว่า เป็นน้ำท่วมก็ขอปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่อยากให้มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ในฐานะที่กองทัพบกเป็นผู้รับผิดชอบก็จะทำเฉพาะที่ประสานได้ และต้องตอบคำถามของรัฐบาลด้วยผบ.ทบ.กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของการดูแลเขตพระราชฐานนั้น ต้องเป็นไปตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงรับสั่งว่าให้ดูแลทุกพื้นที่ให้ทั่วถึง ทางกองทัพบกก็จะทำให้ดีที่สุด แต่สิ่งสำคัญทุกคนต้องตระหนักไว้เสมอว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงห่วงใยประชาชนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการพระราชทางพระราชดำริ พระราชทานสิ่งของเยี่ยม ความห่วงใย สิ่งเหล่านี้เราต้องสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ และจะนำพาให้บ้านเมืองเราอยู่รอดและประชาชนปลอดภัย


BeerIS52 profile BeerIS52

วันนี้(27 ต.ค.) ศ.คลินิก น.พ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งทรงประทับอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราช มีความเป็นห่วงพสกนิกรชาวไทยที่ประสบปัญหาอุทกภัยเป็นอย่างมาก แม้จะทรงพระประชวรอยู่ แต่ก็ทรงงานตลอด และได้ทอดพระเนตรระดับน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาทุกวัน ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ แจ้งว่า เนื่องจากภาวะน้ำท่วม รพ.ศิริราช จึงงดให้บริการผู้ป่วยนอก และคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ ตั้งแต่วันที่ 27 - 31 ตุลาคม นี้ โดยทาง รพ.ศิริราช จะเปิดบริการเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉิน และจะพิจารณารับไว้เฉพาะกรณีที่เจ็บป่วยรุนแรงขั้นวิกฤตเท่านั้น


BeerIS52 profile BeerIS52

ภูมินทร์ ผู้เป็นใหญ่แห่งแผ่นดิน

เป็นมิ่งขวัญ ปวงราษฎร์ ชาติไทยแท้

ทรงคิดแก้ ปัญหา สาระพัด

น้ำดินมา พระองค์ ทรงเจนจัด

ที่ใดขัด ข้องคิด ทรงพิจารณ์

ทรงชี้จุด ปัญหา ให้พาแก้

ช่วยชี้แนะ ทั้งสิ้น ทุกถิ่นฐาน

ทรงเข้าใจ น้ำไหล ในลำธาร

ทรงแตกฉาน หยั่งรู้ สมภูมินทร์

จะหาใคร ในพื้น พิภพนี้

มาแทนที่ รู้แจ้ง แหล่งทั้งสิ้น

ทรงชำนาญ การเกษตร บนพื้นดิน

โอ้ภูมินทร์ ภูมิพล ล้นอนันต์.

...หยาดกวี...

๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๔

ธ ทรงเป็นขวัญเกล้าชาวสยาม

ทุกโมงยามตามติดคิดแก้ไข

ทรงดำริเตรียมแก้มลิงรับน้ำไว้

ด้วยห่วงใยประเทศชาติราษฎร

อุทกภัยครานี้มากที่สุด

มิอาจหยุดกั้นขวางได้ใช่สิงขร

ทรงดำริเปิดทางให้น้ำไหลก่อน

แม้นเข้านครผ่านสวนจิตรอย่าปิดเลย

ทรงร่วมทุกข์ ร่วมสุขปวงประชา

ทุกหย่อมหญ้าทรงเยียวยาหานิ่งเฉย

สุดตื้นตันน้ำพระทัยไร้คำเปรย

ยอกรเอ่ย ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ 


BeerIS52 profile BeerIS52

.. ตั้งแต่น้ำท่วมมา ในหลวงท่านทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อช่วยเหลือไปแล้วมากกว่า 63 ล้านบาท

..และตั้งแต่น้ำท่วม สมเด็จพระเทพฯ และพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรชายา เสด็จไปกับรถทหารเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยไปเป็นการส่วนพระองค์โดยไม่มีใครรู้ ...

...พ่อของแผ่นดิน นับตั้งแต่เกิดน้ำท่วมพระองค์ทรงนั่งมองปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาทุกวัน แม้ในยามที่พระองค์ทรงพระประชวร และรักษาตัวอยู่ภายในโรงพยาบาลศิริราช ก็ยังมีคำสั่งให้คณะแพทย์และบุคคลใกล้ชิดช่วยกันรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาถวาย เพื่อหาแนวทางป้องกัน และทรงเปลี่ยนห้องที่พระองค์พักรักษาตัวเป็นห้องทรงงาน พระองค์ทอดพระเนตรดูข่าวเกี่ยวกับน้ำท่วมทั้งวัน จนบ่อยครั้งที่พระองค์ลืมเสวยพระกยาหาร จนหมอส่วนพระองค์ต้องคอยเตือนอยู่ตลอด...

http://www.oknation.net/blog/jarrunee/2011/10/25/entry-1


BeerIS52 profile BeerIS52

    เวลา 17.58 น.วันนี้ (9 กันยายน 2554) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯออก ณ ห้องประชุม สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และการเกษตร นำคณะผู้บริหารสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และการเกษตร องค์การมหาชน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโยลี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบบังคมทูลรายงานผลการดำเนินงานของสถาบัน และรับพระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับการดำเนินงานของสถาบัน
       
       ในปีนี้ ราษฎรได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยอย่างหนักในหลายพื้นที่ เนื่องจากฝนที่มาเร็วกว่าปกติ ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา และตกต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำหลายแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนใกล้เต็มความจุ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยราษฎรที่กำลังประสบภัยดังกล่าว จึงพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ผู้บริหารสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และการเกษตรและผู้เกี่ยวข้อง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานพระราชดำริ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาช่วยเหลือราษฎรต่อไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำริด้านงานวิจัย ระบบโทรมาตร และแบบจำลองลมให้สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และการเกษตร องค์การมหาชน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้พัฒนาเทคโนโลยีโทรมาตรตรวจวัดระดับน้ำในแม่น้ำด้วยคลื่นเรดาร์ พร้อมกันนี้ สถาบันได้ร่วมมือกับกรมอุตุนิยมวิทยา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการจัดทำแบบจำลองลม และแบบจำลองสภาพอากาศ ที่สามารถคาดการณ์ลม และสภาพอากาศล่วงหน้าได้ 7 วัน เพื่อส่งข้อมูลให้แก่หน่วยงานต่างๆ นำไปใช้ในการป้องกัน และบรรเทาปัญหาอุทกภัย ติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์
       
       การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำรัสเกี่ยวกับประโยชน์ของเศรษฐกิจพอเพียง “... แบบจริงจัง แต่ว่า ที่ย้ำว่ามีประโยชน์ เพราะว่า โดยมาก เศรษฐกิจพอเพียงนี้ ก็มาเป็นแบบเล่นๆ แบบเล่นๆ เกินไป เป็นการ คำว่า เศรษฐกิจ และก็พอเพียง ก็บางทีไม่ค่อยเข้าใจ ว่า พอเพียงอะไร แต่ตามความคิดของตัว พอเพียงก็แปลว่า ทำอะไร ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ฟุ้งซ่าน และทำให้ได้ผล พอดีผู้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจะต้องพยายามที่จะอธิบายว่า เป็นเศรษฐกิจ และความพอเพียง ก็คือ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ทำอะไรให้มันเกินไป พอทำอะไรให้ เมื่อทำแล้วได้ผล ในการทำ และถ้าได้ผลก็หมายความว่า ประหยัด สำหรับชาวบ้าน คนที่ที่ทำเศรษฐกิจนี้เอง สำหรับผู้ที่เป็นนักทฤษฎีหรือผู้ที่เป็นผู้เจรจาก็ต้องหาเหตุผลของเศรษฐกิจพอเพียง ถ้าหาเหตุผลได้ก็เชื่อว่าเหตุผลนี้ก็จะได้ประโยชน์ เมื่อได้ประโยชน์ชาวบ้านในประเทศก็จะได้ประโยชน์ เมื่อได้ประโยชน์แล้วเขาจะมีความร่ำรวยขึ้นโดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย ถ้าทำได้แล้วจะเป็นการช่วยประเทศชาติให้อยู่ได้ ถ้าไม่เอาใจใส่ในความคิดเหล่านี้ ก็งานทั้งหลายที่เราทำก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย


BeerIS52 profile BeerIS52

จังหวัดสุรินทร์ สร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ

นายเสนอ พิศเพ็ง หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทย แจ้งว่า คณะกรรมการฝ่ายโครงการและกิจกรรม ในคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 54 ได้กำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางพิจารณาคัดเลือกโครงการและกิจกรรม และการจัดสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ ให้ทุกจังหวัดจัดสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ ขึ้นในจังหวัด พร้อมทั้งตกแต่งธงชาติไทย โคมไฟ และตราสัญลักษณ์ เพื่อความสง่างาม และสมพระเกียรติ จังหวัดสุรินทร์ จึงจัดสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ ในพื้นที่ จำนวน 16 แห่ง และปรับปรุง เพื่อความสง่างามและสมพระเกียรติ

Link : http://www.innnews.co.th/สุรินทร์สร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯในหลวง--317593_06.html


BeerIS52 profile BeerIS52

การเดินทางของปริญญาบัตร

เป็นที่รู้กันดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเริ่มเสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตรตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 
และหลังจากนั้นบัณฑิตทุกคนก็เฝ้ารอที่จะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์อย่างใจจดใจจ่อ 
ภาพถ่ายวันรับพระราชทานปริญญาบัตรกลายเป็นของล้ำค่าที่ต้องประดับไว้ตามบ้านเรือนและเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของหนุ่มสาวและความภาคภูมิใจของบิดามารดา 
จน 29 ปีต่อมา มีผู้คำนวณให้ฉุกใจคิดกันว่าพระราชภารกิจในการพระราชทานปริญญาบัตรนั้นเป็นพระราช ภารกิจที่หนักหน่วงไม่น้อย หนังสือพิมพ์ลงว่าหากเสด็จฯพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้ง ละราว 3 ชม. 
เท่ากับทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทานใบปริญญาบัตร 470,000 ครั้ง 

น้ำหนักปริญญาบัตร ฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมดที่พระราชทานมาแล้ว 141 ตัน 

ไม่เพียงเท่านั้น ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ยังเล่าเสริมให้เห็น 'ความละเอียดอ่อนในพระราชภารกิจ' ที่ไม่มีใครคาดถึง

ว่าท่านไม่ได้พระราชทานเฉย ๆ ทรงทอดพระเนตรอยู่ตลอดเวลา โบหลุดอะไรหลุดพระองค์ท่านทรงผูกโบว์ใหม่ให้เรียบร้อย ...

บางครั้งเรียงเอกสารไว้หลายวัน ฝุ่นมันจับ พระองค์ท่านก็ทรงปัดออก ...

ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ทรงลดการเสด็จฯ 
พระราชทานปริญญาบัตรลงบ้าง โดยอาจงดเว้นการพระราชทานปริญญาบัตรในระดับป.ตรี คงไว้แต่เพียงระดับปริญญาโทขึ้นไป 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับมีพระราชกระแสรับสั่งตอบว่า 
พระองค์เองเสียเวลายื่นปริญญาบัตรให้บัณฑิตคนละ 6-7 วินาทีนั้น 
แต่ผู้ได้รับนั้นมีความสุขเป็นปี ๆ เปรียบกันไม่ได้เลย 

ที่สำคัญคือ 
ทรงเห็นว่าการพระราชทานปริญญาสำหรับผู้สำเร็จป.ตรี 
นั้นสำคัญเพราะบางคนอาจไม่มี โอกาสศึกษาชั้นปริญญาโทและปริญญาเอก 

ดังนั้น 'พระองค์จะพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตปริญญาตรีไปจน กว่าจะไม่มีแรง'


BeerIS52 profile BeerIS52

เมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์ในหลวง

หลายท่าน มีโอกาสได้อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ในหลวงหลายครั้ง เนื่องจากมีโอกาสได้เฝ้ารับเสด็จอยู่บ่อยๆ นายบอนมีโอกาสได้อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของในหลวงถึง 4 ครั้งครับ ตอนที่นายบอนเป็นนักศึกษาอยู่ที่ มข. 4 ครั้งนี้ ไม่นับรวมถึงช่วงเวลาที่รอรับเสด็จรถยนต์พระที่นั่ง ในวันพระราชทานปริญญาบัตร ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งนักศึกษาปี 1 จะต้องไปตั้งแถวรอรับเสด็จที่ถนนทางเข้า ซึ่งในช่วงเวลานั้น พระองค์ท่านเสด็จผ่านไปอย่างรวดเร็ว ได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ท่าน เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ซึ่งในช่วงเวลานั้น นายบอนเดินมาดูโทรทัศน์วงจรปิด มองพระองค์ท่านทางหน้าจอทีวี และจากข่าวในพระราชสำนักช่วง 2 ทุ่ม ในตอนนั้น มีความฝันไว้ว่า อยากจะมีโอกาสได้เห็นพระพักตร์ของในหลวง ให้นานมากกว่าเสี้ยววินาทีสักหน่อย ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์ท่านมากขึ้น ช่วงวันพระราชทานปริญญาบัตร หลังจากพระราชทานปริญญาบัตรเสร็จ พระองค์ท่านจะเสด็จออกมาพระราชทานพระราชดำรัส กับเหล่านักศึกษาปี 1 ที่เข้าเฝ้าที่บริเวณสระน้ำ หลังสโมสรอาจารย์ ข้าราชการ ที่ศาลาพระราชทานปริญญาบัตรหลังเก่า ใน มข. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์ท่านอย่างใกล้ชิด คงจะเป็นโอกาสเดียวกระมัง ที่จะได้เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด เพราะนักศึกษาปี 2 ไม่มีโอกาสได้มาเข้าเฝ้าเช่นนี้ เพราะนักศึกษาปี 1 นั่งเต็มไปหมด

BeerIS52 profile BeerIS52

ใครเป็นคนตัดผมให้พระมหากษัตริย์

ม.ร.ว. คึกฤิทธิ์ ปราโมช ได้เล่าเรื่องนี้ไว้ในหนังสือ สมบัติไทย" จัดพิมพ์โดยศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดลพบุรี วิทยาลัยครูเทพสตรี พ.ศ. ๒๕๒๔ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 

"กฎเกณฑ์เกี่ยวกับองค์พระมหากษัตริย์นั้นมีหลายอย่างข้อหนึ่งก็คือ ห้ามจับต้ององค์พระมหากษัตริย์อย่างเด็ดขาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งศีรษะและเส้นผมของพระมหากษัตริย์ ศีรษะของพระมหากษัตริย์เรียกว่า "พระเจ้า" และเส้นผมของพระมหากษัตริย์เรียกว่า เส้นพระเจ้าไม่ใช่เส้นพระเกษา เจ้านายธรรมดานั้นศีรษะเรียกว่า "พระเศียร" ผมเรียกว่า "พระเกษา" 

(ในสมัยก่อนเมื่อมีการห้ามจับต้ององค์พระมหากษัตริย์โดยเด็ดขาดเช่นนี้ ความจำเป็นต่าง ๆ ก็เกิดขึ้น ประการแรก เรื่องความปลอดภัย คนไทยแต่ก่อนเดินทางโดยเรือเป็นส่วนมากพระมหากษัตริย์ก็มักเสด็จโดยเรือพระที่นั่ง จึงมีข้อบังคับแน่นอนว่า ในเรือพระที่นั่งนั้นจะต้องมีมะพร้าวห้าวผูกเป็นคู่วางไว้ในทีต่าง ๆ ในเรือพระที่นั่ง เพราะถ้าเรือพระที่นั่งล่มลง คนที่ไปในเรือของพระองค์ก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือพระองค์ได้ ทางที่ดีที่สุดคือโยนมะพร้าวห้าวไปให้ นี่เป็นประเพณีเคร่งครัดเรื่อยมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ มีสมเด็จพระนางเจ้าพระองค์หนึ่ง (* หมายถึง สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์) เรือล่มที่เมืองนนทบุรี ไม่มีใครช่วยเพราะกลัวกฎมณเฑียรบาลมีข้าราชการข้าราชสำนักพระองค์หนึ่งยืนขึ้นบนเรือ และแกว่งดาบประกาศว่า ถ้าใครเข้าไปช่วยหรือแตะต้องพระองค์ก็จะตัดหัวเสีย สมเด็จพระนางเจ้าพระองค์นั้นก็เลยเสด็จสวรรคตในแม่น้ำ) 

มีปัญหาว่าพระมหากษัตริย์ตัดผมหรือคำราชาศัพท์ว่า "ทรงเครื่องใหญ่" อย่างไร เนื่องด้วยพระมหากษัตริย์จำเป็นจะต้องมีคนรับใช้ปรนนิบัติ ในเรื่องที่พระองค์จะทรงเครื่องใหญ่นี้ก็จะต้องมีเจ้าหน้าที่ของทางราชการเกิดขึ้นเป็นกรมกรมหนึ่งเรียกว่า กรมภูษามาลาคำว่า ภูษาแปลว่า "ผ้า” "มาลาในที่นี่ไม่ได้แปลว่า ดอกไม้ แต่แปลว่าเครื่องประดับซึ่งเป็นเครื่องอาภรณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่เครื่องสวมศีรษะลงมาจนกระทั่งเครื่องสวมอื่น ๆ 

เจ้าพนักงานภูษามาลาซึ่งแรกเริ่มเดิมทีก็คงจะได้มาจากผู้ที่มีสกุลสูง คือผู้ที่มีเลือดกษัตริย์ หรือผู้ที่เป็นพราหมณ์ เอามาตั้งเป็นเจ้าพนักงานกรมภูษามาลา เมื่อตั่งแล้วก็สืบตระกูลกันเรื่อยมา อาจจะเรียกได้ว่าจนถึงปัจจุบันนี้ มีสิทธิจับต้ององค์พระมหากษัตริย์ได้ และมีหน้าที่ต่าง ๆ เกี่ยวกับองค์พระมหากษัตริย์เจ้าพนักงานกรมภูษามาลาปัจจุบันนี้ ก็สืบตระกูลมาจากภูษามาลาสมัยอยุธยาหลายสกุลอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสกุลวัชโรทัยสืบสกุลมาจากพระยาอุทัยธรรม เจ้ากรมภูษามาลาสมัยอยุธยาและเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นข้าราชสำนักอยู่ 

เรื่องการทรงเครื่องใหญ่ ทำไมจึงเรียกเช่นนั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะนอกจากพระมหากษัตริย์อยู่ในฐานะเทพเจ้าตามคติของคนโบราณแล้ว เส้นผมของเทพเจ้านั้นคนโบราณเชื่อว่าเป็นของร้อนอย่างยิ่งเกินที่มนุษย์จะทนทานได้ ถ้าหากว่าเส้นผมของเทพเจ้านั้นตกลงต้องแผ่นดินที่เราอาศัยอยู่แล้ว ถ้าแผ่นดินไม่ลุกเป็นไฟ ความแห้งแล้งทั้งหลายจะเกิดขึ้นเป็นภัยแก่ราษฎรในการทรงเครื่องใหญ่จึงต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง สถานที่ที่จะประทับทรงเครื่องใหญ่นั้นต้องเอาใบตองมาปูเสียก่อน แล้วปูหนังราชสีห์ทับลงไปอีก เหนือหนังราชสีห์ขึ้นมาก็ปูผ้าขาวแล้วจึงตั้งพระเก้าอี้หรือพระแท่นเป็นที่ประทับสำหรับทรงเครื่องใหญ่ 

ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของกรมภูษามาลาที่จะดำเนินการ ถ้าโบราณจริงแล้ว ต้องมีพราหมณ์ขับบัณเฑาะว์และอ่านวรรณคดีถวาย เรียกว่า ขับบัณเฑาะว์ เพื่อให้เพลิดเพลินพระราชหฤทัยในรัชกาลนี้ได้สั่งเลิกการขับบัณเฑาะว์ไปแล้ว แต่อย่างอื่นยังต้องรักษาไว้ตามพระราชประเพณี แม้แต่พระเจ้าอยู่หัวก็ไม่มีอำนาจทรงสั่งเลิก ในเวลาลงมือเปลื้องเส้นพระเจ้า (ตัดผม) และก่อนที่จะใช้เครื่องมืออย่างไร เจ้าพนักงานจะต้องกราบถวายบังคม ๓ ครั้งอย่างคนโบราณ และกราบบังคมทูลให้ทรงทราบก่อนว่าจะใช้เครื่องมืออะไร เป็นต้นว่าใช้กรรไกรก็ต้องกราบบังคมทูลว่าข้าพระพุทธเจ้าขอพระบรมราชานุญาตใช้พระแสงกรรบิด เวลาเปลื้องเส้นพระเจ้าต้องเอามือรับ ใส่ผอบรวบรวมไว้มาก ๆ แล้วนำไปลอยในพระมหาสมุทร ซึ่งเป็นขนบธรรมเนียมในพระราชสำนักและหาดูได้ยาก” 

ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม / สำนักพิมพ์สารคดี



BeerIS52 profile BeerIS52

ในหลวงของเรา

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล อดีตเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษ เพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริหรือ กปร.เขียนไว้ 
ในหนังสือ ใต้เบื้องพระยุคลบาท ยืนยันได้เป็นอย่าง ชัดเจนกับสมญานามเบื้องต้น โดย ดร. สุเมธ กล่าวว่า...............

ในโลกนี้ มีสถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่ประมาณ 10 กว่าสถาบัน ผมกล้าเรียนในที่นี้ว่า ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ไหนในโลกนี้ 
ที่จะทรงงานให้กับประชาชน เท่ากับพระมหากษัตริย์ไทย คืออยู่ในสถานะที่เป็นผู้ให้บริการรับใช้ประชาชนไทย 
ถึงแม้ว่าจะเป็นประมุขของประเทศแต่เมื่อคิดดูลึกซึ้งจริงๆ แล้ว ทรงบริการและรับใช้ประชาชน จริงๆ 

ในหนังสือ ใต้เบื้องพระยุคลบาท ยังได้พูดถึงพระจริยาวัตรอันงดงามของพระองค์อีกอย่างหนึ่ง ที่ผมเห็นว่าเป็นแบบอย่างที่ดีต่อประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ยิ่งในภาวะบ้านเมืองระส่ำระสาย ข้าวยากหมากแพงเงินทองฝืดเคือง 
เพราะถูกพิษเศรษฐกิจเล่นงานอย่างนี้ แนวพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียงยิ่งดูมีคุณค่าอย่างมหาศาล ในยามที่ประชาชนชาวไทยไร้ที่พึ่งสิ้นหวังกับสภาพความเป็นอยู่ของบ้านเมือง ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ ภาครัฐ รณรงค์ 
ให้ประชาชนช่วยกันประหยัด งดใช้ของนอก อุดหนุนของไทยเพื่อไม่ให้เงินตราไหลออกนอก ซึ่งทำให้ประชาชน 
ตื่นตัวกันพักใหญ่ แต่ก็ทำกันได้ลุ่มๆ ดอนๆ ครึ่งๆ กลางๆ ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก ไม่นานก็หันกลับมาใช้นิสัยเดิมๆ เช่นเคย จะมีใครรู้บ้างไหมว่า 

พ่อหลวงของชาวไทยพระองค์นี้ ทรงยึดมั่นการประหยัด อดออม มาตั้งแต่ทรงพระเยาว์แล้ว แม้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ก็ไม่เคยละทิ้ง 
ซึ่งถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของประชาชนทุกชนชั้น ไม่ว่าจะยากดีมีจนขนาดไหนก็ตาม 

ดร.สุเมธเล่าว่า ....บางที เราประกาศโครมๆ ให้ประหยัดพวกเราก็ออกมาประหยัดครูอาจารย์ก็สอนให้ประหยัด 
แต่ก็อดไม่ได้ เดี๋ยวก็ซื้อเสื้อ ซื้อผ้า แก้วแหวน เงิน ทอง แต่ปรากฏว่าเมื่อดูเข้าไปลึกซึ้งจริงๆ ดูให้อย่างมีประโยชน์แล้ว 
ไม่มีอะไรจำเป็นจริงๆ เลย.. พระองค์ท่านทรงเป็นผู้นำอย่างแท้จริง ดูแค่ฉลองพระบาทเป็นต้น พวกตามเสด็จฯ ทั้งหลายใส่รองเท้านอก 
และยิ่งมาจากต่างประเทศใส่แล้วนุ่มเท้าดี พระองค์กลับทรงรองเท้าที่ผลิตในเมืองไทย คู่ละร้อยกว่าบาท สีดำเหมือนอย่างที่นักเรียนใส่กัน แม้กระทั่งพวกเรายังไม่ซื้อใส่กันเลย 

ดูสิ.....พระมหากษัตริย์ซื้ออะไรก็ได้ อย่าดูพระองค์เฉยๆ แต่มองให้ละเอียดถี่ถ้วน เราจะเกิดความประทับใจในพระองค์ฉลองพระองค์ปีแล้วปีเล่า 6-7 ปี ก็เป็นองค์นั้น ผมจำได้มีอยู่ 3 องค์ มีสีเทา แล้วก็ลายๆ สีน้ำตาล และก็อีกองค์หนึ่งสีน้ำเงิน 

วันหนึ่งเป็นการละลาบละล้วงมาก ที่ครั้งหนึ่งผมมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ ในพระราชวังเป็นการส่วนพระองค์
ก็นั่งถวายงาน ทรงฉลองเสื้อเชิ้ตปรากฏว่าคอเสื้อเชิ้ตของพระองค์ ซึ่งเป็นเรา เราคงทิ้งแล้ว ทรงใช้นาฬิกาเรือนละไม่กี่ร้อยบาท ทรงใช้ดินสอปีหนึ่งกองกลางในพระองค์

ท่านผู้หญิง มรว. บุตรี บอกผมมา ว่าปีหนึ่งพระองค์เบิกดินสอ 12 แท่ง เดือนละแท่งใช้จนกระทั่งกุด ใครอย่าไปทิ้งของท่านนะ ทรงกริ้วเลย ประหยัดทุกอย่าง เป็นต้นแบบทุกอย่าง ทุกอย่างนี้มีค่าสำหรับพระองค์หมด ทุกบาททุกสตางค์จะใช้อย่างระมัดระวัง 
จะสั่งให้เราปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ.... 

นี่เป็นแบบอย่างเพียงเศษเสี้ยว ของพระจริยาวัตรของพระองค์ ซึ่งถ้าหากคนไทยมีจิตสำนึกในเรื่องของการประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อโดยไม่จำเป็น รับรองได้เลยว่า บ้านเราเมืองเราจะไม่เป็นอยู่อย่างที่เห็น และจะอยู่รอดปลอดภัยประชาชนไม่ยากจน 

ที่สำคัญที่สุดเราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาฝรั่งจนเป็นขี้ข้าเขาเหมือนอย่างเช่นปัจจุบัน ประชาชนทุกหมู่เหล่าควรจะพิจารณาอย่างถ่องแท้ 
แล้วดำเนินตามเบื้องพระยุคลบาทของพระองค์ ประเทศชาติจะได้อยู่ดีมีสุข พระองค์ก็จะทรงเหนื่อยน้อยลงด้วย 

ไม่มีพระมหากษัตริย์ใดจะให้และยิ่งใหญ่เท่าพระมหากษัตริย์ไทยอีก แล้ว และ วันนี้ท่านทำอะไรเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง

ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน................


BeerIS52 profile BeerIS52

ในหลวงส่งซ่อมรัดพระองค์

ช่างซ่อมฉลองพระบาทที่เคยซ่อมแซมและตัดฉลองพระบาท ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีโอกาสถวายการรับใช้ในหลวงอีกครั้ง ด้วยการซ่อมแซมรัดพระองค์ (เข็มขัด) ที่สึกหรอของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายศรไกร แน่นสีนิล หรือช่างไก่ เจ้าของร้าน ก.เปรมศิลป์ สี่แยกพิชัย ที่เคยซ่อมฉลองพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ว่า เมื่อเร็วๆนี้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ได้นำรัดพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใส่กล่องกำมะหยี่สีฟ้าวางไว้บนพาน นำมาซ่อมแซม 

โดยเป็นรัดพระองค์หนังจระเข้จำนวน 7 เส้น แยกเป็นสีน้ำตาล 3 เส้น สีดำ 4 เส้น สภาพรัดพระองค์บางเส้น เป็นรอยปริแตกตามแนวตะเข็บ บางเส้นหนังจระเข้ของเดิมหลุดล่อน จนมีสภาพเก่า แต่พระองค์ไม่ทรงทิ้ง แสดงถึงความประหยัด ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระองค์ เป็นต้นแบบให้แก่ประชาชน ซึ่งรัดพระองค์หนังจระเข้ทั้งหมด ตนจะรีบซ่อมแซม โดยขั้นตอนการซ่อมแซมจะนำหนังจระเข้ชิ้นใหม่มาปะซ่อมส่วนที่สึกหรอ หากรัด พระองค์เส้นไหนมีรอยหลุดล่อนเยอะ จะดึงหนังบริเวณนั้นออก แล้วนำหนังจระเข้แผ่นใหม่ประกบเข้าไปแทนที่ ส่วนรัดพระองค์เส้นที่มีรอยปริแตกบริเวณแนวตะเข็บ จะใช้กาวทาลงไป แล้วเย็บประกบของเดิมอย่างประณีตอีกครั้ง เพื่อให้แลดูสวยงาม 

ช่างซ่อมฉลองพระบาทกล่าวอีกว่า นอกจากการซ่อมแซมรัดพระองค์ของพระองค์แล้ว เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ได้สั่งตัดรัดพระองค์อีกจำนวน 8 เส้น แยกเป็นรัดพระองค์หนังจระเข้จำนวน 7 เส้น และรัดพระองค์หนังแกะนอกจำนวน 1 เส้น ขนาดความยาวรัดพระองค์เส้นละ 43 นิ้ว ความกว้างตั้งแต่ 2.5 ซม.-1 นิ้ว ซึ่งรัดพระองค์ทั้งหมดนี้จะรีบดำเนินการตัดให้เสร็จเร็วที่สุด โดยจะเน้นความประณีต ความละเอียดอย่างสุดฝีมือ ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจ เพราะถือว่าเป็นบุญชีวิตของตนอย่างล้นพ้น ที่ในประวัติศาสตร์ของช่างทำรองเท้าคนหนึ่ง มีบุญได้ซ่อมแซมรัดพระองค์ในหลวง อยากให้คนไทยยึดพระองค์เป็นแบบอย่างถึงความพอเพียงในทุกๆด้าน 

นายศรไกร ยังกล่าวอีกว่า ทุกวันนี้ยังสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ได้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ในฐานะช่างซ่อมรองเท้าตัวเล็กๆ แต่ได้ซ่อมฉลองพระบาทพระองค์มาแล้ว 6 คู่ และตัดรองเท้าถวาย 7 คู่ การ ทำงานทุกครั้งจะทุ่มเทฝีมือเชิงช่างอย่างเต็มที่ เพื่อให้งาน ออกมาประณีตที่สุด ขณะที่ระยะหลังพระองค์ทรงพระ ดำเนินไม่ค่อยสะดวก อยากให้พระองค์สบาย จึงตัดรองเท้าคัตชูพื้นเสมอ ไม่มีส้น เบอร์ 43 จำนวน 2 คู่ เตรียมถวายภายในเร็ววันนี้ ซึ่งที่ผ่านมาเคยดูข่าวทางโทรทัศน์ เห็นพระองค์ใส่ฉลองพระบาทที่ตนตัดถวาย รู้สึกภูมิใจมาก


BeerIS52 profile BeerIS52

ดื้อเหมือนกัน


เป็นที่ทราบกันทั่วโลกว่า พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ที่ประทับขององค์ประมุขของไทยนั้น เป็นทั้งแปลงนา โรงสีข้าว โรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากแกลบ ที่ตั้งฟาร์มโคนม โรงงานนมอัดเม็ด ผลิตน้ำผลไม้กระป๋อง โรงเพาะเนื้อเยื่อพันธุ์พืชหายาก ฯลฯ 

เป็นแปลงทดลองและโรงงานสาธิตเพื่อแก้ไขปัญหาให้ปวงพสกนิกร เป็นแหล่งค้นคว้าจนเกิดทฤษฎีที่ช่วยให้คนอยู่ได้ท่ามกลางความผันผวนและวิกฤตในโลกนี้ 

บัดนี้โลกกำลังเริ่มรับรู้ว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิด โรงเรียนกาสรกสิวิทย์สอนคน สอนควาย ให้อนุรักษ์และฟื้นฟูการทำการเกษตรแบบดั้งเดิม 

วานนี้ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์โรงเรียน พร้อมมีพระราชดำรัสเรื่องสอนควายไถนาว่า 

“...ให้ฝึกควายตัวเมียก่อน เพราะไม่ดื้อ ไม่มีปัญหาเหมือนควายตัวผู้เวลาอยู่ด้วยกันมากๆ จะมีปัญหา...” 

พระราชดำรัสนี้ทำเอาเหล่าผู้เข้าเฝ้ากลั้นขันไว้แทบแย่ แต่ทันทีที่มีพระราชดำรัสต่อว่า 

แต่การรับคนที่จะมาฝึกไถนาไม่จำกัดเพศ..ก็มีเสียงอุๆๆ อึ๊กๆๆ 

มีพระราชดำรัสว่า ถ้าฝึกให้ไถนา เป็นต้องฝึกควายกับควายใช้เวลา 7 วัน ควายตัวไหนดื้อก็ฝึกยาก แต่คนที่เรียนกับควายต้องใช้เวลาเรียน 10 วัน ถึงจะเรียนไถนาได้ และต้องมาเรียนรู้นิสัยควายก่อน คนที่มาเรียนต้องมีใจรักเห็นประโยชน์ของควาย นิสัยใจคอของควายชอบความสุภาพ ไม่ชอบให้คนพูด กระโชกโฮกฮาก ชอบความอ่อนโยน” 

พระราชดำรัสนี้ทำให้รู้ว่า คน กับควายมีอะไรหลายอย่างเหมือนกันจริงๆ

ประกาศล่าสุดในบอร์ดเดียวกัน

rtarta044357123 Icon เทิดพระเกียรติ 2 อ่าน 208 4 ปีที่ผ่านมา
4 ปีที่ผ่านมา
8 ปีที่ผ่านมา
thawanrat21636 Icon ถวายพระพรพระราชินี อ่าน 1,092 10 ปีที่ผ่านมา
10 ปีที่ผ่านมา
tank16 Icon เรารักพระเจ้าอยู่หัว 7 อ่าน 1,740 11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
tank16 Icon ในหลวงของเรา 4 อ่าน 14,876 11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
tank16 Icon โครงการ คนไทยไม่ทิ้งกัน 2 อ่าน 1,227 11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
tank16 Icon ช่วยเหลือภัยแล้ง อ่าน 806 11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
guest Icon โพสต์ข้อความเฉลิมพระเกียรติฯ 7 อ่าน 1,287 11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
guest Icon โพสต์ข้อความเฉลิมพระเกียรติฯ 2 อ่าน 815 11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
guest Icon ทำเนียบผู้บังคับบัญชา อ่าน 995 11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
guest Icon โพสต์ข้อความเฉลิมพระเกียรติฯ 2 อ่าน 977 11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา