เราเกิดในแผ่นดินไทยเราต้องรักกันไม่ควรที่จะทะเลาะเพียงแค่คนบางคน มีเพียงในหลวงของเราที่ทำให้เราพออยู่พอกินมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะพระองค์ไม่เคยที่จะพัก พระองค์ห่วงใยเรามากที่สุดเพราะเราคือหลูหลานของพระองค์และคนไทยทุกคนควรที่จะรักและดูแลรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ควรที่จะดูหมิ่นและเหยียดหยาม เพราะพระองค์คือศูนย์รวมใจของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ
ทรงพระเจริญองค์ราชินีศรีสยาม
ขอทรงอยู่คู่ประชาไปแสนนาน
ฟ้าประทานพระองค์มาแม่ฟ้าไทย
แม่เป็นแม่ของคนไทยในทั่วหล้า
แม่คือฟ้าคุ้มขวานงามสว่างไสว
แม่คือฝนประทานพรทั่วผืนไทย
ลูกคนไทยขอพระองค์ทรงพระเจริญ
แม้ว่าภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 พระมหากษัตริย์จะถูกจำกัดพระราชอำนาจลง แต่คณะราษฎรก็ยังคงไว้ซึ่ง “รูปแบบของความเป็นไทย” ที่รัชกาลที่ 6 ทรงสร้างไว้ แต่ในฐานะใหม่ นั่นคือ สัญลักษณ์แห่งความสืบเนื่อง โดยสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากการกำหนดนโยบายของผู้ปกครองคนต่อๆ มาเกี่ยวกับ “ธงไตรรงค์” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอุดมการณ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตัวอย่างเช่น ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 คณะราษฎรได้เชิญธงไตรรงค์ขึ้นเหนือพระที่นั่งอนันตสมาคมแทนธงมหาราชประจำองค์พระมหากษัตริย์ และต่อมาก็ใช้ธงไตรรงค์เป็นสัญลักษณ์ในโอกาสสำคัญๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการปกครองในระบอบรัฐธรรมนูญ[16] ในช่วงรัฐบาลพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาได้ใช้ธงไตรรงค์เป็นเครื่องมือในการปลูกฝังความรักชาติและสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนสยาม โดยได้มีการออกกฎหมายเกี่ยวกับธงชาติขึ้นหลายฉบับ เช่น มีการออกกฎกระทรวงมหาดไทย เรื่อง “ระเบียบการชักธงชาติสยาม” ใน พ.ศ. 2478
ภายหลังจากที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำการปฏิวัติในวันที่ 16 กันยายน 2500 จอมพลสฤษดิ์ได้ตั้งพรรคชาติสังคมเพื่อสนับสนุนรัฐบาลพลโทถนอม กิตติขจรให้มีเสถียรภาพ นโยบายพรรคชาติสังคมนี้จะเป็นพื้นฐานนโยบายทางการเมืองของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ในเวลาต่อมา นโยบายพรรคชาติสังคมประกอบด้วย ชาตินิยมและสังคมนิยม ชาตินิยมหมายถึงการยกย่องเทิดทูนลักษณะและสถาบันสำคัญของชาติไทย เช่น การรักษาเอกราช การยึดถือพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ การเทิดทูนพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุขของชาติ สังคมนิยมหมายถึง แนวดำเนินการบริหารประเทศของรัฐบาลที่จะใช้อำนาจควบคุมในด้านเศรษฐกิจ เพื่อให้เศรษฐกิจของชาติดำเนินไปในทางที่จะเกิดประโยชน์แก่ทั้งบุคคลและส่วนรวม โดยให้มีการกระจายรายได้และแบ่งปันรายได้ทั้งหลายไปสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง[26] แต่ต่อมาเนื่องจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ต้องการรับความช่วยเหลือในด้านเศรษฐกิจจากสหรัฐอเมริกาจึงได้ปรับเปลี่ยนแนวนโยบายของพรรคชาติสังคมให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของสหรัฐอเมริกาที่ต่อต้านอุดมการณ์สังคมนิยม นั่นคือ ต้องเปลี่ยนนโยบายจาก “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสังคมนิยม” ไปเป็น “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประโยชน์สุขของสังคม
๑. ผู้ใดคิดร้ายทำลายชาติจะพินาศจนสิ้นดี ผู้ใดจงรักภักดีจะสวัสดีศรีมงคล
๒. ราชันราชินีบารมีคู่แผ่นดิน หากแม้นไทยเราสิ้นจะสูญสิ้นแผ่นดินธรรม
๓. แหลมทองจะเป็นไฟหากชาติไทยไร้ราชัน จะมีแต่ฆ่าฟันเพื่อห้ำหั่นแย่งชิงดี
๔. ขอให้คนไทยทุกคนมีความภาคภูมิใจ ในความเป็นพลเมืองของพระองค์
๕. สถาบันพระมหากษัตริย์ ช่วยให้ประเทศไทยอยู่เป็นเอกราชมานานนับร้อย ๆ ปี
พระราชกรณียกิจด้านการแพทย์
ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรตามท้องที่ต่างๆ ทุกครั้ง จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีคณะแพทย์ที่ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาจากโรงพยาบาลต่างๆ และล้วนเป็นอาสาสมัครทั้งสิ้น โดยเสด็จพระราชดำเนินไปในขบวนอย่างใกล้ชิด พร้อมด้วยเวชภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ครบครัน พร้อมที่จะให้การรักษาพยาบาลราษฎร ผู้ป่วยไข้ได้ทันที
การรู้จักประมาณตน ได้แก่ การรู้จักและยอมรับว่าตนเองมีภูมิปัญญาและความสามารถด้านไหน เพียงใด
และควรจะทำงานด้านไหน อย่างไร การรู้จักประมาณตนนี้ จะทำให้คนเรารู้จักใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ได้ถูกต้อง
เหมาะสมกับงาน และได้ประโยชน์สูงสุดเต็มตามประสิทธิภาพ ทั้งยังทำให้รู้จักขวนขวายศึกษาหาความรู้
และเพิ่มพูนประสบการณ์อยู่เสมอ เพื่อปรับปรุงส่งเสริมศักยภาพที่มีอยู่ในตนเองให้ยิ่งสูงขึ้น