“กาแฟ”ดื่มดีได้ ดื่มร้ายเสียประโยชน์

crudid profile image crudid

“กาแฟ”ดื่มดีได้ ดื่มร้ายเสียประโยชน์

ปกติเป็นคนไม่กินอะไรติดใจสักอย่าง จนกระทั่งช่วงปี 48 เกิดปวดหัวข้างเดียว ปวดต่อเนื่อง มันไม่ถึงกับทรมาน ก็ทนเอา นานๆ จะใช้พาราช่วยบ้าง ปวดอยู่ 3 ปี จนปลงแล้วว่าชีวิตไม่รอดแน่ ต้องเป็นโรคน่ากลัวแน่

นั่งคลิกเนตอ่านเจอเขาบอกกาแฟช่วยลดไมเกรน ก็ลองดุ  วันละถ้วย ใจก็ไม่ชอบหรอก ไม่เห็นว่ามันจะอร่อยจตรงไหน เพราะไม่ชอบอะไรที่ขมๆ   แต่ปัจจุบันอาการปวดหัวไม่มีเลย หายไป 2 ปีแล้ว  เพราะกาแฟหรือเปล่าไม่รู้  ก็เลยดื่มมาเรื่อยๆ  ก็กลัวเหมือนกัน เพราะเขาบอกเป็นสารเสพติด  และก็อาจจะติดไปแล้วด้วย ลองงดดูสักสองวัน รู้สึกมันตึงๆ เครียดๆ แต่ไม่ปวดหัว

วันนี้เจอคอลัมน์น่าสนใจ ทำให่สบายใจขึ้นมาหน่อย สำหรับการเป็นคอกาแฟซะแล้ว
ลองอ่านดู


“กาแฟ”ดื่มดีได้ ดื่มร้ายเสียประโยชน์

ความคิดเห็น
crudid profile crudid
“กาแฟ”ดื่มดีได้ ดื่มร้ายเสียประโยชน์
ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
takecareDD@gmail.com

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=461&contentID=134890

มีคำถามจากคอกาแฟเข้ามา โดยรู้สึกว่าตัวเองติดกาแฟมาก ช่วงแรกดื่มเพียงวันละ 1 แก้ว เพื่อแก้ง่วงระหว่างทำงาน แต่ระยะหลังมักดื่มมากกว่า 4 แก้วต่อวัน จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในอนาคตหรือไม่ อย่างไร

crudid profile crudid
รายงานผลการวิจัยจากฟินแลนด์และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระบุว่า คนที่ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงการเกิดเบาหวานประเภท 2 น้อยกว่าคนที่ไม่ดื่ม ความเสี่ยงที่ลดลงเป็นสัดส่วนกับปริมาณกาแฟที่ดื่ม และกาแฟไร้คาเฟอีนให้ผลน้อยกว่า ส่วนชาไร้คาเฟอีนและเครื่องดื่มอื่นๆที่มีคาเฟอีนไม่ให้ผลเหมือนกาแฟ แต่นักวิจัยก็เตือนว่าอย่าเพิ่งมั่นใจจนหันไปโหมกาแฟ เพราะนักวิจัยยังต้องติดตามการวิจัยอีกมาก


crudid profile crudid
นอกจากนี้กาแฟยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคพาร์คินสัน ลดอันตรายจากตับในผู้ที่มีความเสี่ยงโรคตับ ลดอาการหอบในผู้ที่มีโรคหอบหืด เพิ่มความจำ และสำหรับนักกีฬาเพิ่มความทนและความอึดในกีฬาที่ต้องใช้เวลานาน
 สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟเพราะต้องการแก้ง่วง นักวิจัยแนะนำให้ดื่มปริมาณน้อยๆ แต่กระจายการดื่มออกไปตลอดวัน เช่น แทนที่จะดื่มถ้วยใหญ่ 16 ออนซ์ (500 มล .) ในตอนเช้า ให้ดื่มเพียงครั้งละ 2-3 ออนซ์ (60-90 มล ) แต่บ่อยขึ้น กาแฟจะเริ่มออกฤทธิ์ใน 15 นาทีและจะอยู่ในร่างกายนานหลายชั่วโมง และต้องใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมงกว่าที่จะถูกขจัดออกจากร่างกาย


crudid profile crudid
ของดีในกาแฟ
   นักวิจัยของศูนย์วิจัยใหญ่ในสวิสเซอร์แลนด์ซึ่งมีบริษัทขายกาแฟรายใหญ่ของ โลกพบว่า เมล็ดกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวถึง 4 เท่า และยังมากกว่าโกโก้ ชาสมุนไพรและไวน์แดงอีก ที่มากกว่าเพราะผู้บริโภคดื่มกาแฟมากกว่าเครื่องดื่มอื่นๆ แต่สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟแต่ละถ้วยและแต่ละยี่ห้อนั้นก็ไม่เท่ากันขึ้น กับชนิดของกาแฟ


crudid profile crudid

กาแฟพันธุ์โรบัสต้า (Robusta) มีสารต้านอนุมูลอิสระและคาเฟอีนมากกว่าพันธ์อราบิก้า (Arabicas) ถึง 2 เท่า ซึ่งเป็นผลมาจากวิธีการคั่วกาแฟ และปริมาณกาแฟที่ละลายแต่ละถ้วย   รวมทั้งยังขึ้นอยู่กับวิธีการชงกาแฟ ระยะเวลาและปริมาณกาแฟที่ใช้ด้วย


crudid profile crudid
ข้อควรระวังในกาแฟ
  คอกาแฟอย่าเพิ่งย่ามใจกับข้อมูลด้านดีๆ เพราะองค์ประกอบหลักของกาแฟคือสารคาเฟอีนซึ่งเป็นเป็นสารกระตุ้น จึงมีผลต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจพอสมควร โดยทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพิ่มความดันโลหิต และทำให้หัวใจเต้นผิดปกติในบางครั้ง งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยโทรอนโทเปิดเผยว่า   การดื่มกาแฟมากอาจเพิ่มความเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันในผู้ที่มียีนขจัดคาเฟอี นช้า ทำให้คาเฟอีนอยู่ในกระแสเลือดนานขึ้น แต่สำหรับคนที่มียีนปกติที่ขจัดคาเฟอีนได้เร็วกาแฟก็จะไม่มีผล  


crudid profile crudid
ถึงอย่างไรนักวิจัยก็เชื่อว่าการดื่มเพียง 1-2 ถ้วยจะไม่มีผลต่อการเกิดหัวใจวายเฉียบพลันไม่ว่ามียีนอย่างไร แต่การดื่มวันละ 4 แก้วขึ้นไปไม่ให้ผลดีขึ้น ดังนั้น ควรดื่มแต่พอควร เพราะปัจจุบันการตรวจยีนยังไม่ได้มีใช้กันเหมือนการตรวจสุขภาพทั่วไป และยีนที่แตกต่างกันทำให้ผลการวิจัยทางโภชนาการที่สัมพันธ์กับโรคต่างๆ ที่ออกมามีข้อมูลขัดแย้งกันจนเกิดความสับสน

   ส่วนผลของกาแฟต่อสุขภาพผู้หญิงก็ยังไม่มีผลวิจัยชัดเจน ว่าจะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านม ซีสต์ในเต้านมหรือกระดูกพรุนหรือไม่ การเดินสายกลางจึงดีที่สุด   ผู้ที่ดื่มกาแฟสกัดคาเฟอีน อาจคิดว่าปลอดภัย แต่นักวิจัยเตือนว่า กาแฟสกัดคาเฟอีนอาจเพิ่มระดับกรดไขมันในเลือดให้สร้างแอลดีแอล ซึ่งเป็นคอเลสเทอรอลตัวร้ายได้ เพราะในกระบวนการสกัดคาเฟอีนจะสกัดเอาสารเฟลโวนอยด์ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูล อิสระและสารอื่นๆ ที่ให้รสชาติกาแฟแท้ๆ ออกไปด้วย นอกจากจะอร่อยน้อยลงแล้วยังมีผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย


crudid profile crudid
ข้อควรปฎิบัติ

   * เลี่ยง กาแฟที่ใช้หม้อต้มแบบสไตล์สแกนดิเนเวีย เพราะจะมีสารไดเทอร์พีนสูง เพิ่มระดับคอเลสเทอรอลในเลือด ควรเลือกกาแฟสำเร็จรูปที่ละลายน้ำ หรือชนิดกรองหยด และเอสเพรสโซ ซึ่งจะมีผลน้อยกว่า
   * ถ้าต้องเลือกกาแฟสกัดคาเฟอีน ควรเลือกชนิดที่ใช้กระบวนการสกัดธรรมชาติ (Swiss Water Process) ตรวจสอบยี่ห้อได้จาก SwissWater.com
   * สำหรับ ผู้ที่เลี่ยงกาแฟอยู่แล้ว ไม่ควรหันมาดื่มเพียงเพื่อต้องการผลดีจากคาเฟอีน โดยเฉพาะคนที่ร่างกายไวต่อกาแฟ การดื่มอาจยิ่งเพิ่มผลเสีย เช่น หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น กระวนกระวาย นอนไม่หลับ กระเพาะหลั่งกรดออกมามากเกินควร ทำให้ปวดท้อง และเป็นสารขับปัสสาวะทำให้ร่างกายเสียน้ำมากขึ้น ดังนั้นทุกครั้งที่ดื่มกาแฟควรดื่มน้ำตามไปชดเชยด้วย

crudid profile crudid
* ระวังสิ่งที่เติมลงในกาแฟ เช่น ครีม นมไขมันเต็ม น้ำตาล น้ำผึ้ง เพราะเท่ากับเติมพลังงานส่วนเกิน  
   * กาแฟ มาตรฐาน 1 ถ้วย มีขนาด 5-6 ออนซ์หรือ 150-180 มล . แต่ที่ขายโดยทั่วไปนั้นมีขนาด 12 ออนซ์หรือ 360 มล . ซึ่งมากกว่าถึง 2 เท่า ดังนั้น ควรจำกัดการดื่มให้ไม่เกิน 5 ถ้วย ซึ่งเป็นปริมาณที่ใช้ในการศึกษาวิจัย  
   * สารคาเฟอีนเป็น สารธรรมชาติที่พบในอาหารอื่นด้วย เช่นใบชา เมล็ดโคลา โกโก้   ช็อคโกแลต น้ำอัดลมสีดำ และยาบางชนิด ซึ่งอาจทำให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนเกินควร จึงต้องตรวจสอบพฤติกรรมของตัวเองเสมอ

ที่มา : http://www.healthandcuisine.com/hc2004/you.asp

crudid profile crudid

“กาแฟ”ดื่มดีได้ ดื่มร้ายเสียประโยชน์

วันพุธ ที่ 27 เมษายน 2554 เวลา 0:00 น

Bookmark and Share

มีคำถามจากคอกาแฟเข้ามา โดยรู้สึกว่าตัวเองติดกาแฟมาก ช่วงแรกดื่มเพียงวันละ 1 แก้ว เพื่อแก้ง่วงระหว่างทำงาน แต่ระยะหลังมักดื่มมากกว่า 4 แก้วต่อวัน จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในอนาคตหรือไม่ อย่างไร

สำหรับใครหลาย ๆ คน “กาแฟ” อาจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ต้องดื่มทุกวัน วันละหลาย ๆ แก้ว ดื่มแล้วหูตาสว่าง สดชื่น ความคิดแจ่มใส แต่ก็มีอีกหลายคนที่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับ “คาเฟอีน” ที่เกรงจะก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย

ปัจจุบันมีผลวิจัยด้านการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และยา ในต่างประเทศจำนวนมาก พบว่า การดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมนั้น ปลอดภัย และส่งผลดีต่อสุขภาพได้ หากดื่มอย่างถูกต้อง

โดยผู้ที่ดื่มกาแฟไม่ควรดื่มเกิน 2 แก้วต่อวัน การได้รับปริมาณคาเฟอีนในระดับหนึ่ง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์ นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับแข็ง และมะเร็งในเซลล์ตับ

คาเฟอีนในกาแฟยังสามารถเพิ่มความเร็วในการเผาผลาญไขมัน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภทที่ 2 โรคอ้วน มีส่วนช่วยเพิ่มความจำระยะสั้น และเพิ่มไอคิวด้วย

อย่างไรก็ตาม ไม่ควรรับ “คาเฟอีน” อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนนอน รวมถึงผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะกาแฟมีผลต่อการเพิ่มความดันโลหิต

แม้ “กาแฟ” จะมี “ข้อดี” ที่เป็นเหตุผลให้คนส่วนใหญ่นิยมดื่ม แต่การบริโภคคาเฟอีนในปริมาณเข้มข้นอย่างยิ่ง และมากเกินไป ก็เปรียบเสมือนยาพิษได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรดื่มให้เป็น.

ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
takecareDD@gmail.com

แบ่งปันกระทู้นี้X
Facebook
พิมพ์
Twitter
Google
อีเมล์
รายการโปรด
Myspace
Messenger
Friendster
Delicious
Digg
อื่นๆ... (334)

ประกาศล่าสุดในบอร์ดเดียวกัน

kariean Icon ปิดประเมินภายนอกจาก สมศ. รอบสาม 15 อ่าน 5,402 11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
kariean Icon เข้ม.! สมศ.ประเมินรอบสาม... วันแรก อ่าน 2,145 11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
kariean Icon เติมสีให้โรงเรียนแบบฟาสฟูด191 30 อ่าน 10,457 11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
crudid Icon ท้ายอ่างไม้เต็ง แห้งเหือด 4 อ่าน 2,465 11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
kariean Icon สิ่งแวดล้อมดี จึงมีประเมิน อ่าน 2,668 11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
kariean Icon วันลูกเสือแห่งชาติ 40 อ่าน 13,251 11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา
kariean Icon โหลดแผนการสอนทุกช่วงชั้นวิชา อ่าน 3,188 11 ปีที่ผ่านมา
11 ปีที่ผ่านมา