สะพายกระเป๋าเที่ยวฮ่องกง ไม่ง้อทัวร์ 4 วัน 3 คืน วันที่ 1 [Temple Street + Mongkok]

Flight ขาไปฮ่องกงเที่ยวนี้ เราจะบินกันด้วยสายการบิน AirAsia ซึ่งผมได้จองล่วงหน้าไว้แล้วประมาณ 4-5 เดือนก่อนแล้ว จะทำให้ได้ราคาถูกกว่าซื้อตั๋วเครื่องบินในช่วงเวลาใกล้ๆจะบินอยู่พอสมควร เบ็ดเสร็จที่จ่ายไปทั้งหมดอยู่ที่ประมาณคนละ 8 พันบาท โดยประมาณ รวมกระเป๋าและประกัน พร้อมจ่ายเพิ่มสำหรับบริการระบุตำแหน่งที่นั่งล่วงหน้าไปเลยครับ จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะได้นั่งตำแหน่งไม่ดี ท้ายเครื่องทำนองนี้


เราเริ่มออกจากบ้านในช่วงเวลาประมาณสอง โดยใช้บริการรถไฟฟ้า Airport Link จากสถานีรามคำแหงครับ นั่งสาย City Line นี่ล่ะครับ เพราะสถานีนี้ สาย Express จะไม่หยุดจอดนะครับ เท่าที่จำได้

ถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้วครับ คนเยอะนิดนึง รอ check in flight ประมาณ 15 นาทีได้ครับ จากนั้นก็เดินเข้าไป shopping ต่อข้างใน duty free ได้ครับ

สำหรับขาช้อป ควรเผื่อเวลาไปซื้อของข้างในอีกสักครึ่งชั่วโมงถึง 45 นาทีเป็นอย่างน้อยนะครับ เพราะว่าเกทข้างในค่อนข้างยาวครับ แค่กว่าจะเดินไปถึงประตูขึ้นเครื่องก็ 5-10 นาทีแล้ว ผมเคยโดนเรียก final call ไปสองครั้งแล้ว

ในการเตรียมตัวไปฮ่องกง และมาเก๊านั้น สิ่งสำคัญที่ควรจะพกไปด้วยคือพวก ยา เครื่องสำอางค์ แชมพู สบู่ ยาสีฟัน เตรียมไปให้ครบเลยนะครับ เพราะบางทีโรงแรมเค้าให้มาหลอดเล็กมาก หรืออาจจะแพ้กับของที่เค้าให้มาก็ได้ สำหรับคนที่ยิ่งผิวแพ้ง่ายนะครับ

เรื่องยานี่ก็สำคัญมาก ยาสามัญพื้นฐานควรจะเตรียมไปเลยครับ เพราะไปซื้อที่ฮ่องกง แพงมาก และหาซื้อลำบากครับ ยาบางตัวต้องมีใบรับรองแพทย์นะครับไม่เหมือนบ้านเรา  ผมเคยไปซื้อยาแก้เมาที่ฮ่องกง แผงละ 500 บาทแน่ะ ไม่รู้โดนหลอกหรือปล่าว และยาบางตัวชื่อเรียกสามัญเค้าอาจจะไ่ม่เหมือนบ้านเรา เพราะฉนั้นเตรียมเอาไปให้เหลือๆเลยครับ ดีกว่าขาด ไม่ใช้ไม่เป็นไร

รูปนางแบบของเราในทริปฮ่องกงครั้งนี้ครับ

ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง ก็จะถึงสนามบิน Chek Lap Kok แล้ว สนามบินนี้จะไม่ได้อยู่ในเกาะฮ่องกง หรือเกาะเกาลูนนะครับ จะต้องนั่งรถไฟฟ้า หรือรถยนต์เข้าไปในตัวเมืองอีกประมาณ ครึ่งชั่วโมง สำหรับรถไฟฟ้า และประมาณ 1 ชั่วโมงสำหรับรถยนต์ครับ

หากท่านโดยสารมาเองเป็นกรุ๊ปเล็กๆ ไ่ม่เกิน 4 คน แนะนำว่าให้ใช้บริการ รถไฟฟ้าของเค้า เหมือนกัน Airport link บ้านเรานั่นล่ะครับ แต่จะมีเทคนิคในการซื้อตั๋วตรงที่ หากเรามาเป็นคู่หรือเป็นกรุ๊กทัวร์ ให้ซื้อตั๋วแบบ group หรือ couple นะครับ จะถูกกว่าซื้อแยกเป็นคนๆ
และจะมีตั๋วให้เลือกทั้งแบบเที่ยวเดียว หรือแบบไปกลับได้อีกด้วยครับ


สำหรับเที่ยวนี้ ผมซื้อตั๋วแบบเที่ยวเดียว สำหรับ 2 คนครับ เพราะขากลับ เราจะขึ้นเครื่องกลับที่มาเก๊าครับ ราคาตั๋วรถไฟเข้าเมืองรวม 140$HKD หรือประมาณ 500 กว่าบาท

อ่อ ลืมบอกไปครับ รถไฟฟ้าเข้าเมืองจะเลือกได้ว่าจะลงที่สถานีใหน ระหว่าง Kowloon กับ Hong Kong จริงๆ ให้เลือกไปลง Hong Kong จะสะดวกกว่า แม้ว่าท่านจะพักในฝั่ง Kowloon ก็ตามครับ เพราะสถานีที่ลงในฝั่ง Kowloon นั้น จะไม่ได้เชื่อมกับรถไฟใต้ดินสายหลักครับ (สายสีแดง) จะต้องเดินออกมาต่อรถ Taxi หากท่านพักแถวๆ Jordan หรือ Tim Sa Shui ก็ยังสามารถนั่ง Taxi ต่อได้ครับ แต่ถ้าไกลกว่านี้ก็เสียค่า Taxi อีกพอสมควร ต่อจะดีตรงประหยัดเวลากว่าครับ

แต่ถ้านอกเขตนี้อ้อมไปลงฝั่งฮ่องกง แล้วต่อรถไฟใต้ดินในสถานีเดียวกัน ย้อนกลับมาฝั่ง Kowloon ก็ยังสะดวกกว่า และประหยัดกว่านั่ง taxi ครับ แต่เสียเวลากว่านิดหน่อย ไม่มากนัก

ในเที่ยวนี้ ผมพักที่ย่าน Yau Ma Tei (เยา มา เต) ที่โรงแรม CASA ฝั่ง kowloon ผมเลยซื้อตั๋วไปลงที่สถานี Kowloon และเลือกที่จะนั่ง Taxi ต่อไปยังโรงแรมครับ

ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีบนรถไฟ จากสนามบิน ไปยังสถานี kowloon ครับ ในรถไฟจะมีไฟบอกตำแหน่งว่าเราอยู่ตรงใหนแล้ว ใกล้จะถึงหรือยัง

บรรยากาศในรถด่วนครับ

อยากไปอ่ะค่ะ  รวมทั้งหมด 4วัน3คืน จ่ายเท่าไหร่??

คนละประมาณ 2 หมื่นกลางๆครับ รวมตั๋วเครื่องบิน ไปกลับ ฮ่องกง โรงแรม ยกเว้น pocket money นะ

ชอปปิ้งกระจายเลยปะคะ อิอิ

รูปแจ่มมากเลยครับ

ถึงแล้วจ้า กำลังนั่ง Taxi ต่อไปยังโรงแรม Casa ในย่าน Yau Ma Tei

โรงแรมเล็กมากจริงๆ ขนาดพอๆกับตึกแถวบ้านเรา ความหรูหราประมาณโรงแรม 3-4 ดาว เพียงแต่แตกต่างกันที่ขนาด

สภาพภายในห้องพัก เรียกได้ว่า super mini size เลยทีเดียว อยู่กันสองคนแทบจะต้องเดินขี่คอกันเลยทีเดียว แต่ไม่เป็นไร พักแค่สองวัน พอทนได้

หน้าโรงแรม Casa Hotels Hong Kong

มาถึงฮ่องกง ประมาณ 3-4 ทุ่ม ได้เริ่มจะถยอยปิดกันแล้ว ลองออกไปเดินเล่นด้านหลังโรงแรมดีกว่า เป็นตลาด Temple Street พอจะปิดดึกอยู่ ในย่านนี้มีร้านอาหารที่หนังสือนักเที่ยวหลายๆสำนักแนะนำให้มาลองทานดู กับร้าน ข้าวอบหม้อดิน

สภาพคล้ายๆเยาวราชบ้านเรา แต่ดูจะมั่วๆกว่า ความสะอาดไม่ต้องพูดถึง ประมาณข้างถนนบ้านเรานี่เอง เสียงพ่อค้าแม่ค้าตะโกนเรียกลูกค้าเอะอะโวยวายมาก

ร้านที่เราเลือกนั่งทานในคืนนี้คือร้านชื่อ Hing Kee Restaurant (เอ่อ มันใช้คำว่า restaurant ได้มั้ยเนี่ยะ)

เอาน่า เห็นเค้าแนะนำกัน ลองดูซะหน่อย

จานแรกมาแล้ว กับข้าวหน้าไก่ อบหม้อดิน รสชาติธรรมดาๆ ติดจืดไปนิดนึง ต้องใส่ซีอิ้วช่วย ข้าวออกแข็งๆ ไม่เหมือนข้าวหอมมะลิบ้านเรา
ส่วนอีกจานเป็นข้าวหน้าหอยเชลอบหม้อดิน แต่ไม่ได้ถ่ายมาด้วย รสชาติพอรับประทานได้ แต่ไม่ได้อร่อยอย่างที่คิดไว้

ร้อนมากๆ กว่าจะกินได้แต่ละคำ เป่ากันแทบแย่

เดินกลับมาหน้าโรงแรม เดินเลาะๆไปทางถนนนาธาน (Nathan Road) หรือถนนสายหลักของฝั่ง Kownloon เค้าล่ะ จะเจอร้านที่อยู่ในลายแทงอีกร้านซึ่งก็คือ พุดดิ้งนมตุ๋น

ชื่อร้าน Yee Shun ไม่แน่ใจว่าออกเสียงยังไง พอดีไม่ใช่คนจีนอ่ะ

มีทั้งรสดั้งเดิม Original และรสชอกโกแลต แต่แนะนำให้สั่งรสดั้งเดิมกินดีกว่า อร่อยสุดแล้ว นุ่มลิ้นดีมากๆ ไม่หวานเกินไป มีความมันจากไขมันนมนิดๆกำลังดี ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะมาจากนมแพะนะ

ร้านค้าก็เริ่มจะถยอยปิดกันแล้ว แต่เรายังไม่อยากกลับโรงแรม ใหนๆก็มาแล้ว ลองเดินไปดูย่าน Mong kok กันหน่อย เผื่อยังไม่ปิด

Mongkok ที่นี่จะคล้ายๆ ย่าน Siam Square + มาบุญครองแถวบ้านเรา แต่จะเน้นขายอุปกรณ์ไฟฟ้า และอิเล็กโทรนิคซะส่วนใหญ่ พวกมือถือ และกล้องดิจิตอล แต่ราคาไม่ถูกกว่าบ้านเราเลย ใครที่ตั้งใจจะมาซื้ออุปกรณ์ Electronic หรือ iPhone, ipod ที่นี่ ไม่แนะนำครับ ซื้อเมืองไทยดีกว่า

มีสินค้าหลายๆยี่ห้อที่เป็น local brand ของที่นี้ เราก็ไม่รู้จัก เลยได้แต่เดินชมไปเรื่อยๆ

เดินไปเรื่อย จะเจอพวก Street Performance ผมไม่แน่ใจว่าบ้านเราเรียกกันว่าอะไร ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือนักแสดงข้างถนนละมั้ง

เวลาเกือบๆสี่ทุ่มน่าจะได้ ยังมีบางร้านที่เค้าปิดเที่ยงคืน แต่ถ้าอยากจะมาเดิน Mongkok จริงๆ แนะนำให้มาก่อนหัวค่ำเป็นอย่างช้า เพราะพื้นที่ใหญ่มาก เดินเป็นชั่วโมงๆก็ยังไม่ทั่ว

ร้านน้ำผลไม้ปั่นยอดฮิต อยากกินอะไรผสมกับอะไรก็เอานิ้วชี้ๆเอา ผมจำไม่ได้ว่าสั่งอะไรไป แต่ก็อร่อยดีครับ คนต่อแถวพอสมควร

ร้านนี้ไม่ได้ขายชานมไข่มุกนะ คนละร้านกัน

น่ากินทุกอย่างเลย

อีกอย่างที่ริมถนนใน Hong kong มีเยอะมากๆ ทุกที่ ทุกแยก นั่นก็คือ ลูกชิ้นเนื้อ ออกแนวคล้ายๆโอเด้งของญี่ปุ่น แต่ผมไม่ค่อยชอบกลิ่นของมันเท่าไร เลยขอผ่านครับ

สภาพตึกใหม่เก่า หรู โทรม ปะปนกันไป มีทั้งคนรวย และคนจรจัดให้เห็นอยู่บ่อยๆ

เดินไปเดินมา ชักหิวอีกรอบ เลยไปสะดุดกับร้านนี้เข้า เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น นานๆจะเห็นใน Hongkong สักที เค้าว่าปิดตี 2 ใครมาถึงดึกๆก็เดินไปทานกันได้ครับ เลยโรงแรม Casa ไปไม่ไกลมาก อยู่ริมถนน Nathan เลย

มีซูชิให้เลือกหลายอย่างอยู่ สั่งง่ายเหมาะกับนักท่องเที่ยวครับ เอานิ้วชี้ๆอย่างเดียว รสชาติพอใช้ได้อยู่ เป็นรองร้านอาหารญี่ปุ่นในบ้านเรานิดหน่อย แต่ก็ถือว่าใช้ได้ ดูเหมือนว่าคนฮ่องกงที่นี่ จะเน้นมานั่งคุยกัน หรือทานรองท้องกันมากกว่า ไม่ได้เน้นกินจริงจังแบบ Fuji  หรือ Zen บ้านเรา

หมดแล้วครับกับคืนแรก ขอตัวไปนอนพักผ่อนก่อน ติดตามต่อวันที่สองได้ ในกระทู้ต่อไปเลยครับ

อยากไปเที่ยวมั่งแต่ติดที่ภาษา ไม่คล่องและเงินไม่พอน่ะ

อยากไป เที่ยวฮ่องกง มั่งจัง ไว้เก็บเงินไปฮ่องกงดีกว่า

ไปฮ่องกงบินสายการบินอะไรดี ไม่แพงอ่ะ

อยากไปมากติดไม่มีใครไปด้วยถ้ามีใครว่างจะเลี้ยงทุกอย่าง(หญิง)เท่านั้นvivatnn2499@hotmail.com

อยากไปเที่ยวฮ่องกงบ้าง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างคะ

ไปเที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเองไม่ยากเลย 

ไปเที่ยวฮ่องกงช่วงเดือนสิงหาคม อากาศเป็นยังไงบ้างคะ ร้อนหรือปล่าว

จะได้ไปแว้ว ไป31ต.ค.55-4พ.ย.55 ตื่นเต้นเวอร์ค่าไปกานกับครอบครัว 6 คนค่า และ ไกด์นำเที่ยวค่า ตั้งใจจะไปช้อปให้กระจาย ไปเล่นเครื่องเล่นที่ดิสนีย์แลนด์ให้เต็มี่ไปเรยค่าพูดแร้วอยากไปๆๆๆๆมากกกกกกกกกกกกกกกกก(26 ก.ย.2555)

จะไปเที่ยวฮ่องกงวันที่ 1-5 พ.ย. 55นี้ อากาศหนาวหรือเปล่า ต้องเตรียมช้อนกับร่มไปมั้ยคะ

จะไป มาเก๊า ต่อ ฮ่องกง ค่ะ ช่วง 21-25 พ.ย. chill กัน 3 คน ไม่รู้ว่า shopping ของ brand name ช่วงนี้จะถูกรึเปล่านะคะ

 รถไฟฟ้าดีกว่าประเทศไทยตั้งเยอะ ว่างๆจะแวะไปเที่ยวนะครับ

กำลังจะไปเดือนกันยานี้เลย ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆค่ะ

ไปเที่ยวฮ่องกงช่วงต้นเดือนพ.ย. อากาศกำลังเย็นสบายๆ ไม่ถึงกับหนาว เอาเสื้อหนาๆ หรือติดเสื้อคลุมบางๆไปก็อยู่แล้ว ร่มไม่ต้องเอาไปหรอกครับ เกะกะป่าวๆ ก่อนไปเที่ยวก็เช็คพยากรณ์อากาศก่อนก็ได้ครับ ค่อนข้างแม่น

พวกสินค้าแบรนด์เนมในฮ่องกง ส่วนใหญ่จะราคาไม่ต่างกันมากในแต่ละช่วงฤดูครับ อย่างพวก LV, Gucci, Prada พวกนี้ลดอย่างมากก็ 5% แต่ถ้าพวกแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง Giordano, Bossini, Lacoste อะไรพวกนี้จะมี sale ช่วงเปลี่ยน season สม่ำเสมออยู่แล้ว สินค้าที่ sale ก็จะเป็นสินค้า ตกรุ่นหรือตก season แล้ว เหมือนบ้านเราล่ะครับ พวกของใหม่ New Collections พวกนี้จะไม่มีการ Sale อยู่แล้ว

ค่อนข้างร้อนครับ เดินเหงื่อซึมแน่นอน แนะนำเสื้อยืด เสื้อสายเดี่ยว กางเกงขาสั้น กระโปรงสั้นพวกนี้ได้เลย แต่ถ้าจังหวะไม่ดีอาจจะเจอฝนตกด้วย

สะพายกระเป๋าเที่ยวฮ่องกง วันที่ 2 [Elements Bulding + Stanly Market + The Peaks + ห่านย่าง Yungkee]


สะพายกระเป๋าเที่ยวฮ่องกง วันที่ 3 [Mong Kok + บันไดเลื่อนยาว + ทาร์ทไข่ต้นตำรับ + Man Mo Temple + ชมการแสดง Symphony of Light]

น่าเที่ยวอ่าคับ ต้องลองซะแล้ว

 

กำ ถูกมากอ่ะ เก็บตังแพ้บ

โอ้วเมืองในฝันของฉันน

ไปๆ ต้องไปให้ได้ มาดูให้หายอยาก