การจัดเก็บและการค้นคืน
การจัดเก็บเพื่อประโยชน์ของการใช้และการเข้าถึงสารสนเทศ
การจัดเก็บ มุ่งจัดโครงสร้างในทางกายภาพ เช่น รหัสหมวดหมู่ ดรรชนีเชื่อมโยงไปยังที่จัดเก็บสารสนเทศ (แฟ้มข้อมูล) เนื้อหา เช่น ศัพท์ดรรชนี (คำแทนสาระ) สาระสังเขป โครงร่างเนื้อหา (สารบัญ) เป็นต้น
-การค้นคืน (retrieval) เป็น การค้นเพื่อให้ได้ผลการค้นตามต้องการ มุ่งเน้นที่ผลการค้นเป็นสำคัญ
-การค้น การค้นหา (searching) เป็นกระบวนการค้น เช่น การค้นจากหนังสือ การค้นจากฐานข้อมูลโดยใช้ชื่อผู้แต่ง
ระบบจัดเก็บและค้นคืนสารสนเทศ (Information Storage and Retrieval System – ISAR system) ระบบค้นคืนสารสนเทศ (Information Retrieval System – IR system)
ระบบจัดเก็บและค้นหาสารสนเทศ ใช้น้อย (จากวรรณกรรม)
การค้นคืน วิธีการค้นหาแบ่งออกเป็น
browsing หรือ การสำรวจเลือกดู
searching หรือ analytical search หรือ การค้นด้วยคำหรือลักษณะของสารสนเทศ เช่น สี ขนาด
จุดประสงค์หลัก คือ ให้ค้นคืนสารสนเทศที่ “เข้าเรื่อง” (relevance) หรือ “ตรงกับความต้องการ” (pertinence)
การค้นคืน ( retrieve ) หมายถึงการได้รับสิ่งที่ต้องการกลับคืนมา การค้นคืนสารสนเทศ (information retrieval) จึงเป็นการการกระทำใดๆ ที่ให้ได้รับสารนิเทศที่ต้องการ ซึ่งอาจเป็นข้อมูลหรือรายการเอกสารซึ่งบรรจุเนื้อหาที่ต้องการ และส่งให้กับผู้รับอย่างรวดเร็ว
ระบบค้นคืนสารสนเทศ หมายถึง ระบบที่ได้รับการออกแบบเพื่อวัตถุประสงค์ในการค้นคืนสารสนเทศที่จัดเก็บอยู่ในระบบนั้น ซึ่งอาจค้นโดยแรงงานคน หรือคอมพิวเตอร์ก็ได้
หน้าที่ของระบบการค้นคืนสารสนเทศ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการติดตามสารนิเทศใหม่ๆ ซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้น ระบบสารสนเทศจะช่วยค้น คัดเลือก และกล่นกรองสารนิเทศที่เกี่ยวของ เพื่อการใช้ประโยชน์ต่อไป ในทัศนของ Lancaster ระบบสารสนเทศมีหน้าที่จัดหา จัดระเบียบและควบคุมเพื่อให้มีการเข้าถึงสารนิเทศ
สรุปก็คือคือ ระบบการค้นคืนสารนิเทคือ ระบบสารนิเทศที่ทำหน้าที่นำเสนอและแจกจ่ายสารนิเทศแก่ผู้ที่ต้องการ ซึ่งระบบสารนิเทศประกอบด้วยระบบการดำเนินงานย่อยๆ 5 ระบบ คือ
1. การคัดเลือก เป็นการการรวบรวมสารนิเทศตามเกณฑ์และนโยบายที่กำหนดไว้ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้
2. การวิเคราะห์เอกสาร ได้แก่การจัดหมวดหมู่ การจัดทำรายการ การทำดรรชนี และการทำสารสังเขป
3. การจัดระเบียบ ในระบบสารนิเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผล จะมีการจัดระเบียบแฟ้มข้อมูล โดยทั่วไปจะเรียงลำดับเลขทะเบียน
4. การค้นคืน เป็นกระบวนการสำคัญในการประเมินศักยภาพของระบบสารนิเทศ เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นคืน online เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ คือ ขั้นตอนการวิเคราะห์แนวคิด และขั้นตอนการกำหนดศัพท์ หลังจากนั้นก็นำคำศัพท์ไปดำเนินการค้น ถ้าคำศัพท์ตรงกับดรรชนีคำค้นของเอกสารนั้น จะได้รับเอกสารจำนวนหนึ่ง หรือผู้ค้นจะทำการปรับปรุงเอกสารให้เป็นที่พอใจของผู้ใช้บริการ
5. การแจกจ่าย เป็นการนำส่งผลการค้นคืนให้แก่ผู้ใช้ ที่มีความต้องการเอกสารเอกสารในเรื่องนั้นๆ โดยทั่วไปคือ รายการอ้างอิงทางบรรณานุกรม โดยการสืบค้นสารสนเทศจะสิ้นสุดเมื่อผู้สืบค้นสารสนเทศได้รับเอกสารเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว องค์ประกอบเหล่านี้เป็นเป็นกิจกรรมทางสติปัญญาซึ่งดำเนินการโดยคน มิใช่เครื่องจักร หรือเรียบอีกนัยหนึ่งว่า ประสิทธิภาพของระบบค้นคืนสารนิเทศ จึงขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ สามารถจำแนกได้ 2 กลุ่มก็คือ
- องค์ประกอบด้านฐานข้อมูล คือเอกสารที่จัดเก็บความละเอียดของดรรชนี ความเพียงพอของคำศัพท์ ในระบบที่ใช้แทนเนื้อหาของเอกสาร
- องค์ประกอบด้านการใช้ระบบ คือ ความเข้าใจของนักเอกสารสนเทศ ในเรื่องความต้องการของผู้ใช้
รูแบบของระบบค้นคืนสารนิเทศ
ระบบค้นคืนสารนิเทศสามารถแบ่งได้ 3 ประเภทคือ
1. ระบบค้นคืนที่ให้คำถาม – คำตอบ เป็นการบริการค้นคำตอบสำหรับคำถามที่ต้องการคำตอบ ที่เป็นข้อเท็จจริง
2. ระบบค้นคืนที่ให้ข้อมูลเป็นตัวเลข คือ สัญญาลักษณ์ เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลทางฟิสิกส์ เคมี สำะโนประชากร เป็นต้น
3. ระบบค้นคืนข้อความจากวารสาร เป็นระบบที่จัดเก็บตัวเนื้อหาเอกสารและสามารถเรียกข้อความส่วนใดส่วนหนึ่งของเอกสารได้ เช่น ฐานข้อมูลทางกฎหมาย เป็นต้น
บริการค้นคืนระบบโอแพ็ก
ระบบโอแพ็ก คือ ระบบการค้นหารายการทรัพยากรสารนิเทศด้วยระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ จะใช้เครื่องปลายทางเป็นเครื่องมือค้นหารายการสารนิเทศที่ต้องการ โดยใช้โปรแกรมสำเร็จ หรือโปรแกรมการจัดการฐานข้อมูลในระยะบบห้องสมุดอัตโนมัติ
ปัจจุบันระบบโอแพ็กได้ใช้ในโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลใน 3 รูปแบบคือ
1. โปรแกรมสำเร็จที่มีหน่วยงาน องค์กรบริบัษต่างๆที่พัฒนาขึ้นมาใช้แล้วเช่นโปรแกรม ซีดีเอส/ไอซีส ดีเบส ฟอกซ์เบส และบี อาร์เอส
2. เขียนโปรแกรมเฉพาะแห่งโดยใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ ภาษาภาษี
3. โปรแกรมห้องสมุดอัตโนมัติ หรือโปรแกรมสำเร็จพร้อมใช้งานในระบบบูรณาการ หรือเรียกทั่วไปว่าระบบเทิร์นคีย์ เช่น URICA VTLS TINLIB เป็นต้น
ผู้ใช้สามารถใช้ระบบเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาสารนิเทศ ในสถาบันบริการแห่งหนึ่ง เช่นเดียวกับการใช้บัตรรายการ โดยทั่วไปผู้ใช้สามารถเลือกค้นได้จากคำหรือวิธีต่างๆดังต่อไปนี้
- ค้นคืนโดยใช้ชื่อผู้แต่ง - ค้นคืนโดยใช้คำสำคัญ
- ค้นคืนโดยใช้ชื่อเรื่อง - ค้นคืนโดยใช้วลี
- ค้นคืนโดยใช้หัวเรื่อง - ค้นคืนโดยใช้คำในดรรชนี
- ค้นคืนโดยใช้เลขหมู่ - ค้นคืนโดยใช้การตัดคำ
- ค้นคืนโดยการจำกัดคำค้นในเขตข้อมูลที่ต้องการ
- ค้นคืนโดยวิธีไล่ดูรายการตามลำดับระเบียน
ประโยชน์ของการค้นคืนสารสนเทศ
1. สามารถใช้ประโยชน์จากความรู้โดยนำมาพัฒนาเพื่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่
2. ทำให้การวิจัยมีประสิทธิภาพ
3. มีฐานความรู้ที่กว้างขวางสำหรับเลือกนำมาใช้
แก้ปัญหา
4. ส่งเสริมวัฒนธรรมอันดีงามของมนุษย์
5. ทำให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการผลิตรวมทั้งบริการในภาครัฐและเอกชน
6. ช่วยให้การตัดสินใจมีคุณภาพยิ่งขึ้นในทุกกิจกรรม
และทุกระดับปฏิบัติการ
อ้างอิง
http://lisru.com/Information%20Retrieval/Introduction.html
www.isc.ob.tc
seashore.buu.ac.th/~50124473/245271/.../google-week01.ppt
http://webcache.googleusercontent.com
องค์ประกอบของการจัดเก็บและการค้นคืนสารนิเทศ |
การจัดเก็บและการค้นคืนสารนิเทศเป็นการเชื่อมโยงระหว่างทรัพยากรสารนิเทศกับผู้ใช้ซึ่งมีความต้องการสารนิเทศ โดยการรวบรวมสารนิเทศเก็บไว้ในฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ สมพร พุทธาพิทักษ์ผล กล่าวว่า การจัดเก็บและการค้นคืนสารนิเทศประกอบด้วยทรัพยากรสารนิเทศ ฐานข้อมูล และบุคลากร ดังรายละเอียดต่อไปนี้ |
|
1. ทรัพยากรสารนิเทศ |
ทรัพยากรสารนิเทศมีอยู่หลายประเภท ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่ง ได้แก่ |
1.1 แบ่งออกตามแหล่งสารนิเทศ คือ แหล่งปฐมภูมิ แหล่งทุติยภูมิ และ แหล่งตติยภูมิ |
− แหล่งปฐมภูมิ เป็นสารนิเทศจากต้นแหล่งโดยตรง เช่น การสัมภาษณ์หรือตอบแบบสอบถาม ผลการศึกษา ค้นคว้า วิจัย การค้นพบทฤษฎีใหม่ และการวิเคราะห์วิพากษ์ทฤษฎีต่างๆ เป็นต้น |
− แหล่งทุติยภูมิ เป็นการรวบรวมข้อมูลและสารนิเทศจากแหล่งปฐมภูมิ โดยอาจเรียบเรียง จัดหมวดหมู่ให้เป็นระเบียบ สรุปให้เข้าใจง่าย หรือนำมาจัดทำเป็นดรรชนี เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยในการสืบค้นต่อไป แหล่งทุติยภูมิที่สำคัญ ได้แก่ วารสารที่มีการสรุปย่อและตีความพัฒนาการหรือทฤษฎีใหม่ๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้น ดรรชนีและสาระสังเขป หนังสือตำรา รายงานสถานภาพวิทยาการปัจจุบัน และจดหมายข่าว เป็นต้น |
− แหล่งตติยภูมิ เป็นการรวบรวมสารนิเทศที่ช่วยค้นหาแหล่งข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ บางครั้งอาจพบว่าแหล่งตติยภูมินั้นถูกจัดรวมไว้กับแหล่งทุติยภูมิ เพราะสิ่งพิมพ์ประเภทนี้มีจำนวนน้อยกว่าแหล่งสารนิเทศสองประการแรกมาก แต่ในที่นี้จะกล่าว แยกไว้เพื่อให้เห็นความแตกต่างให้ชัดเจนขึ้น แหล่งสารนิเทศตติยภูมินี้ไม่มีสารนิเทศเกี่ยวกับความรู้เฉพาะสาขาวิชาต่างๆ แต่จะช่วยในการค้นคว้าข้อมูล เพื่อใช้ในการหาข้อมูลสารนิเทศเฉพาะสาขาวิชาอีกทีหนึ่ง สิ่งพิมพ์ประเภทนี้ประกอบด้วย นามานุกรม บรรณานุกรม บรรณนิทัศน์ และหนังสือแนะนำวรรณกรรมเฉพาะสาขาวิชา เป็นต้น |
|
1.2 แบ่งออกตามรูปลักษณ์ของสื่อที่ใช้ในการจัดเก็บ ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโสตทัศน์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ |
− สื่อสิ่งพิมพ์ คือ สิ่งที่พิมพ์ขึ้นเป็นเล่มหรือ เป็นแผ่นโดยใช้ ตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์ รหัส ในการสื่อความหมายสิ่งพิมพ์ หรือสิ่งตีพิมพ์ ซึ่งได้แก่ หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ จุลสาร และกฤตภาค เป็นต้น |
− สื่อโสตทัศน์ คือ สื่อที่ใช้บันทึกข้อมูล เรื่องราวต่างๆ ในวัสดุประเภทต่างๆ ได้แก่ เทปบันทึกเสียง วีดิทัศน์ แผ่นใส และรูปภาพ เป็นต้น |
− สื่ออิเล็กทรอนิกส์ คือ ทรัพยากรสารนิเทศที่มีการผสมผสานเทคโนโลยีด้านการจัดเก็บและค้นคืนสารนิเทศเข้าไว้ด้วยกันในสื่อบันทึกชนิดใหม่ มีรูปแบบเป็นดิสก์เก็ต (diskette) หรือเป็นออปติคัลดิสก์ (optical disk) หรือเป็นแถบแม่เหล็ก (magnetic tape) ได้แก่ ซีดี และดีวีดี เป็นต้น |
ซึ่งในการจัดเก็บทรัพยากรสารนิเทศอย่างเป็นระบบสามารถจัดทำได้หลายวิธีด้วยกัน ได้แก่ |
1) การจัดเก็บทรัพยากรสารนิเทศตามเนื้อหา หมายถึง การนำสารนิเทศที่มีอยู่มาแยกประเภทตามสาขาวิชาอย่างกว้างๆ โดยนำสารนิเทศที่มีเนื้อหาเดียวกันจัดเก็บไว้ด้วยกัน ซึ่งมักจะแยกตามระบบการจัดหมวดหมู่ต่างๆ ที่มีผู้คิดค้นขึ้น ทรัพยากรสารนิเทศที่จัดเก็บตามระบบนี้มักได้แก่ หนังสือ และตำราทั่วๆ ไป นอกจากนี้การจัดเก็บสารนิเทศตามเนื้อหา อาจแบ่งเนื้อหาออกเป็นกลุ่มสาขาวิชาใหญ่ๆ ได้แก่ สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ เป็นต้น |
2) การจัดเก็บทรัพยากรสารนิเทศตามรูปลักษณ์ สามารถแยกประเภททรัพยากรสารนิเทศโดยดูที่รูปลักษณ์หรือวัสดุที่ใช้บันทึกข้อมูล ซึ่งแบ่งออกได้เป็น สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโสตทัศน์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ |
3) การจัดเก็บทรัพยากรสารนิเทศตามหมายเลข คือ การจำแนก และเรียงสารนิเทศโดยใช้หมายเลขเป็นหลักแทนอักษรหรือสัญลักษณ์อื่นๆ นอกจากจะเรียงลำดับสารนิเทศตามหมายเลขแล้วจะต้องจัดทำดรรชนีเรียงตามลำดับอักษรเพื่อค้นหาหมายเลขที่ให้ |
4) การจัดเก็บทรัพยากรสารนิเทศตามพื้นที่ภูมิศาสตร์ คือ การจำแนกและเรียงเอกสารโดยยึดอาณาเขตหรือพื้นที่ภูมิศาสตร์เป็นหลัก โดยนิยมกำหนดอักษรหรือรหัสหมายเลขประกอบ อาจเป็นระดับโลก ทวีป ประเทศ ภาค และจังหวัด เป็นต้น ในการกำหนดระบบจัดเก็บสารนิเทศขั้นต้น จึงควรกำหนดขอบเขตตามพื้นที่ภูมิศาสตร์ขั้นต่อไปจึงเรียงตามอักษรชื่อ |
|
ภูมิศาสตร์ หรือถ้ากำหนดรหัสหมายเลข ก็เรียงตามตัวเลข เช่น รหัสไปรษณีย์ และเลขหมายโทรศัพท์ เป็นต้น |
5) การจัดเก็บทรัพยากรสารนิเทศตามลำดับอักษร คือ การใช้ชื่อบุคคลหน่วยงาน หัวเรื่องและสถานที่ทางภูมิศาสตร์ เรียงตามลำดับอักษร การจัดเก็บสารนิเทศตามลำดับอักษร เป็นวิธีการเรียงลำดับสารนิเทศโดยใช้อักษรคือตัวหนังสือเป็นหลัก เป็นระบบ การจัดเก็บสารนิเทศที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด และเป็นวิธีการพื้นฐานที่นำไปใช้ร่วมกับการจัดเก็บสารนิเทศระบบอื่นๆ เช่น การจัดเก็บสารนิเทศตามพื้นที่ภูมิศาสตร์ ในการจัดเก็บสารนิเทศของหน่วยงาน สำนักงาน หรือสถาบันบริการสารนิเทศ ส่วนใหญ่จัดเก็บสารนิเทศตามลำดับอักษร เป็นพื้นฐาน โดยเฉพาะชื่อบุคคล ชื่อหน่วยงาน ชื่อสถาบัน เช่น การจัดเก็บรายละเอียดทางบรรณานุกรมจะเรียงลำดับตามอักษรชื่อผู้แต่ง และชื่อเรื่อง เป็นต้น |
2. ฐานข้อมูล ในการจัดเก็บทรัพยากรสารนิเทศดังกล่าว จะมีการรวบรวมรายละเอียดหรือรายการของทรัพยากรสารนิเทศเก็บไว้ในฐานข้อมูลในคอมพิวเตอร์ เพื่อทำให้การจัดเก็บและการค้นคืนสารนิเทศมีความเป็นระบบ ระเบียบ ง่ายต่อการค้นคืนสารนิเทศสำหรับผู้ใช้มากขึ้น |
3. บุคลากร |
บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บและการค้นคืนสารนิเทศ ได้แก่ |
− ผู้ที่ทำหน้าที่จัดเก็บสารนิเทศ การจัดเก็บสารนิเทศที่มีประสิทธิภาพควรมีบุคลากรที่มีความรู้และความชำนาญในการจัดเก็บสารนิเทศ หากเป็นบุคลากรใหม่ ควรได้รับการฝึกอบรม หรือดูงาน ด้านการจัดเก็บสารนิเทศ เพื่อให้มีประสบการณ์มากขึ้น |
− ผู้ใช้สารนิเทศ คือ ผู้ใช้ที่มีความต้องการสารนิเทศของตนเอง ซึ่งอาจจะค้นคืนด้วยตนเอง หรืออาจขอใช้บริการจากผู้ให้บริการค้นคืนสารนิเทศ โดยผู้ใช้สารนิเทศ ได้แก่ นักวิจัย ผู้บริหาร นักเรียนนักศึกษา อาจารย์ หรือประชาชนทั่วไป ซึ่งมีความต้องการสารนิเทศเพื่อใช้ประโยชน์ โดยการค้นจากฐานข้อมูลต่างๆ |
− ผู้ให้บริการค้นคืนสารนิเทศ ได้แก่ บรรณารักษ์ และนักสารนิเทศ เป็นต้น ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับระบบการค้นคืนสารนิเทศ โดยจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับทรัพยากรสารนิเทศประเภทต่างๆ ทราบวิธีในการเข้าถึงสารนิเทศแต่ละประเภท ทราบศัพท์เฉพาะที่จะใช้ค้นข้อมูลเฉพาะด้าน และมีกลวิธีในการสัมภาษณ์ผู้ใช้ เพื่อให้ทราบ ความต้องการสารนิเทศที่แท้จริง |
http://lib.kru.ac.th/eBook/1635203/5203-35.html
องค์ประกอบของการจัดเก็บและการค้นคืนสารนิเทศ |
การจัดเก็บและการค้นคืนสารนิเทศเป็นการเชื่อมโยงระหว่างทรัพยากรสารนิเทศกับผู้ใช้ซึ่งมีความต้องการสารนิเทศ โดยการรวบรวมสารนิเทศเก็บไว้ในฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ สมพร พุทธาพิทักษ์ผล กล่าวว่า การจัดเก็บและการค้นคืนสารนิเทศประกอบด้วยทรัพยากรสารนิเทศ ฐานข้อมูล และบุคลากร ดังรายละเอียดต่อไปนี้ |
|
1. ทรัพยากรสารนิเทศ |
ทรัพยากรสารนิเทศมีอยู่หลายประเภท ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่ง ได้แก่ |
1.1 แบ่งออกตามแหล่งสารนิเทศ คือ แหล่งปฐมภูมิ แหล่งทุติยภูมิ และ แหล่งตติยภูมิ |
− แหล่งปฐมภูมิ เป็นสารนิเทศจากต้นแหล่งโดยตรง เช่น การสัมภาษณ์หรือตอบแบบสอบถาม ผลการศึกษา ค้นคว้า วิจัย การค้นพบทฤษฎีใหม่ และการวิเคราะห์วิพากษ์ทฤษฎีต่างๆ เป็นต้น |
− แหล่งทุติยภูมิ เป็นการรวบรวมข้อมูลและสารนิเทศจากแหล่งปฐมภูมิ โดยอาจเรียบเรียง จัดหมวดหมู่ให้เป็นระเบียบ สรุปให้เข้าใจง่าย หรือนำมาจัดทำเป็นดรรชนี เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยในการสืบค้นต่อไป แหล่งทุติยภูมิที่สำคัญ ได้แก่ วารสารที่มีการสรุปย่อและตีความพัฒนาการหรือทฤษฎีใหม่ๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้น ดรรชนีและสาระสังเขป หนังสือตำรา รายงานสถานภาพวิทยาการปัจจุบัน และจดหมายข่าว เป็นต้น |
− แหล่งตติยภูมิ เป็นการรวบรวมสารนิเทศที่ช่วยค้นหาแหล่งข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ บางครั้งอาจพบว่าแหล่งตติยภูมินั้นถูกจัดรวมไว้กับแหล่งทุติยภูมิ เพราะสิ่งพิมพ์ประเภทนี้มีจำนวนน้อยกว่าแหล่งสารนิเทศสองประการแรกมาก แต่ในที่นี้จะกล่าว แยกไว้เพื่อให้เห็นความแตกต่างให้ชัดเจนขึ้น แหล่งสารนิเทศตติยภูมินี้ไม่มีสารนิเทศเกี่ยวกับความรู้เฉพาะสาขาวิชาต่างๆ แต่จะช่วยในการค้นคว้าข้อมูล เพื่อใช้ในการหาข้อมูลสารนิเทศเฉพาะสาขาวิชาอีกทีหนึ่ง สิ่งพิมพ์ประเภทนี้ประกอบด้วย นามานุกรม บรรณานุกรม บรรณนิทัศน์ และหนังสือแนะนำวรรณกรรมเฉพาะสาขาวิชา เป็นต้น |
|
1.2 แบ่งออกตามรูปลักษณ์ของสื่อที่ใช้ในการจัดเก็บ ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโสตทัศน์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ |
− สื่อสิ่งพิมพ์ คือ สิ่งที่พิมพ์ขึ้นเป็นเล่มหรือ เป็นแผ่นโดยใช้ ตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์ รหัส ในการสื่อความหมายสิ่งพิมพ์ หรือสิ่งตีพิมพ์ ซึ่งได้แก่ หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ จุลสาร และกฤตภาค เป็นต้น |
− สื่อโสตทัศน์ คือ สื่อที่ใช้บันทึกข้อมูล เรื่องราวต่างๆ ในวัสดุประเภทต่างๆ ได้แก่ เทปบันทึกเสียง วีดิทัศน์ แผ่นใส และรูปภาพ เป็นต้น |
− สื่ออิเล็กทรอนิกส์ คือ ทรัพยากรสารนิเทศที่มีการผสมผสานเทคโนโลยีด้านการจัดเก็บและค้นคืนสารนิเทศเข้าไว้ด้วยกันในสื่อบันทึกชนิดใหม่ มีรูปแบบเป็นดิสก์เก็ต (diskette) หรือเป็นออปติคัลดิสก์ (optical disk) หรือเป็นแถบแม่เหล็ก (magnetic tape) ได้แก่ ซีดี และดีวีดี เป็นต้น |
ซึ่งในการจัดเก็บทรัพยากรสารนิเทศอย่างเป็นระบบสามารถจัดทำได้หลายวิธีด้วยกัน ได้แก่ |
1) การจัดเก็บทรัพยากรสารนิเทศตามเนื้อหา หมายถึง การนำสารนิเทศที่มีอยู่มาแยกประเภทตามสาขาวิชาอย่างกว้างๆ โดยนำสารนิเทศที่มีเนื้อหาเดียวกันจัดเก็บไว้ด้วยกัน ซึ่งมักจะแยกตามระบบการจัดหมวดหมู่ต่างๆ ที่มีผู้คิดค้นขึ้น ทรัพยากรสารนิเทศที่จัดเก็บตามระบบนี้มักได้แก่ หนังสือ และตำราทั่วๆ ไป นอกจากนี้การจัดเก็บสารนิเทศตามเนื้อหา อาจแบ่งเนื้อหาออกเป็นกลุ่มสาขาวิชาใหญ่ๆ ได้แก่ สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ เป็นต้น |
2) การจัดเก็บทรัพยากรสารนิเทศตามรูปลักษณ์ สามารถแยกประเภททรัพยากรสารนิเทศโดยดูที่รูปลักษณ์หรือวัสดุที่ใช้บันทึกข้อมูล ซึ่งแบ่งออกได้เป็น สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโสตทัศน์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ |
3) การจัดเก็บทรัพยากรสารนิเทศตามหมายเลข คือ การจำแนก และเรียงสารนิเทศโดยใช้หมายเลขเป็นหลักแทนอักษรหรือสัญลักษณ์อื่นๆ นอกจากจะเรียงลำดับสารนิเทศตามหมายเลขแล้วจะต้องจัดทำดรรชนีเรียงตามลำดับอักษรเพื่อค้นหาหมายเลขที่ให้ |
4) การจัดเก็บทรัพยากรสารนิเทศตามพื้นที่ภูมิศาสตร์ คือ การจำแนกและเรียงเอกสารโดยยึดอาณาเขตหรือพื้นที่ภูมิศาสตร์เป็นหลัก โดยนิยมกำหนดอักษรหรือรหัสหมายเลขประกอบ อาจเป็นระดับโลก ทวีป ประเทศ ภาค และจังหวัด เป็นต้น ในการกำหนดระบบจัดเก็บสารนิเทศขั้นต้น จึงควรกำหนดขอบเขตตามพื้นที่ภูมิศาสตร์ขั้นต่อไปจึงเรียงตามอักษรชื่อ |
|
ภูมิศาสตร์ หรือถ้ากำหนดรหัสหมายเลข ก็เรียงตามตัวเลข เช่น รหัสไปรษณีย์ และเลขหมายโทรศัพท์ เป็นต้น |
5) การจัดเก็บทรัพยากรสารนิเทศตามลำดับอักษร คือ การใช้ชื่อบุคคลหน่วยงาน หัวเรื่องและสถานที่ทางภูมิศาสตร์ เรียงตามลำดับอักษร การจัดเก็บสารนิเทศตามลำดับอักษร เป็นวิธีการเรียงลำดับสารนิเทศโดยใช้อักษรคือตัวหนังสือเป็นหลัก เป็นระบบ การจัดเก็บสารนิเทศที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด และเป็นวิธีการพื้นฐานที่นำไปใช้ร่วมกับการจัดเก็บสารนิเทศระบบอื่นๆ เช่น การจัดเก็บสารนิเทศตามพื้นที่ภูมิศาสตร์ ในการจัดเก็บสารนิเทศของหน่วยงาน สำนักงาน หรือสถาบันบริการสารนิเทศ ส่วนใหญ่จัดเก็บสารนิเทศตามลำดับอักษร เป็นพื้นฐาน โดยเฉพาะชื่อบุคคล ชื่อหน่วยงาน ชื่อสถาบัน เช่น การจัดเก็บรายละเอียดทางบรรณานุกรมจะเรียงลำดับตามอักษรชื่อผู้แต่ง และชื่อเรื่อง เป็นต้น |
2. ฐานข้อมูล ในการจัดเก็บทรัพยากรสารนิเทศดังกล่าว จะมีการรวบรวมรายละเอียดหรือรายการของทรัพยากรสารนิเทศเก็บไว้ในฐานข้อมูลในคอมพิวเตอร์ เพื่อทำให้การจัดเก็บและการค้นคืนสารนิเทศมีความเป็นระบบ ระเบียบ ง่ายต่อการค้นคืนสารนิเทศสำหรับผู้ใช้มากขึ้น |
3. บุคลากร |
บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บและการค้นคืนสารนิเทศ ได้แก่ |
− ผู้ที่ทำหน้าที่จัดเก็บสารนิเทศ การจัดเก็บสารนิเทศที่มีประสิทธิภาพควรมีบุคลากรที่มีความรู้และความชำนาญในการจัดเก็บสารนิเทศ หากเป็นบุคลากรใหม่ ควรได้รับการฝึกอบรม หรือดูงาน ด้านการจัดเก็บสารนิเทศ เพื่อให้มีประสบการณ์มากขึ้น |
− ผู้ใช้สารนิเทศ คือ ผู้ใช้ที่มีความต้องการสารนิเทศของตนเอง ซึ่งอาจจะค้นคืนด้วยตนเอง หรืออาจขอใช้บริการจากผู้ให้บริการค้นคืนสารนิเทศ โดยผู้ใช้สารนิเทศ ได้แก่ นักวิจัย ผู้บริหาร นักเรียนนักศึกษา อาจารย์ หรือประชาชนทั่วไป ซึ่งมีความต้องการสารนิเทศเพื่อใช้ประโยชน์ โดยการค้นจากฐานข้อมูลต่างๆ |
− ผู้ให้บริการค้นคืนสารนิเทศ ได้แก่ บรรณารักษ์ และนักสารนิเทศ เป็นต้น ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับระบบการค้นคืนสารนิเทศ โดยจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับทรัพยากรสารนิเทศประเภทต่างๆ ทราบวิธีในการเข้าถึงสารนิเทศแต่ละประเภท ทราบศัพท์เฉพาะที่จะใช้ค้นข้อมูลเฉพาะด้าน และมีกลวิธีในการสัมภาษณ์ผู้ใช้ เพื่อให้ทราบ ความต้องการสารนิเทศที่แท้จริง |
http://lib.kru.ac.th/eBook/1635203/5203-35.html
องค์ประกอบของการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ
ระบบการค้นคืนสารนิเทศคือ ระบบสารนิเทศที่ทำหน้าที่นำเสนอและแจกจ่ายสารนิเทศแก่ผู้ที่ต้องการ ซึ่งระบบสารนิเทศประกอบด้วยระบบการดำเนินงานย่อยๆ 5 ระบบ คือ
1.การคัดเลือก เป็นการการรวบรวมสารนิเทศตามเกณฑ์และนโยบายที่กำหนดไว้ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้
2. การวิเคราะห์เอกสาร ได้แก่การจัดหมวดหมู่ การจัดทำรายการ การทำดรรชนี และการทำสารสังเขป
3. การจัดระเบียบ ในระบบสารนิเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผล จะมีการจัดระเบียบแฟ้มข้อมูล โดยทั่วไปจะเรียงลำดับเลขทะเบียน
4. การค้นคืน เป็นกระบวนการสำคัญในการประเมินศักยภาพของระบบสารนิเทศ เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นคืน online เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ คือ ขั้นตอนการวิเคราะห์แนวคิด และขั้นตอนการกำหนดศัพท์ หลังจากนั้นก็นำคำศัพท์ไปดำเนินการค้น ถ้าคำศัพท์ตรงกับดรรชนีคำค้นของเอกสารนั้น จะได้รับเอกสารจำนวนหนึ่ง หรือผู้ค้นจะทำการปรับปรุงเอกสารให้เป็นที่พอใจของผู้ใช้บริการ
5. การแจกจ่าย เป็นการนำส่งผลการค้นคืนให้แก่ผู้ใช้ ที่มีความต้องการเอกสารเอกสารในเรื่องนั้นๆ โดยทั่วไปคือ รายการอ้างอิงทางบรรณานุกรม โดยการสืบค้นสารสนเทศจะสิ้นสุดเมื่อผู้สืบค้นสารสนเทศได้รับเอกสารเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว องค์ประกอบเหล่านี้เป็นเป็นกิจกรรมทางสติปัญญาซึ่งดำเนินการโดยคน มิใช่เครื่องจักร หรือเรียกอีกนัยหนึ่งว่า ประสิทธิภาพของระบบค้นคืนสารนิเทศ จึงขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ สามารถจำแนกได้ 2 กลุ่มก็คือ
- องค์ประกอบด้านฐานข้อมูล คือเอกสารที่จัดเก็บความละเอียดของดรรชนี ความเพียงพอของคำศัพท์ ในระบบที่ใช้แทนเนื้อหาของเอกสาร
- องค์ประกอบด้านการใช้ระบบ คือ ความเข้าใจของนักเอกสารสนเทศ ในเรื่องความต้องการของผู้ใช้
รูแบบของระบบค้นคืนสารนิเทศ ระบบค้นคืนสารนิเทศสามารถแบ่งได้ 3 ประเภทคือ
1. ระบบค้นคืนที่ให้คำถาม – คำตอบ เป็นการบริการค้นคำตอบสำหรับคำถามที่ต้องการคำตอบ ที่เป็นข้อเท็จจริง
2. ระบบค้นคืนที่ให้ข้อมูลเป็นตัวเลข คือ สัญญาลักษณ์ เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลทางฟิสิกส์ เคมี สำมะโนประชากร เป็นต้น
3. ระบบค้นคืนข้อความจากวารสาร เป็นระบบที่จัดเก็บตัวเนื้อหาเอกสารและสามารถเรียกข้อความส่วนใดส่วนหนึ่งของเอกสารได้ เช่น ฐานข้อมูลทางกฎหมาย เป็นต้น
1) ผู้ใช้ระบบความต้องการใช้สารนเทศ เป็นการตอบคำถามของผู้ใช้บริการ เพราะระบบความต้องการที่จะใช้สารนเทศของผู้ใช้บริการ
2) วิเคราะห์ความต้องการใช้ เป็นการวิเคราะห์คำถามเพื่อค้นหาความต้องการใช้สารนเทศ ตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้บริการ
3) แปลงความต้องการนั้นไปเป็นศัพท์ดรรชนี ซึ่งเป็นศัพท์ดรรชนีของระบบ โดยการกำหนด ศัพท์ให้สอดคล้องกับความต้องการ เพื่อใช้ในการคนคนสารนเทศ
4) สืบค้นโดยใช้กลวิธีในการสืบค้นแบบตาง ๆ ดังนี้
4.1) การสืบค้นโดยใช้ชื่อผู้แต่ง (Author Searching) เป็นการสืบค้นโดยใช้ชื่อผู้แต่งเป็นคำค้น4.2) การสืบค้นโดยใช้หัวเรื่อง (Subject Searching) ผู้ใช้สามารถสืบค้นด้วยหัวเรื่อง ซึ่ง เป็นภาษาควบคุมที่บรรณารักษ์ไดกำหนดไวตามคู่มือ
4.3) การสืบค้นโดยใช้ชื่อเรื่อง (Title Searching) เป็นการค้นโดยใช้ชื่อเรื่องเป็นคำค้น
4.4) การสืบค้นโดยใช้เลขหมู่ (Call Number Searching) ผู้ใช้สามารถสืบค้นโดยสัญลักษณ์ ที่กำหนด เพื่อใช้ในการค้นหาสารนเทศ ซึ่งประกอบด้วยเลขหมู่สารนเทศ อักษรตัวแรกของชื่อผู้ แต่งชาวไทย หรืออักษรตัวแรกของนามสกุลผู้แตงสำหรบสารนเทศภาษาต่างประเทศ เลขกำกับอักษร ผู้แต่ง และอักษรตัวแรกของชื่อเรื่อง
4.5) การสืบค้นโดยใช้คำสำคัญ (Keyword Searching) ผู้ใช้สามารถสืบค้นด้วยคำท้ายใน ชื่อเรื่อง หัวเรื่อง และเขตข้อมูลต่าง ๆ ในรายการบรรณานุกรม ซึ่งการสืบค้นในลักษณะนี้ ผู้ใช้สามารถใช้คำค้นที่คิดขึ้นเอง หรือที่เรียกวา ภาษาธรรมชาติ (UncontrolledVocabulary) ใน
การสืบค้น (วณิชากร แกวกน, 2541 : 16)
4.6) การสืบค้นโดยใช้วลี (Phrase Searching) เป็นการสืบค้นโดยใช้เครื่องหมายต่างๆ เพื่อ กำหนดขอบเขตของคำที่ใช้ค้นที่ไม่กว้างหรือแคบเกินไป (น้ำทิพย์ วิภาวิน, 2543 : 104)
4.7) การสืบค้นโดยใช้คำในดรรชนี (Cross Index Searching) ผู้ใช้สามารถใช้ ดรรชนีชวยสำหรับการค้นหาคำ หรือวลีที่ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกต้องหรือไม่
4.8) การสืบค้นโดยใช้การตัดคำ (Truncation Searching) คือ การขยายขอบเขตการสืบค้นให้ครอบคลุมทุกคำทที่มีคำขึ้นตนเหมือนกับคำคนซึ่งจะช่วยลดการพิมพ์คำค้นของกลุ่มคำนั้น ซึ่งผลที่ไดจากการค้น ค้นจะมีจำนวนมาก แต่จะเป็นประโยชนสำหรับการสืบค้นกับฐาน ข้อมูลที่ใช้ภาษาธรรมชาติในการทำดรรชนี
4.9) การสืบค้นโดยใช้วิธีจำกดคำคนในเขตขอมลที่ต้องการ (Field Searching) สามารถ จำกัดการสืบค้นให้แคบลงตามความต้องการของผู้ใช้เพื่อให้ไดผลการคนให้ตรงกับความต้องการมากยิ่งขึ้น
4.10) การสืบค้นโดยใช้วิธีไล่ดูรายการตามลำดับระเบียน (Browse Searching )
4.11) การสืบค้นโดยใช้คำศัพท์อิสระ (Free Text Searching) ผู้ใช้ส่วนมากมีก็ไม่ค่อยวางแผนการสืบคนล่วงหน้า การสืบค้นแบบนี้จึงเป็นที่นิยมมาก เพราะการสืบค้นด้วยศัพท์อิสระไม่ต้อง เสียเวลาในการหาคำศัพท์สมพันธ์
4.12) การสืบค้นโดยใช้ ตรรกบูลีน ( Boolean Searching ) หรือการสืบค้นแบบเชื่อมคำที่หลังซึ่งเป็นการสืบค้นที่ผู้ใช้สามารถกำหนดคำค้นขึ้นเองได้และสามารถเชื่อมคำค้นตามที่ต้องการได้โดยใช้คำเชื่อม AND, OR, NOT ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพในการสืบคน ให้ผู้ใช้สามารถค้นได้
ข้อมูลทั้งในเชิงกว้างและเชิงลกมากยึ่งขึ้น (วณิชากร แกวกน, 2541 : 15)
5) ได้ผลการสืบค้น เป็นคำตอบที่ได้จากคำถามของผู้ใช้บริการ
6) ผู้ใช้ตรวจผลของการสืบค้น
6.1)ตรงกับความต้องการถือว่าประสบความสำเร็จในการค้นคืน และการสืบค้น
เสร็จสินสมบูรณ์
6.2) ไม่ตรงกับความต้องการ ถือว่าประสบความล้มเหลวในการค้นคืน และต้องดำเนิน
6.2.1.1) ถูกต้อง ก็แสดงว่าการสืบค้นเสร็จสินสมบูรณ์
6.2.1.2) ไม่ถูกต้องจะต้องเริ่มต้นการสืบค้นใหม่อีก
องค์ประกอบทั้ง 3 ส่วนของระบบค้นคืน
สารสนเทศ คือทรัพยากร ผู้ใช้ และการจับคู่ ร่วมกัน
ดำเนินการในกระบวนการค้นคืนสารสนเทศโดยผู้ใช้
ซึ่งมีความต้องการสารสนเทศกำหนดคำค้นแทน
ความต้องการสารสนเทศ ระบบการค้นคืนสารสนเทศ
ทำหน้าที่จับคู่ระหว่างคำค้นกับดรรชนีในเครื่องมือ
ช่วยค้นของทรัพยากรสารสนเทศ ผลที่ได้รับ
คือสารสนเทศที่ค้นคืนได้
ซึ่งหากการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน
อย่างถูกต้องและเหมาะสมแล้วสารสนเทศที่ค้นคืน
ได้ย่อมเกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้ด้วยเหตุนี้
การค้นคืนสารสนเทศจึงเป็นกระบวนการในการ
ค้นสารสนเทศของผู้ใช้ โดยมีเป้าหมายเพื่อชี้ หรือ
ระบุสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้
การค้นคืน (Retrieval) หมายถึง การได้รับสิ่งที่ต้องการกลับคืนมา การค้นคืนสารสนเทศ (Information retrieval) จึงเป็น การกระทำใด ๆ ที่คัดเลือกสารสนเทศจากแหล่งเก็บเพื่อทำให้ได้รับสารสนเทศตามที่ต้องการ ซึ่งอาจเป็นข้อมูล หรือ รายการเอกสารซึ่งบรรจุเนื้อหาที่ต้องการ การค้นคืนสารสนเทศมีความหมายเช่นเดียวกับการค้นวรรณกรรม (Literature searching) ซึ่งหมายถึง กระบวนการค้นเอกสาร เพื่อให้ได้เอกสารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หลักการสำคัญของการค้นคืนสารสนเทศ คือ การค้นหาและนำสารสนเทศที่ตรงตามความต้องการ ส่งให้แก่ผู้ใช้อย่างรวดเร็ว ทันการ ระบบใดก็ตามที่ได้รับการออกแบบเพื่ออำนวยความสะดวกในการค้นสิ่งพิมพ์ จึงเรียกว่า ระบบค้นคืนสารสนเทศ ตัวอย่างเช่น บัตรรายการ สิ่งพิมพ์ดรรชนี เป็นต้น
ความรู้ไม่สามารถถ่ายทอดจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่งโดยตรง เสมอไป จึงต้องมีแหล่งเก็บรวบรวมความรู้ คือ ระบบสารสนเทศ ซึ่งเป็นระบบที่ทำหน้าที่รวบรวม จัดเก็บ และนำสารสนเทศไปใช้ในองค์กร ระบบทำหน้าที่เป็นช่องทาง (Channel) ของสารสนเทศ ระบบประกอบด้วยคน ครุภัณฑ์ และกระบวนการ บ่อยครั้งที่คนมักคิดคงระบบสารสนเทศว่าประกอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์และมีฐาน ข้อมูล (Databases) จัดเก็บสารสนเทศเท่านั้น โดยลืมนึกถึง คน ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมสารสนเทศจากแหล่งต่าง ๆ และจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล
ารค้น คืน ( retrieve ) หมาย ถึงการได้รับสิ่งที่ต้องการกลับคืนมา การค้นคืนสารสนเทศ (information retrieval) จึงเป็นการการกระทำใดๆ ที่ให้ได้รับสารนิเทศที่ต้องการ ซึ่งอาจเป็นข้อมูลหรือรายการเอกสารซึ่งบรรจุเนื้อหาที่ต้องการ และส่งให้กับผู้รับอย่างรวดเร็ว
ระบบค้นคืนสารสนเทศ หมายถึง ระบบที่ได้รับการออกแบบเพื่อวัตถุประสงค์ในการค้นคืนสารสนเทศที่จัดเก็บอยู่ ในระบบนั้น ซึ่งอาจค้นโดยแรงงานคน หรือคอมพิวเตอร์ก็ได้
หน้าที่ของระบบการค้นคืน สารสนเทศ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการติดตามสารนิเทศใหม่ๆ ซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้น ระบบสารสนเทศจะช่วยค้น คัดเลือก และกล่นกรองสารนิเทศที่เกี่ยวของ เพื่อการใช้ประโยชน์ต่อไป ใน ทัศนของ Lancaster ระบบสารสนเทศมีหน้าที่จัดหา จัดระเบียบและควบคุมเพื่อให้มีการเข้าถึงสารนิเทศ
สรุปก็ คือคือ ระบบการค้นคืนสารนิเทคือ ระบบสารนิเทศที่ทำหน้าที่นำ เสนอและแจกจ่ายสารนิเทศแก่ผู้ที่ต้องการ ซึ่งระบบสารนิเทศประกอบด้วยระบบการดำเนินงานย่อยๆ 5 ระบบ คือ
1. การคัดเลือก เป็นการการรวบรวมสารนิเทศตามเกณฑ์และ นโยบายที่กำหนดไว้ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้
2. การวิเคราะห์เอกสาร ได้แก่การจัดหมวดหมู่ การจัดทำรายการ การทำดรรชนี และการทำสารสังเขป
3. การจัดระเบียบ ในระบบสารนิเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผล จะมีการจัดระเบียบแฟ้มข้อมูล โดยทั่วไปจะเรียงลำดับเลขทะเบียน
4. การค้นคืน เป็นกระบวนการสำคัญในการประเมินศักยภาพของระบบสารนิเทศ เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นคืน online เพื่อให้ตอบสนองความต้อง การของผู้ใช้บริการ คือ ขั้นตอนการวิเคราะห์แนวคิด และขั้น ตอนการกำหนดศัพท์ หลังจากนั้นก็นำคำศัพท์ไปดำเนินการค้น ถ้าคำศัพท์ตรงกับดรรชนีคำค้นของเอกสารนั้น จะได้รับเอกสารจำนวนหนึ่ง หรือผู้ค้นจะทำการปรับปรุงเอกสารให้เป็นที่พอใจของผู้ใช้บริการ
5. การแจกจ่าย เป็นการนำส่งผลการค้นคืนให้แก่ผู้ใช้ ที่มีความต้องการเอกสารเอกสารในเรื่องนั้นๆ โดยทั่วไปคือ รายการอ้างอิงทางบรรณานุกรม โดยการสืบค้นสารสนเทศจะสิ้นสุดเมื่อผู้สืบค้นสารสนเทศได้รับเอกสารเหล่านั้น เรียบร้อยแล้ว องค์ประกอบเหล่านี้เป็นเป็นกิจกรรมทางสติปัญญาซึ่งดำเนินการโดยคน มิใช่เครื่องจักร หรือเรียบอีกนัยหนึ่งว่า ประสิทธิภาพของระบบค้นคืนสารนิเทศ จึงขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ สามารถจำแนกได้ 2 กลุ่มก็คือ
- องค์ประกอบด้านฐานข้อมูล คือเอกสารที่จัดเก็บความละเอียดของดรรชนี ความเพียงพอของคำศัพท์ ในระบบที่ใช้แทนเนื้อหาของเอกสาร
- องค์ประกอบด้านการใช้ระบบ คือ ความเข้าใจของนักเอกสารสนเทศ ในเรื่องความต้องการของผู้ใช้
รูแบบของระบบค้นคืนสารนิเทศระบบค้นคืนสารนิเทศสามารถแบ่งได้ 3 ประเภทคือ
1. ระบบค้นคืนที่ให้คำถาม – คำตอบ เป็นการบริการค้นคำตอบสำหรับคำถามที่ต้องการคำตอบ ที่เป็นข้อเท็จจริง
2. ระบบค้นคืนที่ให้ข้อมูลเป็นตัวเลข คือ สัญญาลักษณ์ เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลทางฟิสิกส์ เคมี สำะโนประชากร เป็นต้น
3. ระบบค้นคืนข้อความจากวารสาร เป็นระบบที่จัดเก็บตัวเนื้อหาเอกสารและสามารถเรียกข้อความส่วนใดส่วนหนึ่ง ของเอกสารได้ เช่น ฐานข้อมูลทางกฎหมาย เป็นต้น
บริการค้นคืนระบบโอแพ็กระบบโอแพ็ก คือ ระบบการค้นหารายการทรัพยากรสารนิเทศด้วยระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ จะใช้เครื่องปลายทางเป็นเครื่องมือค้นหารายการสารนิเทศที่ต้องการ โดยใช้โปรแกรมสำเร็จ หรือโปรแกรมการจัดการฐานข้อมูลในระยะบบห้องสมุดอัตโนมัติ
ปัจจุบัน ระบบโอแพ็กได้ใช้ในโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลใน 3 รูปแบบคือ
1. โปรแกรมสำเร็จที่มีหน่วยงาน องค์กรบริบัษต่างๆที่พัฒนาขึ้นมาใช้แล้วเช่นโปรแกรม ซีดีเอส/ไอซีส ดีเบส ฟอกซ์เบส และบี อาร์เอส
2. เขียนโปรแกรมเฉพาะแห่งโดยใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ ภาษาภาษี
3. โปรแกรมห้องสมุดอัตโนมัติ หรือโปรแกรมสำเร็จพร้อมใช้งานในระบบบูรณาการ หรือเรียกทั่วไปว่าระบบเทิร์นคีย์ เช่น URICA VTLS TINLIB เป็นต้น
ประโยชน์ ของการค้นคืนระบบโอแพ็ก
- ผู้ ค้นสามารถค้นรายการสารนิเทศที่ต้องการได้มากวิธีกว่าการค้นคืนจากบัตรรายการ ซึ่งจำกัดการเข้าถึงสารนิเทศด้วยช่อผู้แต่ง ชื่อเรื่อง หัวเรื่อง ในระบบโอแพ็กผู้ค้นสามารถค้นได้จขากดรรชนีหลายประเภท เช่น สามารถค้นได้จากหลักการประสานคำที่เรียกว่า ลัก บลูลีน Boolean หรือ ค้นคำจากเขตข้อมูล เฉพาะที่ต้องการได้เช่น เขตข้อมูลปีที่พิมพ์ หมายเลขมาตรฐาน หนังสือสากล เลขเรียกหนังสือ หรือค้นจากคำสำคัญอื่นๆ
- ทำให้ได้รับความสะดวกค้นคืนรายการสารนิเทศได้ถูกต้อง แม่นยำ และเป็นระบบที่ใช้ง่าย
- เป็นระบบที่ช่วยกระตุ้นและส่งเสริมให้ผู้ใช้เกิดความต้องการใช้ ทรัพยากรสารนิเทศอย่างคุ้มค่า เนื่องจากความง่ายและสะดวกในการเข้าถึง
- ผู้ใช้สามารถค้นคืนรายการทรัพยากรสารนิเทศจากสถานที่ๆตนสะดวก หากมีการใช้ระบบเชื่อมโยงเครื่องปลายทางไปยังสถาบันบริการสารนิเทศที่ให้ บริการค้นคืนระบบโอแพ็ก
- สามารถเชื่อมโยงไปยังรายการทรัพยากรสารนิเทศกับระบบโอแพ็กของ สถาบันบริการอื่นๆทั้งในประเทศและต่างประเทศระบบเครือข่าย
ลักษณะการค้นคืนระบบโอแพ็กผู้ใช้สามารถใช้ระบบเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหา สารนิเทศ ในสถาบันบริการแห่งหนึ่ง เช่นเดียวกับการใช้บัตรรายการ โดย ทั่วไปผู้ใช้สามารถเลือกค้นได้จากคำหรือวิธีต่างๆดังต่อไปนี้
- ค้นคืนโดยใช้ชื่อผู้แต่ง - ค้นคืนโดยใช้คำสำคัญ
- ค้นคืนโดยใช้ชื่อเรื่อง - ค้น คืนโดยใช้วลี
- ค้นคืนโดยใช้หัวเรื่อง - ค้น คืนโดยใช้คำในดรรชนี
- ค้นคืนโดยใช้เลขหมู่ - ค้น คืนโดยใช้การตัดคำ
- ค้นคืนโดยการจำกัดคำค้นในเขตข้อมูลที่ต้องการ
- ค้นคืนโดยวิธีไล่ดูรายการตามลำดับระเบียน
บริการบนอินเตอร์เน็ตอินเตอร์ เน็ตไดรับความนิยมเนื่องมาจากการใช้บิการทางอินเตอร์เน็ตเป็นไปอย่างรวดเร็ว สะดวกในการติดต่อสื่อสารและส่งผ่านข้อมูลและสารสนเทศ
บริการต่างๆในอินเตอร์เน็ต เป็นที่รู้จักและนิยมใช้กันอย่างกว้างขวาง แยกออกเป็น4 ลักษณะดังนี้
1. บริการถ่ายโอนแฟ้ม หรือเรียกย่อๆ ว่า FPT เป็นบริการที่ช่วยให้ การติดต่อและถ่ายโอน หรือคัดลอกแฟ้มข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์จากเครื่องหนึ่งไปอีกเครื่อง หนึ่งที่เชื่อมต่ออยู่ในอินเตอร์เน็ต ทีร่บริการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลที่อยู่ระยะไกลhttp://www.maceducation.com/e-knowledge/2418102100/13.htm
องค์ประกอบของการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ
การจัดเก็บและการค้นคืน (knowledge storage and retrieval) องค์กรต้องกำหนดสิ่งสำคัญที่จะเก็บไว้เป็นองค์ความรู้ และต้องพิจารณาถึงวิธีการในการรักษา และการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ตามความต้องการ องค์กรต้องเก็บรักษาสิ่งที่องค์กรเรียกว่าเป็นความรู้ไว้ให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสารสนเทศ ตลอดจนผลสะท้อนกลับ การวิจัยและ การทดลอง การจัดเก็บเกี่ยวกับด้านเทคนิค เช่น การบันทึกเป็นฐานข้อมูล หรือการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน รวมทั้งที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางมนุษย์ด้วย เช่น การสร้างและการจดจำของปัจเจกบุคคล เป็นต้น ทั้งนี้การสะสมความรู้ องค์กรควรคำนึงถึง โครงสร้างการจัดเก็บความรู้ ควรเป็นระบบที่สามารถค้นหาและส่งมอบได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ทันเวลาและเหมาะสมกับความต้องการ และจัดให้มีการจำแนกรายการต่าง ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานความจำเป็นในการเรียนรู้ องค์กรต้องพิจารณาความแตกต่างของกลุ่มคนในการค้นคืนความรู้ ต้องมีการจัดหมวดหมู่ตามองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ตามวัตถุประสงค์ของงาน ความชำนาญของผู้ใช้ เป็นต้น และองค์กรต้องหาวิธีทำให้พนักงานทราบถึงช่องทางหรือวิธีการสำหรับค้นหาความรู้ เช่น การทำสมุดจัดเก็บรายชื่อ และทักษะของผู้เชี่ยวชาญ เครือข่ายการทำงานตามลำดับชั้น การประชุม การฝึกอบรม เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การถ่ายทอดความรู้ในองค์กร
การค้นสารสนเทศโดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้สารสนเทศที่ตรงกับความต้องการนั้น ต้องอาศัยกระบวนการสำคัญอย่างหนึ่งช่วยดึงสารสนเทศเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้ออกมาจากที่จัดเก็บกระบวนการดังกล่าว คือ การค้นคืนสารสนเทศ (Information retrieval) หมายถึง กระบวนการในการค้นสารสนเทศโดยมีเป้าหมายเพื่อชี้หรือระบุสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ กระบวนการค้นสารสนเทศจะดำเนินไปได้จนบรรลุเป้าหมายนั้น ต้องอาศัยทรัพยากรสารสนเทศที่ได้รวบรวม จัดเก็บและจัดทำเครื่องมือช่วยค้นอย่างเป็นระบบเอื้อต่อการค้น ต้องมีผู้ใช้ซึ่งมีความต้องการสารสนเทศ และทำการค้นสารสนเทศตามที่ต้องการ ในขณะที่ผู้ใช้ค้นสารสนเทศนั้นกระบวนการค้นคืนสารสนเทศจะจับคู่ระหว่างความต้องการ สารสนเทศของผู้ใช้กับทรัพยากรสารสนเทศทรัพยากรสารสนเทศส่วนหนึ่งที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้จะถูกจำแนกออกจากทรัพยากรทั้งหมด เป็นสารสนเทศที่ค้นคืนได้ (retrieved information)
ความสำคัญของการค้นคืนสารสนเทศ
ในยุคที่สารสนเทศมีจำนวนมาก มีความหลากหลายทั้งด้านรูปแบบและเนื้อหา เนื่องมาจากการศึกษาและวิทยาการต่าง ๆ ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และสารสนเทศเหล่านี้อยู่กระจัดกระจายตามองค์กรและสถาบันต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก การค้นคืนสารสนเทศจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการเข้าถึงและได้สารสนเทศที่ต้องการ
การค้นคืนสารเทศ ช่วยให้มนุษย์ได้รับสารสนเทศที่ต้องการ อย่างถูกต้อง ครอบคลุม สะดวกและรวดเร็วการได้รับสารสนเทศที่ถูกต้อง ครอบคลุมและทันเวลาย่อมส่งผลต่อความสำเร็จในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาค้นคว้า วิจัย ปฏิบัติงาน วางแผน หรือตัดสินใจ
องค์ประกอบของการค้นคืนสารสนเทศ
องค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วน คือ
1. ทรัพยากรสารสนเทศ
2. ผู้ใช้
3. การจับคู่ระหว่างความต้องการสารสนเทศของผู้ใช้กับทรัพยากรสารสนเทศ
1. ทรัพยากรสารสนเทศ ระบบค้นคืนสารสนเทศจะต้องรวบรวมและจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศสำหรับผู้ใช้โดยคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ และทำเครื่องมือช่วยค้น
1.1 การคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ
ต้องคัดเลือกสารสนเทศที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ หรือเกิดประโยชน์ แก่ผู้ใช้ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายของหน่วยงานนั้นๆ เช่น กลุ่มผู้ใช้เป็นนักธุรกิจ นักการเมืองสิสิต นักศึกษา นักเรียน หรือผู้บริหาร เป็นต้น
1.2 การทำเครื่องมือช่วยค้น
หลังจากคัดเลือกแล้ว จะต้องดำเนินการเพื่อให้ค้นคืนได้ โดยการทำเครื่องมือช่วยค้น ซึ่งมีหลายประเภท เช่น รวมรายการทรัพยากรสารสนเทศ หรือนิยมเรียกว่า แค็ตตาล็อก (catalogue หรือ catalog) และดรรชนีวารสาร
2. ผู้ใช้
ความต้องการสารสนเทศของผู้ใช้นั้นจำแนกได้เป็น 2 ลักษณะคือ
2.1. ผู้ใช้ทราบบางส่วนของสารสนเทศ เช่น ชื่อผู้แต่ง หรือ ชื่อเรื่องแล้ว
2.2. ต้องการสารสนเทศที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
3.การจับคู่
การจับคู่ เป็นการเปรียบเทียบคำค้นที่แทนความต้องการของผู้ใช้ กับดรรชนีในเครื่องมือช่วยค้น หากศัพท์ทั้ง 2 กลุ่มนี้ตรงกันทรัพยากรสารสนเทศเหล่านี้จะถูกรวบรวมเป็นสารสนเทศที่ค้นคืนได้หรือผลลัพธ์จากการค้นคืน ซึ่งผู้ใช้ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าตรงกับความต้องการหรือไม่ การจับคู่เป็นหน้าที่ของระบบค้นคืนสารสนเทศในขณะที่การป้อนคำค้นเข้าสู่ระบบค้นคืนสารสนเทศเป็นหน้าที่ของผู้ใช้ การป้อนคำค้นเข้าสู่ระบบนั้น ผู้ใช้ต้องเลือกใช้คำสั่งเพื่อการค้นคืนของระบบค้นคืนซึ่งในแต่ละระบบมีลักษณะแตกต่างกันไป
องค์ประกอบทั้ง 3 ส่วนของระบบค้นคืนสารสนเทศ คือทรัพยากร ผู้ใช้ และการจับคู่ ร่วมกันดำเนินการในกระบวนการค้นคืนสารสนเทศโดยผู้ใช้ซึ่งมีความต้องการสารสนเทศกำหนดคำค้นแทนความต้องการสารสนเทศ ระบบการค้นคืนสารสนเทศทำหน้าที่จับคู่ระหว่างคำค้นกับดรรชนีในเครื่องมือช่วยค้นของทรัพยากรสารสนเทศ ผลที่ได้รับคือสารสนเทศที่ค้นคืนได้ ซึ่งหากการดำเนินการในแต่ละขั้นตอนอย่างถูกต้องและเหมาะสมแล้วสารสนเทศที่ค้นคืนได้ย่อมเกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้ด้วยเหตุนี้ การค้นคืนสารสนเทศจึงเป็นกระบวนการในการค้นสารสนเทศของผู้ใช้ โดยมีเป้าหมายเพื่อชี้ หรือระบุสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้
ที่มา
http://www.kmi.trf.or.th/document/aboutKM/abount.KM.pdf
องค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วน คือ
1.ทรัพยากรสารสนเทศ
2.ผู้ใช้
3.การจับคู่ระหว่างความต้องการสารสนเทศของผู้ใช้กับทรัพยากรสารสนเทศ
1. ทรัพยากรสารสนเทศ
ระบบค้นคืนสารสนเทศจะต้องรวบรวมและจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศสำหรับผู้ใช้โดยคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ และทำเครื่องมือช่วยค้น
1.1 การคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ
1.2 การทำเครื่องมือช่วยค้น
1.1 การคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ
ต้องคัดเลือกสารสนเทศที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ หรือเกิดประโยชน์ แก่ผู้ใช้
ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายของหน่วยงานนั้นๆ เช่น กลุ่มผู้ใช้เป็นนักธุรกิจ นักการเมือง
สิสิต นักศึกษา นักเรียน หรือผู้บริหาร เป็นต้น
1.2 การทำเครื่องมือช่วยค้น
หลังจากคัดเลือกแล้ว จะต้องดำเนินการเพื่อให้ค้นคืนได้ โดยการทำเครื่องมือช่วยค้น ซึ่งมีหลายประเภท เช่น รวมรายการทรัพยากรสารสนเทศ หรือนิยมเรียกว่า แค็ตตาล็อก
(catalogue หรือ catalog) และดรรชนีวารสาร
2. ผู้ใช้
ความต้องการสารสนเทศของผู้ใช้นั้นจำแนกได้เป็น 2 ลักษณะคือ
1. ผู้ใช้ทราบบางส่วนของสารสนเทศ เช่น ชื่อผู้แต่ง หรือ ชื่อเรื่องแล้ว
2. ต้องการสารสนเทศที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
3.การจับคู่
การจับคู่ เป็นการเปรียบเทียบคำค้นที่แทนความต้องการของผู้ใช้ กับดรรชนีในเครื่องมือ
ช่วยค้น หากศัพท์ทั้ง 2 กลุ่มนี้ตรงกันทรัพยากรสารสนเทศเหล่านี้จะถูกรวบรวมเป็นสารสนเทศ
ที่ค้นคืนได้หรือผลลัพธ์จากการค้นคืน ซึ่งผู้ใช้ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าตรงกับความต้องการหรือไม่
การจับคู่เป็นหน้าที่ของระบบค้นคืนสารสนเทศในขณะที่การป้อนคำค้นเข้าสู่ระบบค้นคืนสารสนเทศเป็นหน้าที่ของผู้ใช้ การป้อนคำค้นเข้าสู่ระบบนั้น ผู้ใช้ต้องเลือกใช้คำสั่งเพื่อการค้นคืนของระบบค้นคืนซึ่งในแต่ละระบบมีลักษณะแตกต่างกันไป การค้นสารสนเทศโดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้สารสนเทศที่ตรงกับความต้องการนั้น ต้องอาศัยกระบวนการสำคัญอย่างหนึ่งช่วยดึงสารสนเทศเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความต้องการ ของผู้ใช้ออกมาจากที่จัดเก็บกระบวนการดังกล่าว คือ การค้นคืนสารสนเทศ (Information retrieval) หมายถึง กระบวนการในการค้นสารสนเทศโดยมีเป้าหมายเพื่อชี้หรือระบุสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะกระบวนการค้นสารสนเทศจะดำเนิน ไปได้จนบรรลุเป้าหมายนั้น ต้องอาศัยทรัพยากรสารสนเทศที่ได้รวบรวม จัดเก็บและ จัดทำเครื่องมือช่วยค้นอย่างเป็นระบบเอื้อต่อการค้น ต้องมีผู้ใช้ซึ่งมีความต้องการสารสนเทศ และทำการค้นสารสนเทศตามที่ต้องการในขณะที่ผู้ใช้ค้นสารสนเทศนั้นกระบวนการค้นคืนสารสนเทศจะจับคู่ระหว่างความต้องการสารสนเทศของผู้ใช้กับทรัพยากรสารสนเทศทรัพยากรสารสนเทศส่วนหนึ่งที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้จะถูกจำแนกออกจากทรัพยากรทั้งหมดเป็นสารสนเทศที่ค้นคืนได้ (retrieved information)
-----------------------------------------ข้อ2
องค์ประกอบของการจัดเก็บสารสนเทศ
ในระบบสารสนเทศประกอบด้วยงานหลัก 4 ประการคือ การนำข้อมูล สารสนเทศเข้าสู่ระบบ การประมวลผลสารสนเทศ การจัดเก็บสารสนเทศและการแสดงผลลัพธ์ที่นำไปใช้ได้ตามที่ต้องการ
1. การนำข้อมูล : สารสนเทศเข้าสู่ระบบ : สามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การนำข้อมูลจากแหล่งข้อมูล (source data) เข้าสู่ระบบ ได้แก่ ใบรับเงินจากรายการที่สั่งซื้อ หรือ เป็นการเรียก ข้อมูลเก่า (ที่เคยบันทึกไว้แล้ว) เพื่อนำมาตรวจสอบ หรือเป็นการตอบรับหรือปฏิเสธจากหน้าจอ หรือเป็นการสั่งให้ทำงาน ได้แก่ สั่งให้ออกใบส่งของ หรือเป็นการส่งข้อความแก่ผู้ใช้คนอื่น ในระบบ รวมทั้งการปรับปรุงข้อมูลโดยเฉพาะการพิมพ์เอกสาร ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแปลงข้อความหรือแก้ไข ตัวเลขให้ถูกต้องได้
2. การประมวลผล : ในระบบสารสนเทศสามารถประมวลผลข้อมูล / สารสนเทศได้หลายวิธี ได้แก่ การจัดเรียงข้อมูล การเรียกใช้ข้อมูลที่จัดเก็บไว้แล้วและปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยขึ้น การสรุป สารสนเทศ การคัดเลือกสารสนเทศ (ได้แก่ เลือกรายชื่อลูกค้าที่ใช้บริการมานานกว่า 5 ปี) รวมทั้งการคำนวณทางคณิตศาสตร์และการเปรียบเทียบทางตรรกะ
3. การจัดเก็บสารสนเทศ : ระบบสารสนเทศปัจจุบันสามารถจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศ ทั้งที่อยู่ในรูปของตัวเลข ตัวอักษร สัญลักษณ์ต่าง ๆ และภาพประกอบ ได้แก่ กราฟิก ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และ เสียง ไว้ในรูปของฐานข้อมูลและ Web base รวมทั้งฐานความรู้ (Knowledge base)
4. การแสดงผลลัพธ์ : ผลลัพธ์จากระบบสารสนเทศที่ออกมาในรูปของรายงานเอกสารทุกประเภท เรียกว่า hard copy ส่วน soft copy เป็นการแสดงผลบนหน้าจอภาพหรือระบบ เสียง รวมทั้งคำสั่งที่ใช้ควบคุมหุ่นยนต์หรือการทำงานในระบบอัตโนมัติต่าง
ระบบสารสนเทศสามารถจัดการได้เป็น 2 รูปแบบคือ
2. จัดการในรูปของระบบผสมผสานเบ็ดเสร็จหรือบูรณาการ (Integrated System) นั่นคือ ข้อมูลสารสนเทศจะถูกจัดเป็นฐานข้อมูลที่สามารถเข้าถึงและแลกเปลี่ยนระหว่างหน่วยงานตามหน้าที่ต่างๆ 2. Transaction-oriented processing คือ การประมวลผลข้อมูลทุกครั้งที่มีการส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบ ตัวอย่างเช่น การสั่งซื้อสินค้าทุกครั้งที่มีลูกค้าสั่งซื้อ (ในเวลาทำการ) ข้อมูลลูกค้าและรายการสินค้าที่สั่งจะถูกส่งเข้าสู่ระบบเพื่อประมวลผล ได้แก่ เปรียบเทียบจำนวนสินค้าในโกดัง ตรวจสอบราคา และตอบลูกค้าได้ทันทีว่าสินค้าที่สั่งนั้นมีหรือไม่ ส่งแล้วหรือรอส่งของจากผู้ผลิต จำนวนเงิน วันกำหนดส่ง เป็นต้น เป็นการตอบรับทันที ไม่เหมือน batch processing ที่จะต้องรอรวบรวมข้อมูลก่อน องค์ประกอบของการค้นคืนสารสนเทศ
การนำข้อมูลเข้าสู่ระบบสารสนเทศ
การที่เราสร้างระบบสารสนเทศก็เพื่อจะเรียกใช้ สารสนเทศที่ต้องการอย่างถูกต้องและรวดเร็ว ดังนั้นเมื่อมีระบบฐานข้อมูลช่วยจัดการข้อมูล / สารสนเทศ ให้อยู่ในระบบระเบียบง่ายแก่การเข้าถึงแล้ว เรายังสามารถเพิ่มเติมแก้ไขข้อมูลได้ตามวัตถุประสงค์ของธุรกิจนั้น การเพิ่มเติมแก้ไขข้อมูลในที่นี้ คือการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบสารสนเทศ (data entry) ผู้ใช้สามารถส่งผ่านทาง terminal ที่เป็นเครื่อง PC ของระบบ สารสนเทศและประมวลผลข้อมูลและประมวลผลข้อมูลได้ 2 วิธี คือวามสัมพันธ์กัน
องค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วน คือ
1. ทรัพยากรสารสนเทศ
2. ผู้ใช้
3. การจับคู่ระหว่างความต้องการสารสนเทศ ของผู้ใช้กับทรัพยากรสารสนเทศ
1. ทรัพยากรสารสนเทศ
ระบบค้นคืนสารสนเทศจะต้องรวบรวมและจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศสำหรับผู้ใช้โดยคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ และทำเครื่องมือช่วยค้น
1.1 การคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ
1.2 การทำเครื่องมือช่วยค้น
1.1 การคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ ต้องคัดเลือกสารสนเทศที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ หรือเกิดประโยชน์ แก่ผู้ใช้ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายของหน่วยงานนั้นๆ เช่น กลุ่มผู้ใช้เป็นนักธุรกิจ นักการเมือง นิสิต นักศึกษา นักเรียน หรือผู้บริหาร เป็นต้น
1.2 การทำเครื่องมือช่วยค้น หลังจากคัดเลือกแล้ว จะต้องดำเนินการเพื่อให้ค้นคืนได้ โดยการทำเครื่องมือช่วยค้น ซึ่งมีหลายประเภท เช่น รวมรายการทรัพยากรสารสนเทศ หรือนิยมเรียกว่า แค็ตตาล็อก
(catalogue หรือ catalog) และดรรชนีวารสาร
2. ผู้ใช้
ความต้องการสารสนเทศของผู้ใช้นั้นจำแนกได้เป็น 2 ลักษณะคือ
1. ผู้ใช้ทราบบางส่วนของสารสนเทศ เช่น ชื่อผู้แต่ง หรือ ชื่อเรื่องแล้ว
2. ต้องการสารสนเทศที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
3.การจับคู่
การจับคู่ เป็นการเปรียบเทียบคำค้นที่แทนความต้องการของผู้ใช้ กับดรรชนีในเครื่องมือช่วยค้น หากศัพท์ทั้ง 2 กลุ่มนี้ตรงกันทรัพยากรสารสนเทศเหล่านี้จะถูกรวบรวมเป็นสารสนเทศที่ค้นคืนได้หรือผลลัพธ์จากการค้นคืน ซึ่งผู้ใช้ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าตรงกับความต้องการหรือไม่ การจับคู่เป็นหน้าที่ของระบบค้นคืนสารสนเทศในขณะที่การป้อนคำค้นเข้าสู่ระบบค้นคืนสารสนเทศเป็นหน้าที่ของผู้ใช้ การป้อนคำค้นเข้าสู่ระบบนั้น ผู้ใช้ต้องเลือกใช้คำสั่งเพื่อการค้นคืนของระบบค้นคืนซึ่งในแต่ละระบบมีลักษณะแตกต่างกันไป
องค์ประกอบทั้ง 3 ส่วนของระบบค้นคืนสารสนเทศ คือทรัพยากร ผู้ใช้ และการจับคู่ ร่วมกันดำเนินการในกระบวนการค้นคืนสารสนเทศโดยผู้ใช้ซึ่งมีความต้องการสารสนเทศกำหนดคำค้นแทนความต้องการสารสนเทศ ระบบการค้นคืนสารสนเทศทำหน้าที่จับคู่ระหว่างคำค้นกับดรรชนีในเครื่องมือช่วยค้นของทรัพยากรสารสนเทศ ผลที่ได้รับคือสารสนเทศที่ค้นคืนได้ ซึ่งหากการดำเนินการในแต่ละขั้นตอนอย่างถูกต้องและเหมาะสมแล้วสารสนเทศที่ค้นคืนได้ย่อมเกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้ด้วยเหตุนี้ การค้นคืนสารสนเทศจึงเป็นกระบวนการในการค้นสารสนเทศของผู้ใช้ โดยมีเป้าหมายเพื่อชี้ หรือระบุสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้
ที่มา: http://seashore.buu.ac.th/~50124473/245271/.../google-week01.ppt
http://jittpanyaphong.tripod.com/Page3.html
ระบบค้นคืนสารสนเทศ
หมายถึง ระบบที่ได้รับการออกแบบเพื่อวัตถุประสงค์ในการค้นคืนสารสนเทศที่จัดเก็บอยู่ในระบบนั้น ซึ่งอาจค้นโดยแรงงานคน หรือคอมพิวเตอร์ก็ได้
หน้าที่ของระบบการค้นคืนสารสนเทศ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการติดตามสารนิเทศใหม่ๆ ซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้น ระบบสารสนเทศจะช่วยค้น คัดเลือก และกล่นกรองสารนิเทศที่เกี่ยวของ เพื่อการใช้ประโยชน์ต่อไป ในทัศนของ Lancaster ระบบสารสนเทศมีหน้าที่จัดหา จัดระเบียบและควบคุมเพื่อให้มีการเข้าถึงสารนิเทศ สรุป ระบบการค้นคืนสารสนเทศระบบ คือ สารนิเทศที่ทำหน้าที่นำเสนอและแจกจ่ายสารนิเทศแก่ผู้ที่ต้องการ ซึ่งระบบสารนิเทศประกอบด้วยระบบการดำเนินงานย่อยๆ 5 ระบบ คือ 1. การคัดเลือก เป็นการการรวบรวมสารนิเทศตามเกณฑ์และนโยบายที่กำหนดไว้ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้ 2. การวิเคราะห์เอกสาร ได้แก่การจัดหมวดหมู่ การจัดทำรายการ การทำดรรชนี และการทำสารสังเขป รูปแบบของระบบค้นคืนสารนิเทศ ระบบค้นคืนสารนิเทศสามารถแบ่งได้ 3 ประเภทคือ 1. ระบบค้นคืนที่ให้คำถาม – คำตอบ เป็นการบริการค้นคำตอบสำหรับคำถามที่ต้องการคำตอบ ที่เป็นข้อเท็จจริง 2. ระบบค้นคืนที่ให้ข้อมูลเป็นตัวเลข คือ สัญญาลักษณ์ เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลทางฟิสิกส์ เคมี สำมะโนประชากร เป็นต้น 3. ระบบค้นคืนข้อความจากวารสาร เป็นระบบที่จัดเก็บตัวเนื้อหาเอกสารและสามารถเรียกข้อความส่วนใดส่วนหนึ่งของเอกสารได้ เช่น ฐานข้อมูลทางกฎหมาย เป็นต้น 1. ทรัพยากรสารสนเทศ 2. ผู้ใช้ 3. การจับคู่ระหว่างความต้องการสารสนเทศ ของผู้ใช้กับทรัพยากรสารสนเทศ 1. ทรัพยากรสารสนเทศ ระบบค้นคืนสารสนเทศจะต้องรวบรวมและจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศสำหรับผู้ใช้โดยคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ และทำเครื่องมือช่วยค้น 1.1 การคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ 1.1 การคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ ต้องคัดเลือกสารสนเทศที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ หรือเกิดประโยชน์ แก่ผู้ใช้ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายของหน่วยงานนั้นๆ เช่น กลุ่มผู้ใช้เป็นนักธุรกิจ นักการเมือง นิสิต นักศึกษา นักเรียน หรือผู้บริหาร เป็นต้น 1.2 การทำเครื่องมือช่วยค้น หลังจากคัดเลือกแล้ว จะต้องดำเนินการเพื่อให้ค้นคืนได้ โดยการทำเครื่องมือช่วยค้น ซึ่งมีหลายประเภท เช่น รวมรายการทรัพยากรสารสนเทศ หรือนิยมเรียกว่า แค็ตตาล็อก (catalogue หรือ catalog) และดรรชนีวารสาร 2. ผู้ใช้ ความต้องการสารสนเทศของผู้ใช้นั้นจำแนได้เป็น 2 ลักษณะ คือ ต้องการสารสนเทศที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง 3.การจับคู่ การจับคู่ เป็นการเปรียบเทียบคำค้นที่แทนความต้องการของผู้ใช้ กับดรรชนีในเครื่องมือช่วยค้น หากศัพท์ทั้ง 2 กลุ่มนี้ตรงกันทรัพยากรสารสนเทศเหล่านี้จะถูกรวบรวมเป็นสารสนเทศที่ค้นคืนได้หรือผลลัพธ์จากการค้นคืน ซึ่งผู้ใช้ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าตรงกับความต้องการหรือไม่ การจับคู่เป็นหน้าที่ของระบบค้นคืนสารสนเทศในขณะที่การป้อนคำค้นเข้าสู่ระบบค้นคืนสารสนเทศเป็นหน้าที่ของผู้ใช้ การป้อนคำค้นเข้าสู่ระบบนั้น ผู้ใช้ต้องเลือกใช้คำสั่งเพื่อการค้นคืนของระบบค้นคืนซึ่งในแต่ละระบบมีลักษณะแตกต่างกันไป องค์ประกอบทั้ง 3 ส่วนของระบบค้นคืนสารสนเทศ คือทรัพยากร ผู้ใช้ และการจับคู่ ร่วมกันดำเนินการในกระบวนการค้นคืนสารสนเทศโดยผู้ใช้ซึ่งมีความต้องการสารสนเทศกำหนดคำค้นแทนความต้องการสารสนเทศ ระบบการค้นคืนสารสนเทศทำหน้าที่จับคู่ระหว่างคำค้นกับดรรชนีในเครื่องมือช่วยค้นของทรัพยากรสารสนเทศ ผลที่ได้รับคือสารสนเทศที่ค้นคืนได้ ซึ่งหากการดำเนินการในแต่ละขั้นตอนอย่างถูกต้องและเหมาะสมแล้วสารสนเทศที่ค้นคืนได้ย่อมเกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้ด้วยเหตุนี้ การค้นคืนสารสนเทศจึงเป็นกระบวนการในการค้นสารสนเทศของผู้ใช้ โดยมีเป้าหมายเพื่อชี้ หรือระบุสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้
3. การจัดระเบียบ ในระบบสารนิเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผล จะมีการจัดระเบียบแฟ้มข้อมูล โดยทั่วไปจะเรียงลำดับเลขทะเบียน
4. การค้นคืน เป็นกระบวนการสำคัญในการประเมินศักยภาพของระบบสารนิเทศ เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นคืน online เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ คือ ขั้นตอนการวิเคราะห์แนวคิด และขั้นตอนการกำหนดศัพท์ หลังจากนั้นก็นำคำศัพท์ไปดำเนินการค้น ถ้าคำศัพท์ตรงกับดรรชนีคำค้นของเอกสารนั้น จะได้รับเอกสารจำนวนหนึ่ง หรือผู้ค้นจะทำการปรับปรุงเอกสารให้เป็นที่พอใจของผู้ใช้บริการ
5. การแจกจ่าย เป็นการนำส่งผลการค้นคืนให้แก่ผู้ใช้ ที่มีความต้องการเอกสารเอกสารในเรื่องนั้นๆ โดยทั่วไปคือ รายการอ้างอิงทางบรรณานุกรม โดยการสืบค้นสารสนเทศจะสิ้นสุดเมื่อผู้สืบค้นสารสนเทศได้รับเอกสารเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว องค์ประกอบเหล่านี้เป็นเป็นกิจกรรมทางสติปัญญาซึ่งดำเนินการโดยคน มิใช่เครื่องจักร หรือเรียบอีกนัยหนึ่งว่า ประสิทธิภาพของระบบค้นคืนสารนิเทศ จึงขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ สามารถจำแนกได้ 2 กลุ่มก็คือ
- องค์ประกอบด้านฐานข้อมูล คือเอกสารที่จัดเก็บความละเอียดของดรรชนี ความเพียงพอของคำศัพท์ ในระบบที่ใช้แทนเนื้อหาของเอกสาร
- องค์ประกอบด้านการใช้ระบบ คือ ความเข้าใจของนักเอกสารสนเทศ ในเรื่องความต้องการของผู้ใช้
องค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วน คือ
1.2 การทำเครื่องมือช่วยค้น
http://stouis4.blogspot.com/2007/06/13703-1.html
http://planet.kapook.com/peebom/blog/viewnew/65121
ระบบค้นคืนสารสนเทศ
หมายถึง ระบบที่ได้รับการออกแบบเพื่อวัตถุประสงค์ในการค้นคืนสารสนเทศที่จัดเก็บอยู่ในระบบนั้น ซึ่งอาจค้นโดยแรงงานคน หรือคอมพิวเตอร์ก็ได้
หน้าที่ของระบบการค้นคืนสารสนเทศ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการติดตามสารนิเทศใหม่ๆ ซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้น ระบบสารสนเทศจะช่วยค้น คัดเลือก และกล่นกรองสารนิเทศที่เกี่ยวของ เพื่อการใช้ประโยชน์ต่อไป ในทัศนของ Lancaster ระบบสารสนเทศมีหน้าที่จัดหา จัดระเบียบและควบคุมเพื่อให้มีการเข้าถึงสารนิเทศ สรุป ระบบการค้นคืนสารสนเทศระบบ คือ สารนิเทศที่ทำหน้าที่นำเสนอและแจกจ่ายสารนิเทศแก่ผู้ที่ต้องการ ซึ่งระบบสารนิเทศประกอบด้วยระบบการดำเนินงานย่อยๆ 5 ระบบ คือ 1. การคัดเลือก เป็นการการรวบรวมสารนิเทศตามเกณฑ์และนโยบายที่กำหนดไว้ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้ 2. การวิเคราะห์เอกสาร ได้แก่การจัดหมวดหมู่ การจัดทำรายการ การทำดรรชนี และการทำสารสังเขป รูปแบบของระบบค้นคืนสารนิเทศ ระบบค้นคืนสารนิเทศสามารถแบ่งได้ 3 ประเภทคือ 1. ระบบค้นคืนที่ให้คำถาม – คำตอบ เป็นการบริการค้นคำตอบสำหรับคำถามที่ต้องการคำตอบ ที่เป็นข้อเท็จจริง 2. ระบบค้นคืนที่ให้ข้อมูลเป็นตัวเลข คือ สัญญาลักษณ์ เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลทางฟิสิกส์ เคมี สำมะโนประชากร เป็นต้น 3. ระบบค้นคืนข้อความจากวารสาร เป็นระบบที่จัดเก็บตัวเนื้อหาเอกสารและสามารถเรียกข้อความส่วนใดส่วนหนึ่งของเอกสารได้ เช่น ฐานข้อมูลทางกฎหมาย เป็นต้น 1. ทรัพยากรสารสนเทศ 2. ผู้ใช้ 3. การจับคู่ระหว่างความต้องการสารสนเทศ ของผู้ใช้กับทรัพยากรสารสนเทศ 1. ทรัพยากรสารสนเทศ ระบบค้นคืนสารสนเทศจะต้องรวบรวมและจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศสำหรับผู้ใช้โดยคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ และทำเครื่องมือช่วยค้น 1.1 การคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ 1.1 การคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ ต้องคัดเลือกสารสนเทศที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ หรือเกิดประโยชน์ แก่ผู้ใช้ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายของหน่วยงานนั้นๆ เช่น กลุ่มผู้ใช้เป็นนักธุรกิจ นักการเมือง นิสิต นักศึกษา นักเรียน หรือผู้บริหาร เป็นต้น 1.2 การทำเครื่องมือช่วยค้น หลังจากคัดเลือกแล้ว จะต้องดำเนินการเพื่อให้ค้นคืนได้ โดยการทำเครื่องมือช่วยค้น ซึ่งมีหลายประเภท เช่น รวมรายการทรัพยากรสารสนเทศ หรือนิยมเรียกว่า แค็ตตาล็อก (catalogue หรือ catalog) และดรรชนีวารสาร 2. ผู้ใช้ ความต้องการสารสนเทศของผู้ใช้นั้นจำแนได้เป็น 2 ลักษณะ คือ ต้องการสารสนเทศที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง 3.การจับคู่ การจับคู่ เป็นการเปรียบเทียบคำค้นที่แทนความต้องการของผู้ใช้ กับดรรชนีในเครื่องมือช่วยค้น หากศัพท์ทั้ง 2 กลุ่มนี้ตรงกันทรัพยากรสารสนเทศเหล่านี้จะถูกรวบรวมเป็นสารสนเทศที่ค้นคืนได้หรือผลลัพธ์จากการค้นคืน ซึ่งผู้ใช้ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าตรงกับความต้องการหรือไม่ การจับคู่เป็นหน้าที่ของระบบค้นคืนสารสนเทศในขณะที่การป้อนคำค้นเข้าสู่ระบบค้นคืนสารสนเทศเป็นหน้าที่ของผู้ใช้ การป้อนคำค้นเข้าสู่ระบบนั้น ผู้ใช้ต้องเลือกใช้คำสั่งเพื่อการค้นคืนของระบบค้นคืนซึ่งในแต่ละระบบมีลักษณะแตกต่างกันไป องค์ประกอบทั้ง 3 ส่วนของระบบค้นคืนสารสนเทศ คือทรัพยากร ผู้ใช้ และการจับคู่ ร่วมกันดำเนินการในกระบวนการค้นคืนสารสนเทศโดยผู้ใช้ซึ่งมีความต้องการสารสนเทศกำหนดคำค้นแทนความต้องการสารสนเทศ ระบบการค้นคืนสารสนเทศทำหน้าที่จับคู่ระหว่างคำค้นกับดรรชนีในเครื่องมือช่วยค้นของทรัพยากรสารสนเทศ ผลที่ได้รับคือสารสนเทศที่ค้นคืนได้ ซึ่งหากการดำเนินการในแต่ละขั้นตอนอย่างถูกต้องและเหมาะสมแล้วสารสนเทศที่ค้นคืนได้ย่อมเกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้ด้วยเหตุนี้ การค้นคืนสารสนเทศจึงเป็นกระบวนการในการค้นสารสนเทศของผู้ใช้ โดยมีเป้าหมายเพื่อชี้ หรือระบุสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้
3. การจัดระเบียบ ในระบบสารนิเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผล จะมีการจัดระเบียบแฟ้มข้อมูล โดยทั่วไปจะเรียงลำดับเลขทะเบียน
4. การค้นคืน เป็นกระบวนการสำคัญในการประเมินศักยภาพของระบบสารนิเทศ เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นคืน online เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ คือ ขั้นตอนการวิเคราะห์แนวคิด และขั้นตอนการกำหนดศัพท์ หลังจากนั้นก็นำคำศัพท์ไปดำเนินการค้น ถ้าคำศัพท์ตรงกับดรรชนีคำค้นของเอกสารนั้น จะได้รับเอกสารจำนวนหนึ่ง หรือผู้ค้นจะทำการปรับปรุงเอกสารให้เป็นที่พอใจของผู้ใช้บริการ
5. การแจกจ่าย เป็นการนำส่งผลการค้นคืนให้แก่ผู้ใช้ ที่มีความต้องการเอกสารเอกสารในเรื่องนั้นๆ โดยทั่วไปคือ รายการอ้างอิงทางบรรณานุกรม โดยการสืบค้นสารสนเทศจะสิ้นสุดเมื่อผู้สืบค้นสารสนเทศได้รับเอกสารเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว องค์ประกอบเหล่านี้เป็นเป็นกิจกรรมทางสติปัญญาซึ่งดำเนินการโดยคน มิใช่เครื่องจักร หรือเรียบอีกนัยหนึ่งว่า ประสิทธิภาพของระบบค้นคืนสารนิเทศ จึงขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ สามารถจำแนกได้ 2 กลุ่มก็คือ
- องค์ประกอบด้านฐานข้อมูล คือเอกสารที่จัดเก็บความละเอียดของดรรชนี ความเพียงพอของคำศัพท์ ในระบบที่ใช้แทนเนื้อหาของเอกสาร
- องค์ประกอบด้านการใช้ระบบ คือ ความเข้าใจของนักเอกสารสนเทศ ในเรื่องความต้องการของผู้ใช้
องค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วน คือ
1.2 การทำเครื่องมือช่วยค้น
http://stouis4.blogspot.com/2007/06/13703-1.html
http://planet.kapook.com/peebom/blog/viewnew/65121
องค์ประกอบของการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ
การจัดเก็บและการค้นคืน (knowledge storage and retrieval) องค์กรต้องกำหนดสิ่งสำคัญที่จะเก็บไว้เป็นองค์ความรู้ และต้องพิจารณาถึงวิธีการในการรักษา และการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ตามความต้องการ องค์กรต้องเก็บรักษาสิ่งที่องค์กรเรียกว่าเป็นความรู้ไว้ให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสารสนเทศ ตลอดจนผลสะท้อนกลับ การวิจัยและ การทดลอง การจัดเก็บเกี่ยวกับด้านเทคนิค เช่น การบันทึกเป็นฐานข้อมูล หรือการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน รวมทั้งที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางมนุษย์ด้วย เช่น การสร้างและการจดจำของปัจเจกบุคคล เป็นต้น ทั้งนี้การสะสมความรู้ องค์กรควรคำนึงถึง โครงสร้างการจัดเก็บความรู้ ควรเป็นระบบที่สามารถค้นหาและส่งมอบได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ทันเวลาและเหมาะสมกับความต้องการ และจัดให้มีการจำแนกรายการต่าง ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานความจำเป็นในการเรียนรู้ องค์กรต้องพิจารณาความแตกต่างของกลุ่มคนในการค้นคืนความรู้ ต้องมีการจัดหมวดหมู่ตามองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ตามวัตถุประสงค์ของงาน ความชำนาญของผู้ใช้ เป็นต้น และองค์กรต้องหาวิธีทำให้พนักงานทราบถึงช่องทางหรือวิธีการสำหรับค้นหาความรู้ เช่น การทำสมุดจัดเก็บรายชื่อ และทักษะของผู้เชี่ยวชาญ เครือข่ายการทำงานตามลำดับชั้น การประชุม การฝึกอบรม เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การถ่ายทอดความรู้ในองค์กร
การค้นสารสนเทศโดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้สารสนเทศที่ตรงกับความต้องการนั้น ต้องอาศัยกระบวนการสำคัญอย่างหนึ่งช่วยดึงสารสนเทศเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้ออกมาจากที่จัดเก็บกระบวนการดังกล่าว คือ การค้นคืนสารสนเทศ (Information retrieval) หมายถึง กระบวนการในการค้นสารสนเทศโดยมีเป้าหมายเพื่อชี้หรือระบุสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ กระบวนการค้นสารสนเทศจะดำเนินไปได้จนบรรลุเป้าหมายนั้น ต้องอาศัยทรัพยากรสารสนเทศที่ได้รวบรวม จัดเก็บและจัดทำเครื่องมือช่วยค้นอย่างเป็นระบบเอื้อต่อการค้น ต้องมีผู้ใช้ซึ่งมีความต้องการสารสนเทศ และทำการค้นสารสนเทศตามที่ต้องการ ในขณะที่ผู้ใช้ค้นสารสนเทศนั้นกระบวนการค้นคืนสารสนเทศจะจับคู่ระหว่างความต้องการ สารสนเทศของผู้ใช้กับทรัพยากรสารสนเทศทรัพยากรสารสนเทศส่วนหนึ่งที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้จะถูกจำแนกออกจากทรัพยากรทั้งหมด เป็นสารสนเทศที่ค้นคืนได้ (retrieved information)
ความสำคัญของการค้นคืนสารสนเทศ
ในยุคที่สารสนเทศมีจำนวนมาก มีความหลากหลายทั้งด้านรูปแบบและเนื้อหา เนื่องมาจากการศึกษาและวิทยาการต่าง ๆ ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และสารสนเทศเหล่านี้อยู่กระจัดกระจายตามองค์กรและสถาบันต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก การค้นคืนสารสนเทศจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการเข้าถึงและได้สารสนเทศที่ต้องการ
การค้นคืนสารเทศ ช่วยให้มนุษย์ได้รับสารสนเทศที่ต้องการ อย่างถูกต้อง ครอบคลุม สะดวกและรวดเร็วการได้รับสารสนเทศที่ถูกต้อง ครอบคลุมและทันเวลาย่อมส่งผลต่อความสำเร็จในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาค้นคว้า วิจัย ปฏิบัติงาน วางแผน หรือตัดสินใจ
องค์ประกอบของการค้นคืนสารสนเทศ
องค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วน คือ
1. ทรัพยากรสารสนเทศ
2. ผู้ใช้
3. การจับคู่ระหว่างความต้องการสารสนเทศของผู้ใช้กับทรัพยากรสารสนเทศ
1. ทรัพยากรสารสนเทศ ระบบค้นคืนสารสนเทศจะต้องรวบรวมและจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศสำหรับผู้ใช้โดยคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ และทำเครื่องมือช่วยค้น
1.1 การคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ
ต้องคัดเลือกสารสนเทศที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ หรือเกิดประโยชน์ แก่ผู้ใช้ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายของหน่วยงานนั้นๆ เช่น กลุ่มผู้ใช้เป็นนักธุรกิจ นักการเมืองสิสิต นักศึกษา นักเรียน หรือผู้บริหาร เป็นต้น
1.2 การทำเครื่องมือช่วยค้น
หลังจากคัดเลือกแล้ว จะต้องดำเนินการเพื่อให้ค้นคืนได้ โดยการทำเครื่องมือช่วยค้น ซึ่งมีหลายประเภท เช่น รวมรายการทรัพยากรสารสนเทศ หรือนิยมเรียกว่า แค็ตตาล็อก (catalogue หรือ catalog) และดรรชนีวารสาร
2. ผู้ใช้
ความต้องการสารสนเทศของผู้ใช้นั้นจำแนกได้เป็น 2 ลักษณะคือ
2.1. ผู้ใช้ทราบบางส่วนของสารสนเทศ เช่น ชื่อผู้แต่ง หรือ ชื่อเรื่องแล้ว
2.2. ต้องการสารสนเทศที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
3.การจับคู่
การจับคู่ เป็นการเปรียบเทียบคำค้นที่แทนความต้องการของผู้ใช้ กับดรรชนีในเครื่องมือช่วยค้น หากศัพท์ทั้ง 2 กลุ่มนี้ตรงกันทรัพยากรสารสนเทศเหล่านี้จะถูกรวบรวมเป็นสารสนเทศที่ค้นคืนได้หรือผลลัพธ์จากการค้นคืน ซึ่งผู้ใช้ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าตรงกับความต้องการหรือไม่ การจับคู่เป็นหน้าที่ของระบบค้นคืนสารสนเทศในขณะที่การป้อนคำค้นเข้าสู่ระบบค้นคืนสารสนเทศเป็นหน้าที่ของผู้ใช้ การป้อนคำค้นเข้าสู่ระบบนั้น ผู้ใช้ต้องเลือกใช้คำสั่งเพื่อการค้นคืนของระบบค้นคืนซึ่งในแต่ละระบบมีลักษณะแตกต่างกันไป
องค์ประกอบทั้ง 3 ส่วนของระบบค้นคืนสารสนเทศ คือทรัพยากร ผู้ใช้ และการจับคู่ ร่วมกันดำเนินการในกระบวนการค้นคืนสารสนเทศโดยผู้ใช้ซึ่งมีความต้องการสารสนเทศกำหนดคำค้นแทนความต้องการสารสนเทศ ระบบการค้นคืนสารสนเทศทำหน้าที่จับคู่ระหว่างคำค้นกับดรรชนีในเครื่องมือช่วยค้นของทรัพยากรสารสนเทศ ผลที่ได้รับคือสารสนเทศที่ค้นคืนได้ ซึ่งหากการดำเนินการในแต่ละขั้นตอนอย่างถูกต้องและเหมาะสมแล้วสารสนเทศที่ค้นคืนได้ย่อมเกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้ด้วยเหตุนี้ การค้นคืนสารสนเทศจึงเป็นกระบวนการในการค้นสารสนเทศของผู้ใช้ โดยมีเป้าหมายเพื่อชี้ หรือระบุสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้
ที่มา
http://www.kmi.trf.or.th/document/aboutKM/abount.KM.pdf