สถาบันนักบวชแบบฆราวาส
๗๑๐ สถาบันนักบวชแบบฆราวาส เป็น สถาบันชีวิตที่ถวายแล้ว ซึ่งภายในสถาบันนั้นคริสตชนในขณะที่ดำรงชีวิตในโลก มุ่งสู่ความรักที่สมบูรณ์ และพยายามทำให้โลกศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภายใน
๗๑๑ การถวายตนของสมาชิกของสถาบันนักบวชแบบฆราวาส ไม่เปลี่ยนแปลงสถานภาพทางกฎหมายเฉพาะของสมาชิกนั้น ท่ามกลางประชากรของพระ-เป็นเจ้า ไม่ว่าจะเป็นฆราวาสหรือสมณะทั้งนี้ให้คงไว้ซึ่งข้อกำหนดแห่งกฎหมาย ซึ่งมีผลต่อสถาบันชีวิตที่ถวายแล้ว
๗๑๒ โดยคงไว้ซึ่งข้อกำหนดแห่งมาตรา ๕๙๘–๖๐๑ ธรรมนูญของสถาบันต้องกำหนดพันธะอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนำเอาจิต-ตารมณ์แห่งพระวรสารเข้ามาในสถาบัน และต้องกำหนดข้อบังคับ อันเนื่องมาจากพันธะอันเดียวกันนี้ โดยคงรักษาไว้เสมอ ซึ่งพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตแบบทางโลกอันเป็นเอกลักษณ์ของสถาบัน
๗๑๓ วรรค ๑ สมาชิกของสถาบันเหล่านี้ แสดงออกและปฏิบัติซึ่งการถวายตัวของตน ในงานแพร่ธรรม และพวกเขาประดุจเชื้อแป้ง พยายามทำให้ทุกสิ่งซึมซาบด้วยจิตตารมณ์แห่งพระวรสาร เพื่อเสริมสร้างพระวรกายของพระคริสตเจ้าให้เข้มแข็งและเติบโตยิ่งขึ้น
วรรค ๒ สมาชิกที่เป็นฆราวาสมีส่วนในภาระหน้าที่เผยแผ่พระวรสาร โดยการเป็นพยานถึงชีวิตคริสตชน และของพระศาสนจักร ในโลกและจากโลก ความสัตย์ซื่อต่อการถวายตัวของตนและอาศัยความเพียรพยายามที่จะจัดสิ่งของของโลกตามแผนการณ์ของพระเจ้าและทำให้โลกมีชีวิตชีวาด้วยพลังแห่งพระวรสาร
พวกเขายังร่วมมือรับใช้ชุมชนพระศาสนจักรตามรูปแบบการเจริญชีวิตแบบโลกของตน
วรรค ๓ สมาชิกที่เป็นสมณะ โดยอาศัยการเป็นประจักษ์พยานแห่งชีวิตที่ถวายแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคณะสงฆ์ ช่วยเหลือพี่น้องสมาชิกด้วยกันโดยอาศัยความรักพิเศษฉันอัครสาวก และทำให้โลกศักดิ์สิทธิ์ โดยอาศัยศาสนบริการของตนในท่ามกลางประชากรของพระเป็นเจ้า
๗๑๔ สมาชิกต้องเจริญชีวิตตามกฎเกณฑ์ของธรรมนูญของตนในสภาพปกติของโลก ไม่ว่าโดยลำพังหรือในครอบครัวของตนเอง หรือในกลุ่มที่อยู่ร่วมกันฉันพี่น้อง
๗๑๕ วรรค ๑ สมาชิกที่เป็นสมณะซึ่งสังกัดสังฆมณฑล ขึ้นต่อพระสังฆราชสังฆมณฑลนั้น โดยคงไว้ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับชีวิตที่ถวายแล้ว ในสถาบันเฉพาะของตน
วรรค ๒ หากสมาชิกดังกล่าว ซึ่งสังกัดในสถาบันตามกฎเกณฑ์แห่งมาตรา ๒๖๖ วรรค ๓ ได้รับแต่งตั้งให้ทำงานเฉพาะของสถาบัน หรือให้ปกครองสถาบันก็ขึ้นต่อพระสังฆราชในทำนองเดียวกับนักพรต
๗๑๖ วรรค ๑ สมาชิกทุกคนต้องมีส่วนร่วมอย่างมีบทบาทในชีวิตของสถาบันตามกฎหมายเฉพาะ
วรรค ๒ สมาชิกของสถาบันเดียวกัน ต้องรักษาความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวในระหว่างกันโดยเอาใจใส่ ส่งเสริมจิต-ตารมณ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียวและความสัมพันธ์ฉันพี่น้องอันแท้จริง
๗๑๗ วรรค ๑ ธรรมนูญต้องบัญญัติรูปแบบการปกครองเฉพาะ ต้องกำหนดระยะเวลาที่อธิการปฏิบัติหน้าที่ของตน และวิธีการแต่งตั้ง
วรรค ๒ ต้องไม่แต่งตั้งผู้ใดที่ยังไม่เป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์ เป็นอธิการสูงสุด
วรรค ๓ ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ปกครองสถาบัน ต้องเอาใจใส่ให้มีการรักษาไว้ซึ่งจิตตารมณ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียว และส่งเสริมให้สมาชิกมีส่วนร่วมอย่างมีบทบาท
๗๑๘ การบริหารทรัพย์สินของสถาบัน ซึ่งต้องแสดงออกและสนับสนุนความยากจนตามแบบพระวรสาร ต้องเป็นไปตามบรรทัดฐานของบรรพ ๕ อันว่าด้วยทรัพย์สินฝ่ายโลกของพระศาสนจักร และตามกฎเฉพาะของสถาบัน ในทำนองเดียวกัน กฎเฉพาะต้องกำหนดพันธะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจของสถาบันต่อสมาชิกผู้ซึ่งทำงานให้กับสถาบันนั้น
๗๑๙ วรรค ๑ เพื่อสมาชิกจะสามารถสนองตอบกระแสเรียกของเขาได้อย่างซื่อสัตย์และดำเนินกิจการแพร่ธรรมด้วยความชิดสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า สมาชิกต้องเอาใจใส่ในการภาวนาใส่ใจอ่านพระคัมภีร์ด้วยวิธีอันเหมาะสม เข้าเงียบประจำปี และทำกิจปฏิบัติอื่นๆ ด้านชีวิตจิต ตามกฎเฉพาะของสถาบัน
วรรค ๒ การถวายบูชามิสซาประจำทุกวันถ้าเป็นไปได้ เป็นท่อธารและพละกำลังของชีวิตที่ถวายแล้วทั้ง-หมด
วรรค ๓ สมาชิกควรรับศีลอภัยบาปอย่างอิสระ ซึ่งควรปฏิบัติบ่อยๆ
วรรค ๔ สมาชิกควรได้รับการแนะนำมโนธรรมที่จำเป็นอย่างอิสระ และควรขอคำแนะนำในทำนองนี้ จากอธิการของตนด้วยถ้าต้องการ
๗๒๐ สิทธิรับเข้าในสถาบัน ไม่ว่าเพื่อการทดลอง หรือเพื่อรับพันธะศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าเป็นการชั่วคราวหรือตลอดชีพ หรือเด็ดขาด เป็นสิทธิ์ของอธิการชั้นผู้ใหญ่พร้อมกับคณะที่ปรึกษาของท่าน ตามกฎเกณฑ์ของธรรมนูญ
๗๒๑ วรรค ๑ บุคคลต่อไปนี้ถูกรับเข้าการทดลองเบื้องต้นอย่างเป็นโมฆะคือ
๑. ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
๒. ผู้ซึ่งในปัจจุบัน ยังมีพันธะศักดิ์สิทธิ์ผูกมัดอยู่ในสถาบันชีวิตที่ถวายแล้วแห่งใดแห่งหนึ่ง หรือสังกัดอยู่ในคณะชีวิตแพร่ธรรม
๓. ผู้สมรส ขณะที่การสมรสนั้นยังคงอยู่
วรรค ๒ ธรรมนูญสามารถกำหนดข้อขัดขวางอื่นๆ หรือวางเงื่อนไขบางประการในการรับเข้าแม้เพื่อมีผลตามกฎหมาย
วรรค ๓ ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่จะถูกรับเข้ามาในสถาบันต้องมีวุฒิภาวะที่จำเป็น เพื่อดำเนินชีวิตเฉพาะของสถาบัน
๗๒๒ วรรค ๑ การทดลองขั้นต้น ต้องจัดในลักษณะที่ว่าผู้สมัครสามารถเข้าใจกระแสเรียกพระเจ้าของตนดียิ่งขึ้น และอันที่จริงเป็นกระแสเรียกเฉพาะของสถาบัน และสามารถรับการฝึกฝนในจิตตารมณ์ และวิถีชีวิตของสถาบัน
วรรค ๒ ผู้สมัครต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างเหมาะสมในการดำเนินชีวิตตามคำแนะนำแห่งพระวรสารและต้องได้รับการสอนให้ถ่ายทอดชีวิตดังกล่าวเป็นงานแพร่ธรรมอย่างสมบูรณ์โดยใช้รูปแบบการเผยแผ่พระวรสารซึ่งสนองตอบจุดประสงค์ จิตตารมณ์และคุณลักษณะเฉพาะของสถาบันดียิ่งขึ้น
วรรค ๓ วิธีการและช่วงเวลาของการทดลอง ก่อนจะรับพันธะอันศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรกในสถาบัน ต้องกำหนดไว้ในธรรมนูญ และช่วงเวลาดังกล่าวต้องไม่น้อยกว่า ๒ ปี
๗๒๓ วรรค ๑ เมื่อระยะทดลองขั้นต้นสิ้นสุดลง ผู้สมัครซึ่งได้รับการพิจารณาตัดสินว่าเหมาะสม ต้องรับเอาคำแนะนำแห่งพระวรสาร ๓ ประการ ซึ่งทำให้มั่นคงด้วยพันธะอันศักดิ์สิทธิ์ หรือมิฉะนั้นต้องออกจากสถาบันไป
วรรค ๒ การเข้าสังกัดครั้งแรก ซึ่งไม่น้อยกว่า ๕ ปี ถือเป็นการชั่วคราวตามกฎเกณฑ์ของธรรมนูญ
วรรค ๓ เมื่อช่วงเวลาของการเข้าสังกัดผ่านไป สมาชิกผู้ซึ่งได้รับการพิจารณาตัดสินว่าเหมาะสมต้องรับเข้าเป็นสมาชิกถาวร หรือเด็ดขาด กล่าวคือโดยที่พันธะชั่วคราวต้องรื้อฟื้นใหม่อยู่เสมอ
วรรค ๔ การเข้าสังกัดอย่าง “เด็ดขาด” เทียบเท่ากับการเข้าสังกัดถาวรในส่วนที่เกี่ยวกับผลทางกฎหมายบางประการ ต้องกำหนดไว้ในธรรมนูญนั้น
๗๒๔ วรรค ๑ หลังจากได้รับพันธะอันศักดิ์สิทธิ์เป็นครั้งแรกแล้ว ต้องมีการฝึก อบรมอย่างต่อเนื่องตามธรรมนูญ
๗๒๕ สถาบันสามารถรับคริสตชนอื่นเข้ามาร่วมกับตนด้วยพันธะบางอย่างที่กำหนดไว้ในธรรมนูญ คริสตชนดังกล่าวมุ่งสู่ความครบครันแห่งพระวรสาร ตามจิตตารมณ์ของสถาบัน และมีส่วนในพันธกิจของสถาบันด้วย ๗๒๖ วรรค ๑ เมื่อเวลาของการเข้าสังกัดชั่วคราวสิ้นสุดลง สมาชิกก็สามารถออกจากสถาบันได้อย่างอิสระหรืออธิการชั้นผู้ใหญ่ของสถาบันโดยมีเหตุอันชอบอาจจะปฏิเสธการรื้อฟื้นพันธะศักดิ์สิทธิ์ หลังจากได้ฟังความเห็นของคณะที่ปรึกษาแล้ว วรรค ๒ สมาชิกที่เข้าสังกัดในสถาบันชั่วคราว สามารถขอลาออกอย่างอิสระ เนื่องด้วยเหตุผลอันหนัก และอธิการสูงสุดพร้อมด้วยความเห็นชอบของคณะที่ปรึกษาก็สามารถให้เอกสิทธิ์พิเศษแก่สมาชิกผู้นั้นออกจากสถาบัน ๗๒๙ สมาชิกถูกให้ออกจากสถาบัน ตามกฎเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๖๙๔ และ ๖๙๕ นอกจากนี้ ธรรมนูญอาจกำหนดสาเหตุอื่นๆ ของการให้ออกได้ด้วย ขอเพียงให้สาเหตุเหล่านั้นเป็นเรื่องหนักอย่างสมเหตุสมมาใช้กับผู้ที่ถูกให้ออก ๗๓๐ เพื่อให้สมาชิกคนใดคนหนึ่งของสถาบันนักบวชแบบฆราวาส ย้ายไปยังสถาบันนักบวชแบบฆราวาส ในโลกแห่งอื่น ต้องถือตามข้อกำหนดแห่งมาตรา ๖๘๔ วรรค ๑, ๒ และ ๔ และมาตรา ๖๘๕ เพื่อจะย้ายเข้าสถาบันนักพรต หรือเข้าในคณะชีวิตแพร่ธรรม หรือย้ายจากสถาบันทั้งสองนี้ไปยังสถาบันนักบวชแบบฆราวาสในโลก ต้องได้รับอนุญาตจากสันตะสำนัก และต้องปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับ
วรรค ๒ สมาชิกต้องได้รับการ ฝึกอบรม ทั้งในเรื่องของพระเป็นเจ้าและเรื่องของมนุษย์อย่างเท่าเทียมพร้อมกันไป อธิการของสถาบันต้องเอาใจใส่อย่างจริงจัง ให้การฝึกอบรมด้านชีวิตจิตแก่สมาชิกอย่างต่อเนื่อง
๗๒๗ วรรค ๑ สมาชิกที่เข้าสังกัดในสถาบันแบบถาวร ซึ่งประสงค์จะออกจากสถาบัน หลังจากที่ได้พิจารณาเรื่องราว อย่างจริงจัง เฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้าแล้ว ให้ขอเอกสิทธิ์พิเศษออกจากสถาบันจากสันตะสำนัก โดยผ่านทางอธิการสูงสุด หากสถาบันนั้นเป็นสถาบันสิทธิสันตะสำนัก หรือมิฉะนั้นให้ขอจากพระ-สังฆราชสังฆมณฑล ดังที่มีกำหนดไว้ในธรรมนูญ
วรรค ๒ ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสมณะ ที่สังกัดในสถาบันให้ถือตามข้อกำหนดของมาตรา ๖๙๓
๗๒๘ เมื่อได้รับเอกสิทธิพิเศษให้ออกอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว พันธะ สิทธิและหน้าที่ทั้งหมด อันเกิดจากการเข้าสังกัดในสถาบัน ก็สิ้นสุดลง
.....