ในที่สุดผลคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 ท่าน ก็สร้างความพอใจให้กับผู้ร้อง ผู้ถูกร้องและ กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาปักหลักอยู่บริเวณศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต่างน้อมรับในผลการตัดสินขององค์คณะตุลาการ ในขณะที่ซีกรัฐบาลเตรียมกับไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลถึงท่าทีในอนาคตต่อไป
ภายหลังองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาในการยกคำร้อง ท่าทีของผู้ถูกร้อง โดยนายอุดมเดช รัตนเสถียร วิปรัฐบาล เตรียมหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และจะดำเนินการทำประชามติหรือไม่อย่างไร เพื่อให้มี สสร.ทำการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราเท่านั้น ซึ่งเป็นขั้นตอนของที่ประชุมครม.และรัฐสภา ส่วนการพิจารณาในวาระ 3 ตอนนี้ต้องหยุดดำเนินการไปก่อน เพื่อกลับไปเริ่มต้นใหม่
ขณะที่หนึ่งในผู้ร้องอย่าง นายวิรัตน์ กัลยาศิริ พอใจกับการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ ซึ่งคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าศาลจะวินิจฉัยห้ามให้มีการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับและการแก้รัฐธรรมนูญจะต้องทำประชามติ เพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ถูกแก้ผ่านการทำประชามติมาเช่นกัน ซึ่งการที่ศาลมีคำวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ ทำให้ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ได้ โดยเชื่อว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การออกกฎหมายปรองดองหรือสอดไส้เพื่อช่วยเหลือคนผิด และในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ในส่วนของผู้ร้องทั้งหมดจะมีการหารือกัน พร้อมกันนี้ยืนยันพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้คัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญหากเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายและจะไม่คัดค้านการแก้ไขรายมาตรา หากไม่แก้ไขมาตรา 309 เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ค้านทุกเรื่องอย่างที่ถูกกล่าวหา
ด้าน น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี ระบุว่าพอใจกับผลการตัดสินของศาลที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องกลับไปถามความเห็นของประชาชนด้วยการทำประชามติ เพราะถือเป็นเรื่องดีที่ประชาชนจะมีส่วนร่วมและสามารถหยุดยั้งการแก้รัฐธรรมนูญที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในครั้งนี้ได้
ขณะที่บรรยากาศของกลุ่มผู้ชุมนุมด้านหน้าศาลรัฐธรรมนูญที่มาปักหลักให้กำลังใจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในระหว่างการอ่านคำวินิจฉัยมีการแสดงความยินดีเป็นระยะๆ แต่เมื่อฟังข้อสรุปของคำวินิจฉัยทั้งหมดก็ยอมรับผลการตัดสินได้ แม้ว่าบางรายอาจจะผิดหวังบ้างก็ตาม โดยแกนนำหลุ่มผู้ชุมนุมได้กล่าวขอบคุณผู้มาชุมนุมที่มาให้กำลังศาลและชื่นชมทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง จากนั้นก็สลายการชุมนุมในทันที