พระเยซูเจ้าได้ตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า "ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีแก่มนุษย์ทุกคน" (มก.16,15) นี่เป็นคำสั่ง มิใช่เป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นงานแพร่ธรรมยังถือเป็นงานสำคัญอันดับหนึ่ง ไม่ใช่อันดับรอง ฉะนั้นทุกคนจะต้องทุ่มเท สรรพกำลัง ทั้งหลายแหล่ให้แก่งานนี้ มากยิ่งกว่างานอื่นๆ องค์ประกอบแรกที่สำคัญและจำเป็น จะขาดเสียมิได้ในการแพร่ธรรมคือ ตัวบุคคลซึ่งจะทำหน้าที่แพร่ธรรม เพราะการแพร่ธรรมเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตที่ได้สัมผัสกับพระเจ้า จึงไม่มีเครื่องมืออื่นใดที่จะมาทำหน้าที่แทนได้ นักบุญเปาโลกล่าวไว้ว่า "ความเชื่อเกิดจากการฟัง"(รม.10:171) ก็หมายความว่าต้องมีผู้ประกาศ จะมีอย่างอื่นทุกอย่างแล้วไม่มีผู้ประกาศไม่ได้ เมื่อผู้ประกาศหรือผู้แพร่ธรรมมีความสำคัญเช่นนี้ สิ่งแรกที่ควรนำมาพิจารณาในการปรับปรุงการแพร่ธรรมของเราก็คือ ตัวบุคคลที่จะทำการแพร่ธรรมนั้นมีเพียงพอแล้วหรือยัง และมีประสิทธิภาพในการแพร่ธรรมเพียงไร พูดถึงการแพร่ธรรม แต่เดิมเราก็เข้าใจกันว่าเป็นหน้าที่เฉพาะของพระสงฆ์นักบวช ส่วนฆราวาสเป็นเพียงผู้รับฟังเท่านั้น ฉะนั้นจึงเห็นว่าผู้ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปประกาศพระศาสนานั้นจึงเป็นพระสงฆ์นักบวชเสียส่วนใหญ่ และเราก็ยังเห็นอีกว่า ลำพังพระสงฆ์และนักบวชนั้นมีจำนวนน้อยมาก ไม่พอกับจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงพูดได้เต็มปากว่า ถ้าจะจำกัดวงการแพร่ธรรมให้เป็นหน้าที่เฉพาะของพระสงฆ์ นักบวชแล้ว ก็ไม่มีวันที่เราจะบอกว่าผู้แพร่ธรรมของเรามีจำนวนพอแล้ว มาในสมัยสังคายนาวาติกันที่ 2 ความเข้าใจเรื่องการแพร่ธรรมมีความลึกซึ้งกว้างขวางยิ่งขึ้น ในเอกสารของสังคายนาว่าด้วย "ฆราวาสแห่งธรรม" มีกล่าวไว้ชัดแจ้งว่า"แม้แต่ฆราวาสก็เช่นเดียวกัน ย่อมมีส่วนในหน้าที่สงฆ์ หน้าที่ประกาศกและหน้าที่ปกครองของพระคริสตเจ้า ดังนั้นฆราวาสจึงมีบทบาทหน้าที่ของตนเฉพาะในภารกิจของประชากร ของพระเจ้าในพระศาสนจักรและในโลกทั้งหมด (บทที่1 ข้อ 2) บทบาทเหล่าฆราวาสทุกคนได้มาทางศีลล้างบาป ซึ่งทำให้พวกเขาร่วมสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า และโดยทางศีลกำลังซึ่งทำให้พวกเขามีพละกำลังเข้มแข็งโดยอำนาจของพระจิต เหมาะสมกับงานแพร่ธรรมนี้ (บทที่1 ข้อ 3) นอกจากนั้น เอกสารสังคายนาวาติกันที่ 2 ว่าด้วย"งานแพร่ธรรมของพระศาสนจักร" ยังกล่าวไว้อีกว่า "พระศาสนจักรเป็นผู้แพร่ธรรมโดยธรรมชาติ" (บทที่ 1 ข้อ 2) พระศาสนจักรในความหมายนี้มิได้หมายถึงเฉพาะพระสงฆ์ นักบวช อย่างที่เคยเข้าในมาก่อน แต่หมายถึงประชากรของพระเป็นเจ้าทั้งหมดรวมกัน(ธรรมนูญว่าด้วย "พระศาสนจักร" บทที่ 2 ข้อ 8) ซึ่งประกอบด้วยพระสงฆ์ นักบวช และฆราวาสทุกคนนั่นเอง ฆราวาสจึงมีส่วนในงานแพร่ธรรม มิใช่เพียงในฐานะผู้ช่วยแบ่งเบาภาระของพระสงฆ์ หรือรับมอบหมายหน้าที่จากพระสงฆ์มากระทำ แต่เป็นผู้ร่วมงานของพระสงฆ์โดยแท้จริง โดยสิทธิและอำนาจที่ได้รับมาจากศีลล้างบาป |