ถึง คุณสมชาย
1. เริ่มกันด้วยคน 1 คน มีความทุกข์ทรมานจากการเป็นอยู่ คือ ต้องเลี้ยงครอบครัว,สามีหรือภรรยานอกใจ และอื่นๆที่ในชีวิตไม่เคยประสพมาก่อน จึงหาวิธีแก้ไขต่างๆ เช่น เพื่อนบางคนพาไปหาพระบ้าง ตำหนักบ้าง เขาก็จะแนะนำวิธีรดน้ำมนต์และทำบุญต่างๆหรือถ้าเป็นตำหนักก็ให้รับขันธ์เพราะเชื่อว่าที่เป็นแบบนี้เพราะเทพจะประทับ
คนส่วนมากจะเข้าใจว่าการรับขันธ์ คือ การเชิญองค์ลง หรือแสดงอภินิหารต่างๆ นานา แต่ความจริงในโลกล้วนเป็นรูปแบบของพลังจักรวาล เปลี่ยนแปลง ดี ชั่ว ไปตามกลไก คนเรามีจิตที่เป็นกุศลในตัวทุกคน เพียงแต่จะมีกำลังมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับสภาพจิตต้นขั้วของคนๆนั้น เช่น เราอาจเคยได้ยินเวลาที่เรากำลังลงมือจะกระทำชั่วสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วมีจิตหนึ่งพูดว่า อย่าทำนะ มันบาป และอีกจิตหนึ่งก็จะพูดว่า ทำไปเถอะน่า มันดีแล้ว แล้วถ้าตัวคุณมีต้นขั้วจิตที่ไม่เข้มแข็งยอมแพ้ต่อจิตไม่ดี นั่นแสดงว่าจิตต้นขั้วคุณมันอ่อนบุญ จึงแพ้กรรมนั่นเอง
ฉะนั้น การรับขันธ์ก็ คือ การรับจิตบุญแบบรูปธรรมอีกที เช่น รับจิตมหากาลี เมื่อรับแล้วต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักแก้ไขอารมณ์โกรธ เพราะโดยปกติมหากาลีเป็นเทพอิทธิฤทธิ์และฆ่าอสูรโดยการใช้ความโกรธโหดร้าย กลไกเทพนั้นลึกซึ้ง เทพยังกรรมยังอารมณ์ในการปราบความชั่วร้ายก็จริง แต่อยู่เหนือกรรม ไม่ตกใต้อำนาจของกรรม เพียงนำมาใช้เพื่อปราบความชั่วร้ายเท่านั้น กลับกันมนุษย์ที่รับขันธ์บางส่วน จะนำรูปลักษณ์ภายนอกและลัษณะจิตภายในของมหากาลีมาใช้ คือ นำอารมณ์โกรธมาใช้ในการดำเนินชีวิตแล้วโทษองค์ หรือ ดื่มเหล้ามีเซ็กส์แล้วโทษองค์
เทพที่ลงมาช่วย คือ บุญที่เราทำมา เป็นกำลังใจ เป็นสิ่งที่ช่วยเราผ่านกรรมไปด้วยกัน เมื่อเราประสานกับจิตบุญนี้ได้ ก็จะพบความหมายของคำว่า "รับขันธ์"
2.ลองให้คุณยายนั่งสมาธิปลงสังขารดู ชวนท่านฟังธรรม กรวดน้ำ พาไปเดินเล่นบ้าง หรือ ทานข้าวร่วมกันบ้าง ถ้าคุณยายทำสิ่งพวกนี้ไม่ได้ค่อยมาว่ากันเรื่องปอบอีกที เพราะถ้าคุณยายเป็นปอบจริง ก็จะมีลักษณะถูกวิญญาณอื่นครอบงำ และจะมีลักษณะไม่เป็นตัวของตัวเอง
สุดท้ายเรื่องสถานที่รับขันธ์ราคาแพงและทำไมต้องรับ หรือ รับแล้วมีเซ็กส์ได้มั๊ย อธิบายดังนี้
1.การรับจิตบุญ มันไม่เสียเงินหรอก เพราะมันเป็นมรดกผลบุญผลกรรมของเราเอง (โทรคุยได้) แต่ถ้าจะเสียบ้างก็คงเป็นค่าสิ่งที่เขาส่งเป็นรูปธรรม จะเป็นขันธ์หรือเทวรูปก็ว่ากันไป และผู้ส่งให้ก็ คือ เทวทูตนั่นเอง ส่วนการรับจิตบุญเป็นรูปธรรมนั้น ก็เพื่อเป็นการประกาศแก่จิตกรรมทั้งหลาย ว่าเราคือ อริยะ (การเป็นผู้ฝึกตนแล้ว)
2.(ทำไมต้องรับขันธ์) อุปมาดัง เพื่อนรักมาหาเราหน้าบ้าน เรารู้อยู่แก่ใจว่า เพื่อนคนนี้แหละจะจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านให้เรียบร้อยลงตัวได้ แต่เรากลับไม่เปิดประตูรับเขา กลับให้เขายืนตากแดดตากฝนอยู่อย่างนั้น เมื่อเขาเข้าไปไม่ได้ เขาก็หาทางต่างๆ ปาก้อนหินบ้าง เคาะเรียกบ้าง ไม่ก็ท้อใจจนกลับไป เพื่อนรักก็ คือ จิตบุญนั่นเอง การไม่กล้าเปิดประตู การฟังคนในบ้านพูดยุยงไม่ให้เปิด หรือ เหตุผลใดๆก็แล้วแต่ ล้วนมาจากจิตกรรม เมื่อเราแพ้จิตกรรม จนทำให้จิตบุญท้อถอย เขาก็ดิ้นรน เมื่อดิ้นรนเต็มที่แล้ว เขาเข้าบ้านไม่ได้จริงๆ เขาก็ต้องกลับไป เพราะที่เขามาช่วยเขาก็มาตามคำเรียกร้องอ้อนวอนของเราทั้งนั้น แต่เมื่อเรามีกรรมมากไม่สามารถชนะคนในบ้านได้ (คนในบ้านที่คอยยุยงก็คือจิตกรรมที่อยู่กับเรามานาน อยู่ใกล้ชิด สนิทกับเราเสมอ) เขาก็คงหมดหนทางและกลับไป แต่ถ้าเรายอมเปิดประตูจูงมือเพื่อนเข้ามาบอกทุกคนในบ้านได้รับรู้ว่า เพื่อนคนนี้แหละที่จะมาช่วยเรา และเขาจะจัดการทุกอย่างในบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย นี่แหละคือ การรับขันธ์หรือการรับจิตบุญอย่างเป็นทางการหรือรูปธรรมนั่นเอง นี่ก็คืออธิบายเรื่องทำไมต้องรับขันธ์ และราคาอันเหมาะสมที่แท้จริง
3.การมีเซ็กส์จะออกมาในรูปแบบต่ำช้าหรือสูงค่า ขึ้นอยู่กับรักบริสุทธิ์ของคุณสมชายและแฟน ถ้ามีรักประกอบไปด้วยศีลบริสุทธิ์ การมีเซ็กส์ก็สูงค่าเพราะต่างมาจากรักบริสุทธิ์ ไม่ได้นอนกันเพื่อสนองตัณหาความต้องการ ไม่ว่าคุณสมชายจะรับขันธ์หรืออะไรก็แล้วแต่ มันไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด เพราะถ้าเรามีจิตที่บริสุทธ์ การแสดงออกก็สะอาด และเทพที่เรารับไปก็ย่อมสะอาดบริสุทธิ์ตามจิตเราเช่นกัน ถามว่ารักบริสุทธิ์ทำยากมั๊ย จริงๆถ้าคุณมีนิยามรักว่า แฟนเป็นทุกสิ่ง เป็น แม่ พี่ น้อง เพื่อน ลูก คนรัก นั่นคือคุณเข้าใกล้บริสุทธิ์แล้ว
**ถ้าคุณมีธรรมที่บริสุทธิ์ มีจิตสูงแล้ว ระวังการรับขันธ์ให้มาก ถ้าคุณไปรับกับเทวทูตที่จิตต่ำ คุณจะโดนกวนจากวิญญาณกรรมของเทวทูตคนนั้นไม่สิ้นสุด