"ผมไม่อยากตาย"
"เริ่มเรื่องเลยนะค่ะ ดิฉัน
อยู่แถวรัชดาตัดใหม่ ด้านหน้ามีหอพักและตึกแถว พอเข้าซอยไปก็มีทางแยกวกวน
บ้านเรือนคับคั่ง ความเจริญเกิดขึ้นราว 20 ปีได้
ยิ่งมีถนนตัดใหม่และทางด่วนขึ้น-ลงเมื่อ 10
ปีเศษมานี้ยิ่งทำให้บ้านช่องแน่นหนา รถราขวักไขว่ตลอดทั้งวัน
จำได้ว่าตอนที่เกิดอุบัติเหตุสยองเป็นเวลาบ่ายจัด ใกล้จะเย็นวันอาทิตย์
ดิฉันกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ริมรั้ว
มีทั้งกระถางว่านนานาชนิดของพ่อกับโป๊ยเซียนอีกราวสิบกระถางของแม่
ไหนจะเทียนหยด กุหลาบและมะลิซ้อนของดิฉัน อ้อ!
ไลแลคดอกขาวสะพรั่งหอมกรุ่นอีกต้นหนึ่ง
ว่าจะทำค้างให้เลื้อยก็ยังไม่ได้โอกาสเสียทีค่ะ
จู่ๆ ก็มีเสียงโครมสนั่นขึ้นใกล้ๆ ตกใจจนสายยางรดน้ำหล่นจากมือเลย
มีเสียงโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เสียงรถแล่นตะบึงห่างไป...ดิฉันวิ่งไปเปิดประตูรั้วโดยไม่รู้ตัว นึกอยู่แต่ว่า ...รถชนกัน!
จริงดังคาด
ผู้ชายคนหนึ่งนอนดิ้นอยู่บนถนน ใกล้ๆกับมอเตอร์ไซค์ที่ล้ม
เลือดเปรอะไปทั้งตัวกับไหลนองอยู่บนถนน พร้อมๆ กับเสียงร้องโอ๊ยๆ
อยู่ตลอดเวลา
"ช่วยด้วย! โอย....เจ็บเหลือเกิน...."
ดิฉันตัวชา
ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก อยากจะร้องกรี๊ดๆ แข่งด้วยซ้ำ เห็นหน้าเขาขาวซีด
ปากอ้า ตาเบิกกว้าง มีเลือดที่ขมับขวานิดหน่อย แต่ร่างกายดูเละเทะยับเยิน
"ผมยังไม่อยากตาย!
ช่วยด้วย...ผมไม่อยากตาย...." เสียงเขาขาดเป็นห้วงๆ
สำลักเลือดอย่างน่ากลัว ได้ยินเสียงฝีเท้าคึ่กๆ
พอเงยขึ้นมองก็เห็นเพื่อนบ้านหลายคนกำลังวิ่งตรงเข้ามา
"คุณๆ ช่วยด้วย...." เสียงนั้นแหบแห้งเต็มที "ผม...ผมไม่อยากตาย...."
อีกครั้งที่ดิฉันก้มมอง ม่านตาพร่าพราย...แต่คิดว่าเห็นใบหน้าขาวซีดของชายหนุ่มเคราะห์ร้ายผู้นั้นเปียกชุ่ม น้ำตาไหลเป็นทาง
"เอาไปส่งโรงพยาบาลเร็วๆ
เกษมราษฎร์นี่แหละ!" เสียงใครคนหนึ่งดังมากระทบหูแว่วๆ เต็มที
ขณะที่ดิฉันเห็นนัยน์ตาเปียกชุ่มนั้นลืมค้าง เบิกโพลง
ตามด้วยเสียงถอนใจยาวของใครที่ดังอยู่ใกล้ๆ หู
"เขาตายแล้ว โทร.ไปแจ้งตำรวจดีกว่า"
เวลาผ่านไป 7 วัน เป็น 7
วันที่แย่มากค่ะ เพราะภาพก่อนตายของชายแปลกหน้าผู้นั้นติดตาตลอด
ไม่ว่าหลับหรือตื่น
แว่วเสียงวิงวอนที่ดังอยู่ในความทรงจำไม่มีวันจางหาย...ผมยังไม่อยากตาย!
แม้แต่ในความฝันก็เห็นเขานอนจมกองเลือดอยู่ที่เดิม จ้องมองพลางคร่ำครวญอย่างน่าเวทนา...ช่วยด้วย! ผมไม่อยากตาย....
บางครั้งนึกถึงคำว่า
"อยู่ผิดที่-ผิดเวลา" แล้วโกรธตัวเองค่ะ
ทำไมดิฉันถึงออกมารดน้ำต้นไม้ตอนนั้น?
ทำไมไม่นั่งดูทีวีหรือนอนอยู่ชั้นบน?
ทำไมไม่ออกไปเที่ยวเตร่หรือเที่ยวหาซื้อของในห้างสรรพสินค้า?
จะได้ไม่ต้องประสบกับภาพสยองขวัญนั้น
บางคืนได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์แล่น
ผ่านก็ใจหายวาบ มีอยู่คืนหนึ่งได้ยินเสียงโครมสนั่นเหมือนวันนั้น
รีบลุกไปมองทางหน้าต่างแต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย
จนกระทั่งคืนที่ 7 มาถึง!
ขณะเคลิ้มหลับได้ไม่นาน
เสียงมอเตอร์ไซค์ดังลั่นก็ปลุกให้สะดุ้งตื่นขึ้น!
ตามด้วยเสียงชนโครมไม่ผิดกับเย็นนั้น เล่นเอาดิฉันปากคอแห้งผาก
ลืมตาโพลงอยู่ในความมืดสลัว
นอนตัวแข็งท่อแทบขยับไม่ได้...ใจสั่นระทึกด้วยความหวาดกลัว
ไม่ยอมลุกไปดูที่หน้าต่างอย่างคืนก่อนนั้นอีกแล้ว
ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง
นอนจากเสียงลมพันวู่หวิวกับยอดไม้สะบัดใบเบาๆ
แล้วก็ไม่มีเสียงอะไรอีก...ดิฉันพลิกตัวนอนในท่าสบาย
หลับตาลง...ก่อนจะเย็นวาบไปตามต้นคอและแผ่นหลัง
"ช่วยด้วย! ผมยังไม่อยากตาย....."
เสียงคร่ำครวญวู่หวิวคล้ายเสียงลม
พัดดังแว่วมาเข้าหู
พยายามคิดว่าเป็นเสียงลมพัดแต่อุปาทานไปเอง....เสียงนั้นก็ยังดังเคล้า
สะอื้นไม่หยุดหย่อน...ผมไม่อยากตาย.....
คุณพระช่วย!
ดิฉันมองเห็นใบหน้าขาวซีด ปากอ้าเผยอ
น้ำตาไหลรินมาตามร่องแก้มจนเปียกชุ่ม...ภาพในความทรงจำไม่มีวันลืมเลือน!
ดิฉันอาจจะฝันไปก็ได้...แต่เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้น...ดังขึ้นทุกที
ทนไม่ไหวแล้ว! สลัดผ้าห่มลุกไปแหวกม่านหน้าต่างออก มองลงไปเห็นภาพนั้นปรากฏชัดเจนอยู่ในแสงไฟดูเยือกเย็นสิ้นดี
ชายผู้นั้นยังนอนอยู่บนกองเลือด
ตามเดิม ใบหน้าขาวซีดหันมองพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นโบกช้าๆ
ปากอ้าเผยอคล้ายจะส่งเสียงวิงวอน...ช่วยด้วย! ผมยังไม่อยากตาย!
ยอมรับว่าดิฉันสงสัยเหมือนกันที่
ตัวเองไม่เป็นลมไป รู้สึกเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาววูบๆ วาบๆ
จ้องมองจนภาพนั้นค่อยเลือนรางหายไปในที่สุด...เซซังขึ้นเตียงสวดมนต์ไหว้พระ
ก่อนจะนอนหลับสนิทตลอดคืน
วันต่อมาก็หาโอกาสไปซื้อโลงศพทำ
บุญ อุทิศส่วนกุศลให้เขา...ภาพและเสียงน่ากลัวก็หายไป ที่แน่ๆ
คือทำให้ดิฉันเข้าใจความหมายของชีวิต รักชีวิตมากยิ่งขึ้นค่ะ"