เกร็ดความรู้ เพื่อสุขภาพ : [หัวเราะบำบัด สร้างสุข เพิ่มพลานามัย]
คนเราเมื่ออารมณ์ดีทำให้ความคิดสร้างสรรค์ ในทางกลับกันถ้้าเคร่งเครียดหรือแม้แต่การมุ่งมั่นมากเกินไปจะทำให้สมองไม่ แล่น ดังนั้นมาปรับให้มีอารมณ์ดีด้วยการใช้เสียงหัวเราะสร้างอารมณ์ดีที่เรียกว่า หัวเราะบำบัด กันดีกว่า แล้วจะพบว่าตัวเรามีศักยภาพเพิ่มขึ้นอย่างคาดไม่ถึง
หัวเราะ ดีอย่างไร
มีงานวิจัยมากมายชี้ให้เห็นว่า การหัวเราะทำให้ฮอร์โมนความเครียด เช่นคอร์ติซอล อะดรีนาลีน ลดลงและช่วยเพิ่มสาร"เอ็นดอร์ฟิน" หรือสารความสุขให้เรารู้สึกผ่อนคลาย การหัวเราะดีกับระบบการทำงานของร่างกายมากมาย อาทิ
ระบบสมองดี การ หัวเราะจะไปกระตุ้นระบบทำงานของสมอง ให้หลั่งสารความสุข หรือเอ็นดอร์ฟิน เมื่อสมองถูกกระตุ้น ทำให้้มีความคิดทางบวกสร้างสรรค์มีผลให้ร่างกายและจิตใจพื้นฟูอย่างเร็ว
ระบบหายใจดี ระหว่าง หัวเราะจะเกิดจังหวะการหายใจ การกลั้นหายใจ และการหายใจยาว ๆ ทำให้้ร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้น มีการฟอกเลือดดี ช่วยฆ่าเชื้อโรคและป้องกันโรคทางเดินหายใจ โรคความดันโรคหัวใจ และโรคปอดได้อีกด้วย
ระบบย่อยและขับถ่ายดี หัวเราะเป็นการออกกำลังอวัยวะส่วนท้อง กระเพาะ ลำไส้ ได้เป็นอย่างดีหัวเราะเป็นการออกกำลังอวัยวะอย่างเป็นจังหวะทำให้หัวใจสูบ ฉีดโลหิตดีขึ้น
ระบบพักผ่อนและผิวพรรณดี หัวเราะช่วยคลายเครียด เส้นประสาทกล้ามเนื้อบนใบหน้า ยืดหยุ่น ช่วยให้หลับสนิท
ระบบภูมิคุ้มกันดี การหัวเราะช่วยให้ร่างกายทำงานเป็นระบบ ช่วยทำลายอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการสำคัญของการผิดปกติในเซลล์ของร่างกาย นักวิจัยพบว่าเสียงหัวเราะสร้างความแข็งแรงให้กับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ได้เป็นอย่างดี
ฝึกหัวเราะบำบัด ทำเองได้...ง่ายจัง
ฝึก หัวเราะด้วยตนเองนั้นไม่ยาก ขั้้นแรกหาสิ่งกระตุ้นต่อมฮาเสียก่อน อาจอาศัยรายการตลกแบบสร้างสรรค์ไปพลาง ๆ หรือไม่เช่นนั้น ก็ลองนึกถึงกิริยาขำ ๆ ของเด็ก ๆ หรือสัตว์โลกผู้น่ารัก เช่นเจมกับปังคุง
เมื่อ ค้นพบวิธีเรียกต่อมฮาได้แล้ว ครานี้ให้แยกอารมณ์ขัน ออกจากการหัวเราะ ทำใจให้ได้ว่าการหัวเราะไม่จำเป็นต้องมาจากความรู้สึก "ตลก"เสมอไปฝึกให้สามารถหัวเราะได้โดยไม่มีเหตุผล (ถ้าเป็นสมัยก่อน คงจะว่า"บ้า"แต่สมัยนี้ตรงกันข้ามเพราะถ้าไม่ฝึกหัวเราะด้วยตนเองจะเครียดจนเ็ป็นบ้าได้เลยทีเดียว)
หัวเราะบำบัด ที่ไหน...ดี
หัวเราะบำบัดด้วยการเปล่งเสียงเป็น สระ โอ อา อู เอ โดยปรับจากหลักการของศาสตร์ตะวันออก เสียงโอ คือ ท้องหัวเราะ เสียงอา คือ อกหัวเราะ เสียงอู คือ คอหัวเราะ เสียงเอ คือ หน้าหัวเราะ
ท้้องหัวเราะ เริ่มด้วย
ท่าที่ 1) สูดลมเข้าเต็มปอดกักไว้ ทำอารมณ์ให้สนุก แจ่มใส ยิ้มเข้าไว้
ท่า ที่ 2) เปล่งเสียง โอ๊ะ โอะ ๆ ๆ ให้ลมออกจากท้องเหมือนหัวเราะจริง เป็นจังหวะไปเรื่อยจนเสียงหายเข้าไปในลำคอและลมที่กักไว้หมดพอดี
อกหัวเราะ ทำท่าที่ 1) และท่าที่ 2) เช่นเดียวกันแต่ออกเสียง อา อา ๆ ๆ อ้าปากให้ลมออกมาจากบริเวณหน้าอกเป็นจังหวะไปเรื่อยจนเสียงหายเข้าไปในลำคอ และลมที่กักไว้หมดเช่นกัน
คอหัวเราะ ทำเช่นเดียวกัน แต่ออกเสียง อู เป็นจังหวะให้ออกจากลำคออย่าลืมสร้างอารมณ์ให้ยิ้มแย้ม ทำเสียงเหมือนหัวเราะจริง จนเสียงหายเข้าไปในลำคอ และลมที่กักไว้หมดเช่นกัน
หน้าหัวเราะ ทำเช่นเดียวกับท่าอื่นที่กล่าวมา แต่เปลี่ยนเป็นเสียง เอ เป็นจังหวะจะทำให้หน้าอ่อนใส
นอกจากนี้ยังมีท่าหัวเราะบำบัด
จมูกหัวเราะ ย่นจมูกขึ้นทำเสียง "ฮึๆ..." ในจมูกให้ลมออกจากจมูก ท่านี้จะช่วยไล่สิ่งสกปรกในจมูกออกมา บำบัดภูมิแพ้ ไซนัส หวัด โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเรื่องระบบหายใจ ท่านี้จะช่วยให้จมูกโล่ง
สมองหัวเราะ โดยธรรมชาติของมนุษย์เมื่อเครียดมักจะปิดปาก เป็นเหตุให้ความดันขึ้นสมอง ท่านี้จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว
- เริ่มต้นโดยการหายใจเข้าให้เต็มปอด เก็บลมไว้
- ปิดปากแล้วเปล่งเสียง อื่อ... อย่างต่อเนื่อง จนลมหมดแล้วเริ่มใหม่ เช่นเดียวกับการเล่นตี่จับ ของเด็กไทย สมัยก่อนเ็ป็นการนวดสมองอย่างชาญฉลาดน่าจะฟื้นฟูขึ้นในหมู่เด็ก ๆ สมัยนี้
เสียง ที่เปล่งออกอย่างต่อเนื่องจะดันให้เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นไปนวดสมองและยัง นวดกระบอกตาอีกด้วย ถ้าทำไประยะหนึ่งจะสังเกตว่าสายตาดีขึ้น และยังรู้สึกสมองโล่ง โปร่งสบายอีกด้วย
หัวเราะ เสียงละ 3 ครั้ง ทุก ๆ วัน เวลาไหนด็ได้ตามสะดวก นอกจากนี้เรายังสามารถเปล่งเสียงต่าง ๆ เหล่านี้ได้ ขณะนับรถ ออกกำลังกาย ทำกายบริหารอื่น ๆ หรือที่ใด ๆ ที่เราคิดว่าเหมาะสม ไม่เป็นการรบกวนผู้อื่น แล้วจะรู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นอย่างแน่นอน
หาก วันนี้ยังหาวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตัวเองไม่ได้ลองชวนคนในครอบครัว มาหัวเราะเคลื่อนไหวร่างกายด้วยกัน นอกจากได้ออกกำลังแล้ว ยังสร้างรอยยิ้มในครอบครัวได้อีกด้วย....อา อา อา อา