รวมเทคนิคการทำ Path Design ตัดต่อ พิมพ์ลาย ฉลุลาย และเลเซอร์
Path design คือการสร้างสรรค์งานวัสดุปิดผิวผนังหรือฝ้าให้แตกต่างไปจากเดิมไม่ว่าจะทำเป็นลวดลายหรือสร้างมิติ สามารถตอบสนองจินตนาการของดีไซน์เนอร์ได้อย่างไม่จำกัด และวันนี้เราจะรวบวมเทคนิคต่างๆ ของการทำ Path design เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกท่านเกิดไอเดียและสามารถนำไปประยุกต์หรือต่อยอดความต้องการในการตกแต่งให้ได้อย่างที่ต้องการกันคับ
1. การตัดต่อลาย
วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเนื่องจากมีรูปแบบและขั้นตอนการออกแบบที่ไม่ซับซ้อนมากนัก เป็นการให้แผ่นลามิเนตหรือแผ่นคริสตัลบอร์ดมาตัดและต่อกันให้เป็นลวดดลายต่างๆตามที่ต้องการ เช่น ทำเป็นลายเรขาคณิตแบบต่อลายกันได้และใช้สีของแผ่นลามิเนตที่แตกต่างกันทำให้ดูมิติขึ้นมา หรือสามารถสร้างสรรค์เป็นรูปต่างๆ ได้ เช่น รูปวาดแบบเวกเตอร์
2. การเลเซอร์ และการเว้นขาว
การทำเลเซอร์นั้นผู้ออกแบบสามารถวาดเส้นเป็นลวดลายต่างได้ตามต้องการ และยังสามารถกำหนดความกว้างของเส้นที่ต้องการได้ด้วย นิยมเลเซอร์เป็นโลโก้ของบริษัทลงบนแผ่นลามิเนตหรือการเว้นขาวเป็นรูปทรงต่างๆ ลงแผ่นคริสตัสบอร์ดมิลเลอร์ ซึ่งส่วนที่เว้นขาวไว้นั้นจะมีลักษณะขาวขุ่นโปร่งแสง ส่วนบริเวณอื่นๆ ก็เป็นเงาสะท้อนเหมือนกระจกเงา
3. การพิมพ์ลาย
หลายท่านอาจจะคุ้นเคยกับกระจกพิมพ์ลายมาบ้างแล้ว แผ่นคริสตัลบอร์ดพิมพ์ลายนั้นก็มีคอนเซปต์การใช้งานคล้ายๆ กัน แต่การเลือกใช้แผ่นคริสตัลบอร์ดแทนกระจกนั้นมีข้อดีที่มากว่าคือ แผ่นคริสตัลบอร์ดสามารถดัดโค้งได้ น้ำหนักเบากว่ากระจกถึงครึ่งหนึ่งแต่แข็งแรงทนทานกว่า 25 เท่า เมื่อนแตกแล้วไม่เป็นอันตรายเหมือนกระจก มีหลายเฉดสีให้เลือกใช้ซึ่งถ้าหากจะใช้กระจกที่มีเฉดสีตามที่ต้องการก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากสีของฟิล์มติดกระจกมีจำกัด
4. การฉลุลาย
ควรคำนึงถึง 2 เรื่องลวดลายและการนำไปใช้งาน ลายที่ฉลุควรมีพื้นที่ของวัสดุปิดผิวเหลือไว้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งเพื่อความแข็งแรงของชิ้นงาน ส่วนการใช้งานสามารถติดชิ้นงานลงบนแผ่นไฮเพรสเชอร์ลามิเนตหรือแผ่นคริสตัลบอร์ดที่ทำหน้าที่เป็น Backing อีกชั้นหนึ่งเพื่อเสริมความแข็งแรงจากนั้นจึงนำไปติดตั้งบนพื้นผิวต่างๆ ได้ แต่หากต้องการติดลอยแนะนำให้ใช้วัสดุที่มีความหนามากขึ้นเช่น แผ่นคอมแพคลามิเนต หรือเสริมแกนกลางด้วยไม้อัดหรือ MDF บอร์ดที่ฉลุลายเดียวกันแล้วปิดด้านหน้าและด้านหลังด้วยวัสดุฉลุที่ต้องการ
5. การซ่อนไฟ
แผ่นคริสตัลบอร์ดรุ่นโปร่งแสงสามารถตอบโจทย์การใช้งานลักษณะนี้ได้เป็นอย่างดี โดยสามารถใช้ร่วมกับคริสตัลบอร์ดรุ่นสะท้อนแสงได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องมีการออกแบบเรื่องโครงสร้างเพื่อรับน้ำหนักของตัวชิ้นงานควบคู่กันไปด้วยและต้องระวังเรื่องเส้นสายที่จะเกิดขึ้นจากรอยต่อต่างๆ เป็นอย่างดี
6. การทำพื้นผิวให้มิติ
นิยมใช้กับงานฝ้าเนื่องจากเป็นบริเวณที่จะไม่มีถูกผู้ใช้งานสัมผัส หรือหากจะใช้บริเวณผนังก็ควรใช้กับผนังที่อยู่สูงเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายจากการกระแทก ทั้งนี้ Path design สามารถทำได้ทั้งงานดีไซน์แบบนูนต่ำ เช่น การใช้แผ่นลามิเนตซ้อนกันโดยชั้นบนสุดตัดหรือฉลุเป็นลวดลายต่างๆ เพื่อให้มองเห็นแผ่นลามิเนตที่อยู่อีกชั้น หรือการทำชิ้นงานแบบนูนสูงหรือแบบ 3 มิติก็สามารถทำได้เช่นกัน
งานแกะสลักไม้คืออะไร มีขั้นตอนการทำอย่างไร
งานแกะสลักไม้ คือ การใช้วัสดุแข็งและคม เช่นโลหะชนิดต่างๆ ขูดลงบนเนื้อไม้ประเภทต่างๆ บางส่วน ทำให้เกิดลวดลายหลากหลาย ทั้งลายที่แกะลงไปในตัวเนื้อไม้และลายที่ทำให้เนื้อไม้เกิดเป็นรูปทรงต่างๆ แบบสามมิติ เป็นศิลปหัตกรรมและประติมากรรมชนิดหนึ่ง สำหรับประเทศไทยของเรางานแกะสลักไม้มีมายาวนานตั้งแต่ครั้งอดีต เป็นงานศิลปกรรมที่เริ่มจากความศรัทธาในศาสนาเป็นหลัก เรียกผลงานศิลปะการแกะสลักไม้ว่า เครื่องไม้จำหลัก
ขั้นตอนการแกะสลักเริ่มจากการเตรียมอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ ได้แก่ สิ่ว เป็นอุปกรณ์ที่ทำจากเหล็กกล้ามีความเหนียวและแข็ง นำมาเจียรและตีให้เกิดความคม มีทั้งลักษณะหน้าตรง หน้าโค้ง ขนาดแตกต่างกันออกไป สิ่วหน้าโค้ง หรือสิ่งโค้งเล็บมือ จะใช้ตอกไม้ในส่วนที่ต้องการให้ได้พื้นผิวรูปโค้งและใช้แต่งลายด้วยการปาดแต่ง สิ่วปากเสี้ยว เป็นสิ่วที่มีพื้นผิวเฉียงไปทางหนึ่งทางใดก็ได้ มีทั้งสิ่วเสี้ยวซ้ายและสิ่วเสี้ยวขวา อุปกรณ์อีกอย่างคือค้อนไม้ มักจะทำจากไม้ชิงชันหรือไม้แก่นมะขาม มีเส้นผ่าศูนย์กลางตัวค้อนประมาณ 5-6 นิ้ว ใช้คู่กันในการตอกด้ามสิ่ว วัสดุไม้ที่นำมาแกะสลักต้องเลือกชนิดของไม้ที่มีเนื้อไม้ที่เหมาะในการแกะสลัก ชนิดไม้ที่นิยมนำมาแกะสลักคือ ไม้ชิงชัน ไม้สัก ไม้โมกมันและไม้ฉำฉา
งานที่ได้จากการแกะสลักไม้มีสามประเภทก็คือ ประเภทนูนสูง ประเภทนูนต่ำและประเภทลอยตัว เริ่มมจากจะต้องเลือกรูปแบบของชิ้นงานว่าจะทำชิ้นงานแกะสลักออกมาเป็นลักษณะใดและภาพใด ภาพแกะสลักนูนต่ำ นูนสูง หรือลอยตัว จากนั้นต้องเลือกวัสดุหลักคือไม้ให้ได้ขนาดและรูปทรงที่เหมาะสมกับรูปแบบของงานทแกะสลักที่จะทำด้วย ในการแกะสลักเบื้องต้นครั้งแรกเรียกกันว่า โกลน เริ่มต้นการแกะสลักด้วยการโกลนเปรียบเสมือนการขึ้นโครงในการวาดภาพ การโกลนนั้นถือว่าสำคัญมาก เมื่อโกลนจนได้รูปทรงและลวดลายเบื้องต้นที่เป็นโครงร่างนำทางแล้ว จึงทำการแกะสลักเสลาไม้ในรายละเอียดที่ค่อยๆ ละเอียดขึ้น ชิ้นงานก็จะได้ความชัดเจน คมและสวยงามมากขึ้นเรื่อยๆ เน้นความอ่อนช้อยและซับซ้อนในรายละเอียด เมื่อแกะสลักจนได้ลวดลายที่ต้องการแล้วก็มาถึงขั้นตอนการแต่งชิ้นงาน ให้เนี้ยบด้วยการใช้กระดาษทรายขัดส่วนเกินออกให้ได้รูป จากนั้นก็ทาด้วยดินสอพองต่อด้วยน้ำมันเคลือบเนื้อไม้ หรือจะเลือกทาน้ำมันชักเงา ขึ้นอยู่กับว่าต้องการให้งานานแกะสลักนี้ออกมาเป็นลักษณะใด จึงเป็นอันเสร็จขั้นตอน ช่างแกะสลักไม้ที่เก่งและมีฝีมือเป็นเลิศ เมื่อเสร็จขั้นตอนการแกะสลักด้วยสิ่วแล้ว งานจะออกมาสวยงามสำเร็จโดยไม่ต้องใช้กระดาษทรายหรือสิ่งใดมาขัดแต่งชิ้นงานเลย