เราเป็นบริษัทรับจัดงาน Event งานอีเว้นท์ ประชุมสัมมนาเปิดตัวสินค้า งานแสดงสินค้า ราคาตามงบประมาณที่คุณต้องการ ผลงานจัดงานอีเว้นท์ของเรา
5 เคล็ดลับ เลือกชุดเครื่องเสียง
1. เลือกให้เหมาะกับลักษณะของงาน
หากต้องการใช้งานเพื่อบรรยาย เน้นการเรียนการสอนนอกสถานที่ อาจจะใช้ชุดลำโพงมีแอมป์ในตัวและมีแบตเตอร์รี่และมีไมค์ในตัว ขนาดที่เหมาะสม เพื่อการใช้งานที่ง่าย และขนย้ายสะดวก
หรือหากใช้เพื่องานแสดงคอนเสิร์ต อาจะต้องใช้ชุดเครื่องเสียงที่มีคุณภาพสูง ให้ความดังที่ครอบคลุมพื้นที่และให้คุณภาพเสียงที่ดี
2. เลือกให้เหมาะกับขนาดพื้นที่ และจำนวนคน
ขนาดพื้นที่เล็กๆหรือจำกัด อาจจะใช้ชุดเครื่องเสียงขนาดเล็ก หากเป็นขนาดพื้นที่ใหญ่หรือกว้าง ก็ต้องใช้ชุดเครื่องเสียงมีขนาดที่พอเหมาะหรือใหญ่ขึ้นหรือจำนวนของลำโพงที่มีจำนวนมากพอ เพื่อให้เสียงที่ครอบคลุมพื้นที่ เพื่อการได้ยินอย่างชัดเจนอย่างทั่วถึง
ก่อนเลือกซื้อ ให้เราตรวจสอบขนาดพื้นที่ใช้งาน และจำนวนคนเสียก่อน ว่ามีพื้นที่ขนาดเท่าไหร่ จำนวนคนประมาณเท่าใด (นอกจากนี้สิ่งที่จะต้องคำนึงถึงเรื่องการใช้งานก็คือ เป็นงานอินดอร์ในร่ม หรืองานกลางแจ้งอีกด้วย
เพื่อให้ตอบโจทย์กับการใช้งานมากที่สุด)
3. ดูงบประมาณในกระเป๋าตังค์ หรือในงบประมาณที่จำกัด
วิธีง่ายๆ แต่ได้ผลนั่นคือ “การเลือกแล้วเปรียบเทียบ” เราอาจจะดูชุดเครื่องเสียงเบื้องต้นที่ตรงใจเรา และอยู่ในงบที่เราจ่ายไหว ไว้ซัก 2- 3 ชุดหรือ 2-3 ยี่ห้อ หรือมากกว่า แล้วนำมาเปรียบเทียบคุณภาพ ทั้งเรื่องคุณภาพเสียง ฟังก์ชั่นการใช้งาน
4. ปรึกษาผู้รู้ ทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ที่ไว้ใจได้
“ระบบเสียง” (Sound Systems) โดยตรง จากร้านค้า บริษัท และทีมงานที่มีคุณภาพ ที่เชื่อถือได้ และมีผลงานเป็นที่ยอมรับ
5. ใช้ของแท้ ของดี มีประกันหลังการขาย
หตุผลสุดท้ายที่เราอยากแนะนำ นั่นคือใช้ของแท้ ของดี มีประกัน
*********************************************************************************************
1. งานกลางแจ้ง มีผู้ชมจำนวนมาก
สำหรับงานแรก จะต้องเน้นไปในเชิงกลางแจ้ง และมีผู้เข้าร่วมงานมากพอสมควร จึงต้องเน้นไปที่ระบบไมโครโฟน ยิ่งมีจำนวนมาก แอมป์กำลังสูงยิ่งดี
โดยหลักการเลือกเช่าเครื่องเสียงสำหรับงานประเภทนี้จะต้องมี ไมโครโฟน มิกเซอร์ กราฟิกอีคิว ครอสโอเวอร์ เครื่องขยายเสียงหรือแท่น Power Amplifier
และลำโพง อีกทั้งก็ต้องใช้ลำโพงจำนวนมาก เพื่อให้ได้ความดังรวม หรือ dB SPL มากๆ เช่นกัน และถ้าจะให้ดีก็ควรจะเลือกเช่าลำโพงที่เป็น 2 ทาง 3 ทาง หรือ 4 ทาง
ที่มีครอสโอเวอร์แยกความถี่ให้ เพื่อให้เกิดความสมจริงนั่นเอง
2. งานอีเว้นท์ขนาดเล็ก
สำหรับประเภทนี้ จะต้องเป็นราวๆ บูธแสดงสินค้าขนาดเล็ก งานเปิดตัวสินค้าหรืองานแถลงข่าว ซึ่งหลักๆ ก็ต้องเน้นไปที่ลำโพงเล็กๆ แค่คู่เดียวก็เพียงพอ
แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรจะต้องเช่าเครื่องผสมเสียงขนาดเล็ก ไมโครโฟน ประเภทไร้สาย เพื่อความคล่องตัว เครื่องเล่นซีดี เครื่องชดเชยความถี่ เครื่องขยายเสียงหรือแอมป์
ซึ่งก็ควรจะเลือกวัตต์ที่เท่ากับลำโพงหรือมากกว่าสัก 2-2.5 เท่า และสุดท้ายก็คือ ลำโพงฟูลเร้นจ์ (Full range)
รับรองได้เลยว่าได้ยินแบบชัดแจ๋วและดังชัดเจนแม้จะเป็นบูธเล็กๆ ก็ตาม
3. ร้านอาหารหรือสถานบันเทิง
การจะเลือกเช่าเครื่องเสียงให้เหมาะกับแนวร้านอาหารหรือสถานบันเทิงนั้น จะต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าเป็นหลัก บางครั้งจ้างมาซะแพงแต่คุณภาพไม่คุ้มก็เยอะแยะไป
ซึ่งสิ่งที่เราควรจะคำนึงก็มีเรื่องของสภาพห้องที่ควรเป็นแบบอะคูสติก เพื่อให้สามารถดูดซับเสียงได้ดียิ่งขึ้น และร้านอาหารหรือสถานบันเทิงไม่ควรมีระดับความดังสูงเกินกว่า 83dB
เพราะถ้าเกินกว่านั้นจะทำให้ฟังแล้วรู้สึกไม่เพราะ และถ้าจะให้ดีก็ควรจะลงทุนจ้างคนที่มีความรู้เฉพาะมาควบคุมระบบเสียงเลยจะดีที่สุด
4. งานกลางแจ้งระดับคอนเสิร์ตใหญ่โต
แน่นอนล่ะว่า เพราะเป็นพื้นที่ระดับใหญ่โต ก็เลยจะต้องเลือกเช่าเยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องผสมสัญญาณเสียง ไมโครโฟน ที่ต้องมีประมาณราวๆ 20 กว่าตัว
เครื่องเล่นซีดี เครื่องชดเชยความถี่ Cross Over / DSP หรืออุปกรณ์ตัดแบ่งความถี่ ให้เหมาะสมกับแอมป์และลำโพงนั่นเอง Power Amp และลำโพง
*********************************************************************************************
4 วิธีเลือกเช่าเครื่องเสียงยังไง ให้เหมาะกับงานแต่ง
1.การเลือกใช้เครื่องเสียง การเลือกใช้เครื่องเสียงที่จะนำมาจัดงานนั้น ต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆเช่น มี พิธีกรกี่คน การเปิดเพลงโดยใช้คอมพิวเตอร์หรือไม่
มีวงดนตรีในงานหรือไม่ มีคาราโอเกะให้แขกร้องเพลงหรือไม่ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ทราบว่าจะต้องใช้อุปกรณ์หรือเครื่องเสียงอย่างไรบ้าง
2.สถานที่ในการจัดงานแต่ง ก่อนอื่นเราต้องตรวจสอบก่อนว่าสถานที่ในการจัดงานแต่งของเราเป็นแบบไหน จัดงานกลางแจ้ง หรือภายในอาคาร
และตรวจสอบว่าสถานที่นั้นมีอุปกรณ์เครื่องดนตรีเครื่องเสียงรวมอยู่ในค่าเช่าหรือไม่ และดูว่าเครื่องเสียงสามารถรองรับแขกได้มากน้อยแค่ไหน
ถ้ากลางแจ้งก็ต้องใช้เครื่องเสียงขนาดใหญ่ ส่วนสถานที่ที่ไม่ได้มีเครื่องเสียงให้ก็จำเป็นที่จะต้องเช่าเครื่องเสียง หรือนำเครื่องเสียงที่มีอยู่แล้วมาเองก็ได้
แต่อย่าปฏิเสธที่จะไม่ใช้เครื่องเสียง เพราะเครื่องเสียงมีความจำเป็นมากในการจัดงาน
3. จะเช่าแยกหรือเหมารวมดี บางสถานที่จะมีเครื่องเสียงให้เหมารวมกับค่าเช่าสถานที่ แต่ก็อาจมีข้อจำกัดอย่างบางครั้งเครื่องเสียงอาจจะไม่เหมาะกับงานแต่งของเรา
แต่เหมาะกับงานสัมมนามากกว่า ระบบเสียงอาจไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนการเช่าแยกถ้าเป็นวงนักดนตรี มักจะมีเครื่องดนตรีเป็นของตนเองอยู่แล้ว เช่น คีย์บอร์ด กีต้าร์ เครื่องเป่า เป็นต้น
แต่เครื่องเสียงเราอาจจะใช้ของสถานที่นั้นที่จัดเตรียมไว้ให้แต่คุณภาพเสียงยังไม่ดีเท่าที่ควรสำหรับงานแต่ง เราสามารถเช่าเครื่องเสียงแยกต่างหากได้ เพื่อให้การเล่นดนตรีสดมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. ช่วงพิธีการกับอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ถ้าบรรเลงดนตรีขับกล่อม หรือเป็นพิธีการประชาสัมพันธ์ทั่วไป อาจใช้เครื่องเสียงมีให้กับสถานที่นั้นได้ แต่ช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้
จะเป็นช่วงที่ต้องบรรเลงดนตรีสดให้ไพเราะสนุกสนาน เครื่องเสียงสำหรับนักดนตรีจะไม่เหมือนเครื่องเสียงที่ใช้ในพิธีการทั่วไป และมีการใช้เครื่องเสียงเพิ่มเติม เช่น Mixer
เครื่องผสมสัญญาณเสียง ตู้แอมบริไฟล์เออร์ใช้สำหรับนักดนตรีในตำแหน่งต่างๆ ลำโพงมอนิเตอร์ที่ใช้วางด้านหน้านักดนตรี และอุปกรณ์อื่นๆที่ช่วยให้การเล่นดนตรีมีประสิทธิภาพ เป็นต้น
****************************************************************************************