ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน

wangstation profile image wangstation



ยาคุมฉุกเฉินคืออะไร ? 
เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่ผู้หญิงทั่วโลกใช้ยาคุมฉุกเฉินในการป้องกันการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน (unprotected sex) องค์การอนามัยโลกให้การรับรองว่าการกินยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกัน การตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ในระดับหนึ่ง 
ยาคุมฉุกเฉินมีส่วนผสมเช่นเดียวกับยาคุมธรรมดา แต่มีปริมาณฮอร์โมนต่อเม็ดสูงกว่าและต้องกินหลังจากมีเพศสัมพันธ์ภายในเวลาที่กำหนดเท่านั้น จึงจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ในขณะที่ยาคุมธรรมดาต้องกินวันละ 1 เม็ด ทุกๆ วัน (กรณีแผงละ 28 เม็ด) และมีปริมาณฮอร์โมนต่อเม็ดน้อยกว่า 
ยาคุมฉุกเฉินมี 2 แบบ 
ยาคุมฉุกเฉินฮอร์โมนผสม ซึ่งประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสตินผสมกัน(Combined Pill Regimens : Yuzpe Method) ปริมาณยาที่กินแต่ละครั้งต้องมีฮอรฺโมนเอธิลเอสตราดิออล(ethinyl estradiol) อย่างน้อย 0.1 มิลลิกรัม รวมกับฮอร์โมนเลวอนอร์เจสเตรล(levonorgestrel) อย่างน้อย 0.5 มิลลิกรัม 
ยาคุมฉุกเฉินฮอร์โมนเดี่ยว ซึ่งมีฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงอย่างเดียว(Progestin-Only Pill Regimens) ปริมาณยาที่กินแต่ละครั้งต้องมีฮอร์โมนเลวอนอร์เจสเตรล(levonorgestrel) อย่างน้อย 0.75 มิลลิกรัม 
ใครควรกินยาคุมฉุกเฉิน ? 
ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาคุมธรรมดาซึ่งที่ต้องกินเป็นประจำทุกวัน หากแต่ยาคุมฉุกเฉินมีปริมาณฮอร์โมนสุงกว่าเพราะผลิตขึ้นมาเพื่อ แก้ปัญหาให้แก่ผูหญิงที่ไม่ต้องการตั้งครรภ์ในกรณีต่อไปนี้เท่านั้น 
  • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้วิธีคุมกำเนิดใดๆ 
  • ใช้ถุงยางแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่ารั่ว/แตก/หลุดหรือไม่ 
  • กินยาคุมชนิดธรรมดาอยู่ แต่ลืมเกินไป วันสองวันหรือนานกว่านั้น 
  • ใส่ห่วงคุมกำเนิดแล้ว แต่มันหลุด 
  • นับระยะปลอดภัย (หน้าเจ็ดหลังเจ็ด) ผิดพลาด 
  • ถูกข่มขืน, มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ตั้งใจ ไม่เต็มใจ 
ในภาวะฉุกเฉินที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ การกินยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกวิธี หลังจากมีเพศสัมพันธ์จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการตั้งครรภ์ได้ประมาณ75% แต่ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์อยู่เป็นประจำ หรือมีเป็นระยะๆ คุณควรจะใช้วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมดาซึ่งจะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีกว่าการกินยาคุมฉุกเฉิน 

<>
ยาคุมฉุกเฉินที่ขายในบ้านเราขณะนี้มีอยู่2 ยี่ห้อ คือ 
โพสตนอร์ (Postinor) และมาดอนนา(Madonna) 
ซึ่งทั้งสองยี่ห้อต่างก็เป็นยาคุมฉุกเฉินฮอร์โมนเดี่ยว 

วิธีการกินยา 
ตามข้อมูลทางวิชาการ การกินยาคุมฉุกเฉินทั้งแบบฮอร์โมนผสม และแบบที่มีฮอร์โมนเดี่ยวมีวิธีการกินเหมือนกันคือ ต้องกิน 2 ครั้ง 
ครั้งแรกภายในเวลา 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ 
ครั้งที่สอง กินหลังจากที่กินครั้งแรกไปแล้ว 12 ชั่วโมง 
หมายความว่า ถ้ามีเพศสัมพันธ์ตอนสองทุ่ม และกินยาเม็ดแรกตอน 5 ทุ่ม จะต้องกินยาเม็ดที่สองตอน11 โมงเช้าซึ่งก็คือ 12 ชั่วโมงถัดมานั่นเอง 
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังมีการศึกษาวิจัยว่า จำเป็นต้องกินยาเม็ดที่สองหรือไม่เพราะถ้าประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีที่กินเม็ดเดียว กับกรณีที่กินยาสองเม็ดนั้นไม่แตกต่างกันการกินแค่เม็ดเดียว น่าจะช่วยลดอาการข้างเคียงของยาลงได้แต่ยังไม่สามารถยืนยันผลใดๆเนื่องจากการศึกษาวิจัยนี้ยังไม่เสร็จสิ้น 
ยาคุมธรรมดาก็สามารถใช้เป็นยาคุมฉุกเฉินได้ 
ยาคุมแบบธรรมดาว่าจะเป็นแผง 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ที่มีชนิดและปริมาณของฮอร์โมนตรงตามสูตรของยาคุมฉุกเฉินสามารถนำมาใช้กินเป็นยาคุมในเวลาฉุกเฉินได้ ตารางที่แสดงในหน้าต่อไปจะบอกให้รู้ว่ามียาคุมที่ขายในประเทศไทยยี่ห้อใดบ้างที่สามารถนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉินได้ ข้อควรระวังในการกินยาแต่ละยี่ห้อก็คือ การกินแต่ละครั้งจะมีจำนวนเม็ดยา ที่ต้องกินมากน้อยต่างกันไปตามปริมาณของฮอร์โมนที่มีอยู่ในตัวยาแต่ละยี่ห้อและในการกินแต่ละครั้งจะต้องกินยี่ห้อเดียวกันเท่านั้น 

<>
การกินยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อโพสตินอร์(Postinor) หรือ 
มาดอนนา (Madonna) ก็ให้ใช้วิธีนี้เช่นกันคือ 
กินเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์
ที่ไม่ได้ป้องกัน 
แล้วกินเม็ดที่สองในอีก 12 ชั่วโมงถัดมา

ตารางแสดงชื่อของยาคุมธรรมดาที่มีขายตามร้านขายยาทั่วไป(1) 
และสามารถนำมาใช้ป้องกันการตั้งครรภ์ในภาวะฉุกเฉินได้ 


<>
ชื่อยี่ห้อ
จำนวนเม็ดที่ต้องกิน
ครั้งที่ 1 
จำนวนเม็ดที่ต้องกิน
ครั้งที่ 2
ปริมาณฮอร์โมนที่ได้รับ
เมื่อเทียบกับสูตรยาคุมฉุกเฉิน (2)
Engynon 
พอดี 
Exlution 
1 ? 
1? 
พอดี 
Nordette 
ขาดเล็กน้อย 
Microgynon
ขาดเล็กน้อย
Microgest 
ขาดเล็กน้อย 
Anna 
ขาดเล็กน้อย
Marvelon
ขาดเล็กน้อย 
Trinordiol 
4 (เม็ดสีเหลือง) 
4 (เม็ดสีเหลือง)
เกินเล็กน้อย

(1) ข้อมูลเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2542 
(2) แม้ว่าปริมาณฮอร์โมนจะขาดหรือเกินเล็กน้อย แต่อนุโลมให้ใช้ป้องกันการตั้งครรภ์ไนภาวะฉุกเฉินได้ถ้าไม่สามารถหายี่ห้ออื่นได้ทัน 
ยาคุมฉุกเฉินเท่าที่พบตามร้านขายยาทั่วไปมี 2 ยี่ห้อคือ โพสตินอร์ (Postinor)หรือ (Madonna) ซึ่งเป็นชนิดฮอร์โมนเดี่ยว มีปริมาณฮอร์โมนต่อเม็ด 0.75 มิลลิกรัมวิธีการกินยาที่เขียนไว้ในใบกำกับยาของทั้งสองยี่ห้อนี้แนะนำให้ผู้ใช้กินยา1 เม็ด ภายใน 1 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามข้อมูลจากงานวิจัยในหลายประเทศทั่วโลกบ่งชี้ว่ายาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนเดี่ยวจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้85% ถ้ากินยา 2 ครั้ง แต่ละครั้งต้องมีปริมาณฮอร์โมน 0.75 มิลลิกรัม โดยกินตั้งที่1 ไปแล้วอีก 12 ชั่วโมงต่อมาให้กินครั้งที่ 2 ตามไปทันที 

<>
- กินยาครั้งที่ 1 ภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์
และอยู่ในภาวะฉุกเฉินที่ไม่มั่นใจว่าจะปลอดภัยจากการตั้งครรภ์ 
- กินยาครั้งที่ 2 หลังจากกินยาครั้งที่1 ผ่านไปแล้ว 12 ชั่วโมง
- ควรกินยาตามจำนวนเม็ดที่แนะนำไว้การกินยาจำนวนมาก
เกินกว่าที่แนะนำไว้ จะไม่ช่วยให้การป้องกันการตั้งครรภ์มีประสิทธิภาพดีขึ้น
แต่อย่างใด กลับจะยิ่งทำให้รู้สึกคลื่นไส้และอาเจียนมากขึ้น 

อาการข้างเคียง 
จากการศึกษาวิจัยพบว่า หลังจากกินยาคุมฉุกเฉินเข้าไปแล้ว ผู้หญิง 1 ใน 2 คนจะมีอาการคลื่นไส้และผู้หญิง1 ใน 5 คนอาเจียน หากกินยาพร้อมกับกินอาหารตามเข้าไปด้วยก็จะช่วยลดอาการคลื่นไส้ลงได้บ้างแต่ถ้าอาเจียนในช่วง 2 ชั่วโมงแรกหลังจากการกินยาเม็ดแรก ก็อาจจะต้องกินเม็ดแรกซ้ำอีกครั้ง 
หลังการกินยานี้แล้ว ประจำเดือนควรจะมาภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่ถ้าประจำเดือนไม่มาภายในเวลาดังกล่าวและมีอาการต่อไปนี้คือ 
  • ปวดท้อง 
  • เจ็บหน้าอก ไอ หรือหายใจขัด 
  • ปวดหัวมาก วิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย มึนงง 
  • มองเห็นไม่ชัด 
  • ปวดน่องหรือโคนขาอย่างหนัก 
ให้รีบไปพบแพทย์ทันทีเพราะอาจเป็นการบ่งชี้ถึงการตั้งครรภ์ หรืออาการแทรกซ้อนที่จำเป็นต้องให้แพทย์วินิจฉัย 
ยาคุมฉุกเฉินป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างไร? 
การออกฤทธิ์ของยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินนั้นมีลักษณะเดียวกัน กับยาเม็ดคุมกำเนิดแบบธรรมดาจากการศึกษาเชิงสถิติพบว่า ยาคุมฉุกเฉินมีการทำงานหลายอย่างพร้อมๆ กัน อาทิเช่นขัดขวางการตกไข่, ทำให้การตกไข่ช้าลงกว่าเดิม ขัดขวางการปฏิสนธิโดยสร้างเมือกขึ้นในท่อนำไข่ทำให้อสุจิและไข่เคลื่อนที่เข้าหากันลำบากขึ้น ขัดขวางการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมแล้วเป็นต้นกลไกการทำงานหลายทางนี้ทำให้ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพ ในการป้องกันการตั้งครรภ์ค่อนข้างสูงถ้าใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้น 
ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ 
การกินยาคุมฉุกเฉินจะต้องกินหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้มีป้องกันการตั้งครรภ์นั่นคือ เพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้วิธีคุมกำเนิดใดๆ เลย หรือใช้แล้วแต่ไม่ได้ผลหรือไม่แน่ใจ รวมทั้งในกรณีที่ถูกบังคับหรือล่อลวงให้มีเพศสัมพันธ์ หรือกรณีที่ถูกข่มขืน 
หากกินยาอย่างถูกต้อง คือ กินยาครั้งแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันและอีก12 ชั่วโมงถัดมาก็กินครั้งที่สอง ยานี้มีประสิทธิภาพใน การลดโอกาสตั้งครรภ์ได้75 เปอร์เซนต์ 
องค์การอนามัยโลกได้ทำการศึกษาและพบว่า ยาคุมฉุกเฉินแบบที่มี ฮอร์โมนโปรเจสตินชนิดเดียวหรือที่เรียกว่ายาคุมฉุกเฉินฮอร์โมนเดี่ยวนั้นมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์มากกว่ายาคุมฉุกเฉินฮอร์โมนผสมโดยการสามารถลดโอกาสการตั้งครรภ์ลงได้85% และยังก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียนน้อยกว่าด้วย 
แต่ถ้ามีการใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นประจำประสิทธิภาพของยาจะลดต่ำ กว่าการกินยาคุมแบบธรรมดาทันที 
ยาคุมฉุกเฉิน ปลอดภัยหรือเป็นอันตราย? 
สถาบันสูตินารีแพทย์ประเทศสหรัฐอเมริกา (American Callege of Obstetrics andGynecology-ACOG) ได้ทำการศึกษาวิจัยผลกระทบข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น จากการใช้ยาคุมฉุกเฉินพบว่าการใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกวิธี และใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินจริงๆ นั้นไม่ก่อให้เกิดผลกระทบข้างเคียงใดๆที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization)ยังได้บรรจุยาคุมฉุกเฉินไว้ใยบัญชียาในปี พ.ศ.2539 ด้วย 
สำหรับผู้ที่มีประวัติเป็นโรคลมชัก, โรคหัวใจ, โลหิตแข็งตัว หรือโรคที่เกี่ยวเนื่องกับเส้นเลือดหัวใจอาจจะต้องปรึกษาแพทย์เสียก่อนหรืออาจจะใช้ยาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ซึ่งปลอดภัยกว่าชนิดฮอร์โมนผสมอย่างไรก็ตาม ประมาณ 20 ปีที่การผลิตยานี้ขึ้นมาใช้ ยังไม่พบว่ามีรายงานการเสียชีวิตหรืออาการแทรกซ้อนร้ายแรงที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาคุมฉุกเฉิน 
การกินยาคุมฉุกเฉินสามารถทำให้เกิดการแท้งได้หรือไม่ ? 
ในทางการแพทย์ถือว่าการตั้งครรภ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อไข่ที่ได้รับการผสม มีการฝังตัวที่มดลูกอย่างสมบูรณ์แล้วซึ่งกระบวนการฝังตัวนี้จะเริ่มต้นหลังจากเกิดการผสมระหว่างไข่กับอสุจิแล้วประมาณ 5 วัน และจะใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์จึงจะฝังตัวเสร็จสมบูรณ์ ตัวยาในยาคุมฉุกเฉินจะไร้ประสิทธิภาพไปในทันทีที่กระบวนการฝังตัวเกิดขึ้น จึงไม่สามารถทำให้เกิดการแท้งได้อย่างเด็ดขาด 
ถ้ากินยาคุมฉุกเฉินแล้วแต่ยังตั้งครรภ์เด็กในครรภ์จะพิการหรือไม่ ? 
การกินยาคุมฉุกเฉินในกรณีฉุกเฉินจริงๆ (ซึ่งไม่น่าจะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นบ่อยๆในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งๆ ) ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ทารกมีความพิการแต่กำเนิดไม่ว่าจะเป็นในกรณีที่ผู้หญิงกินยาโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่ หรือกินยานี้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์แต่ไม่ได้ผลก็ตามเพราะมีการศึกษาพบว่า การกินยาคุมในขณะที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อความพิการของทารกที่จะคลอดออกมา 


ความคิดเห็น

ประกาศล่าสุดในบอร์ดเดียวกัน