4. Reading is the Best Treasure. จริงแท้และแน่นอน (ตอนที่ 2)

4. Reading is the Best Treasure. จริงแท้และแน่นอน (ตอนที่ 2)

 อย่างแรกต้องขอขอบคุณนักเรียนทุกคน ทั้งที่เป็นศิษย์ปัจจุบัน ศิษย์เก่า และเพื่อนๆ ของลูกศิษย์ที่หลวมตัวตามเพื่อนมาเข้าร่วม meeting เพื่อแบ่งปันความคิด ความฝัน เมื่อวันสาร์ที่ผ่านมาก่อนนะครับ จริงๆ แล้ววันนั้นอาจารย์กะว่านักเรียนที่มาน่าจะไม่เกิน ห้า หก คน เพราะแค่บอกกันผ่านทาง facebook ก่อนไม่กี่วัน แต่ปรากฏว่ามามากกว่าที่คาดไว้เยอะเลยครับ บางคนเรียนจบไปนานแล้ว แต่ไม่เคยเจอกับอาจารย์ตัวเป็นๆ เลย เรียนผ่านทาง DVD ตลอด อาจารย์เห็นความตั้งใจของลูกศิษย์ที่มาแล้วมีความสุขมากครับ ตอนแรกกะไว้ว่าจะพูดแค่สองชั่วโมง เอาเข้าจริงบานไปเกือบ ห้า หก ชั่วโมงเลย ในวันนั้นอาจารย์ก็ได้พูดให้นักเรียนฟังเรื่องความรู้ทางการเงิน (financial knowledge) ในหลายๆ ด้าน ซึ่งก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่น้องๆ ในหลายๆ เรื่อง ตอนแรกก็กะว่าจะอัดไว้มา up ขึ้น Web  แต่ไปๆ มาๆ ไม่สามารถ up ได้ เพราะพูดค่อนข้างลึก ตรง และแรงๆ ในหลายๆ เรื่อง ซึ่งจะขัดแย้งกับสิ่งที่เราโดนปลูกฝังมาจากที่โรงเรียน และที่บ้าน  น้องๆ ที่ไม่เคยเรียนกับอาจารย์อาจจะเข้าใจผิดได้ ก็เลยต้องงดไว้ก่อน  แต่ที่อาจารย์ประทับใจก็คือน้องๆ ที่มาในวันนั้นร่วมแบ่งปันความฝัน ประสบการณ์ของตัวเอง ให้เพื่อนๆ ร่วมฟัง บางคนอาจจะยังไม่ชัดเจนนักในเป้าหมายของตัวเอง บางคนไม่สามารถตอบได้ว่าอนาคตตัวเองต้องการอะไร ทั้งๆ ที่เรียนที่โรงเรียนที่มีชื่อเสียง และสอบได้ระดับต้นๆ ของห้อง  รู้แต่ว่าตัวเองต้องทำเกรดให้ดีที่สุด สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงให้ได้ แต่จากนั้นจินตนาการไม่ออกแล้ว เมื่อถึงเวลาก็เลยต้องเรียนต่อปริญญาโทถ่วงเวลาไปก่อน โดยหวังว่าตัวเองน่าจะมีความมั่นคงขึ้น ซึ่งสุดท้ายอาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้นะครับ

มีผุ้ที่ประสบความสำเร็จหลายท่านเคยพูดไว้ว่าความรู้ที่เราได้จากที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัยนั้นเป็นพื้นฐานทั่วๆ ไป ที่เราสามารถนำไปใช้จริงได้ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ (อันนี้อาจารย์ค่อนข้างเห็นด้วย) ที่เหลือเราต้องขวนขวายหาและเรียนรู้ด้วยตัวเองจากประสบการณ์ด้านต่างๆ แต่เราก็ไม่สามารถมีประสบการณ์ตรง (direct experience) ได้จากทุกเรื่อง
แต่เราก็สามารถชดเชยได้จากการหาประสบการณ์ทางอ้อม(indirect experience) จากสิ่งต่างๆ เช่น TV,  internet, พูดคุยกับเพื่อนๆ คนที่มีประสบการณ์และความรู้มากกว่าเรา โดยเฉพาะคนที่ประสบความสำเร็จ และเก่งมากๆ แต่ข้อจำกัดก็คือคนที่เก่งมากๆ มักจะไม่มาคุยกับเราให้เสียเวลาเขาหรอกครับ แต่เราก็สามารถเรียนรู้ประสบการณ์และความคิดของพวกเขาได้จากงานของเขา โดยเฉพาะหนังสือที่เขียนถึงความรู้และสิ่งที่เขาได้รับมาก่อนที่เขาจะประสบความสำเร็จ คนเก่งๆ ในที่นี้มีมาจากมากมายหลายสาขาเหลือเกิน เช่น Robert T. Kiyosaki ที่เขียนหนังสือตระกูล Rich Dad หรือพ่อรวยสอนลูก  ท่าน ว วชิรเมธี ที่บอกเล่าถึงการใช้ธรรมะในชีวิตประจำวันง่ายๆ  Ronda Byrne ผู้แต่งหนังสือ The Secret ที่โด่งดังทั่วโลก ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้ใช้หลักการลงทุนในหลักทรัพย์แบบเน้นคุณค่า (value investor)  แม้กระทั่งหนังสือพระไตรปิฏก พระคัมภีร์ไบเบิล ( อาจารย์ว่า หนังสือทางศาสนานี่ควรอ่านฉบับที่คนเก่งๆ เขาตีความแล้วเราจะได้เข้าใจง่ายๆ ได้ประโยชน์และสนุกมากๆ เช่น หนังสือ"ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น" เขียนโดยทันตแพทย์สม สุจีรา ไม่ใช่อ่านหนังสือวิชาพระพุทธศาสนาที่เราเรียนที่โรงเรียน แล้วเวลาสอบให้เราเขียนศีลแปดเรียงข้อ หรืออริยสัจสี่มีอะไรบ้างให้อธิบาย แล้วเราก็ท่องจำไปตอบ สอบเสร็จแล้วก็อำลานะครับ)  หนังสือเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทำให้เราเก่งขึ้น ตัดสินใจในสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้นในหลายๆ ด้านที่เราไม่เคยเจอด้วยตัวเอง  ตัวอาจารย์เองที่มีชีวิตได้อยู่ทุกวันนี้นอกจากคุณพ่อ คุณแม่ ญาติพี่น้อง ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ นักเรียนที่น่ารัก เพื่อน และพี่ๆ พนักงาน AC’CESS ทุกๆ คนแล้ว ก็มีหนังสือนี่ล่ะครับ ที่คอยเคียงข้างเปิดความสว่างทางสติปัญญาให้เราได้มีโอกาสมากกว่าอีกหลายๆ คนในสังคม ทั้งด้านการใช้ชีวิต การเงิน ความรัก เป้าหมายในชีวิต และในด้านอื่นๆ   ก็หวังให้น้องๆ และเพื่อนๆอ่านหนังสือดีๆ มีประโยชน์มากๆ นะครับ พวกเราจะได้เก่งขึ้นแบบไม่มี limit  อ้อ! อาจารย์มีคติอย่างหนึ่งคือ จะไม่งกกับการจ่ายค่าหนังสือ บางทีเหมือนอาจจะแพง บางเล่มอาจเป็นหนังสือที่ดีคุ้มค่า แต่บางเล่มอาจมีเนื้อหาส่วนใหญ่ไม่ได้เรื่อง  แต่สิ่งที่เราได้จากหนังสือเล่มนั้น แม่แค่บรรทัดเดียวอาจเปลี่ยนชีวิตของเราตลอดไป อย่างที่เกิดขึ้นกับอาจารย์ก็ได้นะครับ