วัยใส.....ไกลเอดส์ ตอนที่ 2
หัวข้อ:
วัยใส.....ไกลเอดส์ ตอนที่ 2
เอดส์ ไม่สามารถติดต่อได้ โดยวิธีการดังต่อไปนี้
1. การถูกยุงกัด เนื่องจาก
* เชื้อเอชไอวี ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในยุงได้ เมื่อยุงดูดเลือดเข้าไป หลังจากนั้นไม่นานยเชื้อเอชไอวัจะตาย ก่อนที่ยุงจะไปกัดคนต่อไป
* เชื้อเอชไอวีไม่สามารถแบ่งตัวในยุงได้ เลือดที่ถูกดูดเข้าไปในกระเพาะจึงไม่สามารถแพร่กระจายไปสู่ต่อมน้ำลายของยุงได้ แม้ว่าขณะที่ยุงกัดคนจะมีการบ้วนน้ำลายออกมาก็ไม่มีเชื้อเอชไอวี
* ปากยุงมีขนาดเล็กมาก เวลากัดคนมักไม่มีเลือดติดอยู่ หรือมีก็น้อยมาก ดังนั้นแม้ยุงกัดคนหลายคนก็ไม่ทำให้ติดเอดส์
2. การรับประทานอาหารร่วมกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี เนื่องจาก
โอกาสที่น้ำลายจะปนเปื้อนมาในอาหารมีน้อย และปริมาณไวรัสเอชไอวีในน้ำลายก็มีน้อยมาก จนไมสามารถทำให้ติดเชื้อเอชไอวีได้ แม้จะเล็ดลอดมาในกระเพาะอาหาร กรดในกระเพาะก็จะทำลายเชื้อเอชไอวีได้
3. การสัมผัสหรือถูกเนื้อต้องตัวกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี เนื่องจาก
ผิวหนังที่ไม่มีบาดแผลจะไม่ยอมให้เชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายได้
ถ้าสงสัยว่าติดเชื้อเอชไอวี ควรตรวจเลือดเมื่อใด
การตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวีนั้น มิใช่การตรวจหาตัวเชื้อเอชไอวี แต่เป็นการตรวจหาปฏิกิริยาที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค ที่เรียกว่าภูมิต้านทาน ซึ่งสามารถตรวจพบได้ หลังจากรับเชื้อ 6 สัปดาห์ขึ้นไป
ในกรณีที่ผลเลือดเป็นลบ อาจมีความเป็นไปได้ 2 กรณี คือ
* หมายถึงบุคคลนั้นยังไม่ได้รับเชื้อเอชไอวี
* หรือบุคคลนั้นอาจมีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกายแล้ว แต่ยังตรวจไม่พบ เพราะอาจจะยังรับเชื้อมาไม่นานพอที่จะตรวจพบภูมิต้านทานต่อเชื้อ
เอดส์ป้องกันได้อย่างไร
ในขณะที่ยังไม่มียารักษาโรคเอดส์ให้หายขาดได้ การป้องกันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดย
1. มีเพศสัมพันธ์ โดยสวมถุงยางอนามัย ที่ถูกวิธี
2. สำเร็จความใครด้วยตนเอง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ปลอดภัย
3. ไม่ใช้สารเสพติดทุกชนิด
4. ตรวจเลือดก่อนแต่งงาน ก่อนตั้งครรภ์
1. การถูกยุงกัด เนื่องจาก
* เชื้อเอชไอวี ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในยุงได้ เมื่อยุงดูดเลือดเข้าไป หลังจากนั้นไม่นานยเชื้อเอชไอวัจะตาย ก่อนที่ยุงจะไปกัดคนต่อไป
* เชื้อเอชไอวีไม่สามารถแบ่งตัวในยุงได้ เลือดที่ถูกดูดเข้าไปในกระเพาะจึงไม่สามารถแพร่กระจายไปสู่ต่อมน้ำลายของยุงได้ แม้ว่าขณะที่ยุงกัดคนจะมีการบ้วนน้ำลายออกมาก็ไม่มีเชื้อเอชไอวี
* ปากยุงมีขนาดเล็กมาก เวลากัดคนมักไม่มีเลือดติดอยู่ หรือมีก็น้อยมาก ดังนั้นแม้ยุงกัดคนหลายคนก็ไม่ทำให้ติดเอดส์
2. การรับประทานอาหารร่วมกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี เนื่องจาก
โอกาสที่น้ำลายจะปนเปื้อนมาในอาหารมีน้อย และปริมาณไวรัสเอชไอวีในน้ำลายก็มีน้อยมาก จนไมสามารถทำให้ติดเชื้อเอชไอวีได้ แม้จะเล็ดลอดมาในกระเพาะอาหาร กรดในกระเพาะก็จะทำลายเชื้อเอชไอวีได้
3. การสัมผัสหรือถูกเนื้อต้องตัวกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี เนื่องจาก
ผิวหนังที่ไม่มีบาดแผลจะไม่ยอมให้เชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายได้
ถ้าสงสัยว่าติดเชื้อเอชไอวี ควรตรวจเลือดเมื่อใด
การตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวีนั้น มิใช่การตรวจหาตัวเชื้อเอชไอวี แต่เป็นการตรวจหาปฏิกิริยาที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค ที่เรียกว่าภูมิต้านทาน ซึ่งสามารถตรวจพบได้ หลังจากรับเชื้อ 6 สัปดาห์ขึ้นไป
ในกรณีที่ผลเลือดเป็นลบ อาจมีความเป็นไปได้ 2 กรณี คือ
* หมายถึงบุคคลนั้นยังไม่ได้รับเชื้อเอชไอวี
* หรือบุคคลนั้นอาจมีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกายแล้ว แต่ยังตรวจไม่พบ เพราะอาจจะยังรับเชื้อมาไม่นานพอที่จะตรวจพบภูมิต้านทานต่อเชื้อ
เอดส์ป้องกันได้อย่างไร
ในขณะที่ยังไม่มียารักษาโรคเอดส์ให้หายขาดได้ การป้องกันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดย
1. มีเพศสัมพันธ์ โดยสวมถุงยางอนามัย ที่ถูกวิธี
2. สำเร็จความใครด้วยตนเอง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ปลอดภัย
3. ไม่ใช้สารเสพติดทุกชนิด
4. ตรวจเลือดก่อนแต่งงาน ก่อนตั้งครรภ์
ความคิดเห็น
ประกาศล่าสุดในบอร์ดเดียวกัน
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา