5. You can be a star : พวกเราทุกคนก็เป็นดาวได้ (ตอนที่ 1)

5. You can be a star : พวกเราทุกคนก็เป็นดาวได้ (ตอนที่ 1)

วันนี้อาจารย์อยากเขียนเรื่องคำว่า star ครับ คำว่า star นี่มีหลายความหมายนะครับ ที่เราเรียนคำแรกตั้งแต่เด็กก็คือดวงดาว ถ้า starry นี่ ก็เป็นคำ adjective มีความหมายว่ามีดาวเต็มไปหมด อย่างเช่น a starry night ก็คือคืนที่ดาวเต็มฟ้า หรืออย่างเช่น five-star hotel นี่ ก็โรงแรมห้าดาว แสดงว่าคุณภาพในการบริการนี่แจ่มมากๆ อย่างพวกเครือโรงแรมโอเรียนเต็ล หรือเครือโรงแรมเซนทารา แต่ความหมายที่เราจะคุยกันในที่นี้ก็คือ star ในด้าน performer (เพอร์ฟอร์มเมอะ) นักแสดง ซึ่งที่เราเรียกกันว่าดารานั่นล่ะครับ คำว่า star ที่เกี่ยวกับด้านดาราที่เราคุ้นๆ กันก็อย่างเช่น starring ที่มาจาก star ที่เป็น verb หมายถึงมีบทเด่น หรือเราชอบแปลเป็นภาษาไทยง่ายๆ ว่า นำแสดงโดย เช่น a movie starring Pae Arak ภาพยนตร์นำแสดงโดย เป้ อารักษ์   stardom นี่ก็เป็นคำนามคือการเป็นดารา superstar ที่เราชอบเรียกซุป’ตาร์ ก็คือดารา นักร้องที่ดังมากๆ ตอนนี้ก็คงแนว เลดี้กาก้า กัวกัว มั๊ง   ส่วน pornstar (พอนสตาร์) ก็แนวดาวยั่ว ดาวโป๊ มาจาก pornography (พอร์นอก’กระฟี) หนังสือ หนัง อะไรก็ได้ที่มันเน้นเรื่องชีวิตสัตว์โลกด้าน XXX น่ะครับ

ไอ้ ที่พูดมาข้างบนทั้งหมดเนี่ยก็แบบอาจารย์เขียนให้ดูเกี่ยวกับภาษาอังกฤษนิด นึง เดี๋ยวคนที่ไม่เคยเรียน หรือเคยฟังอาจารย์มาก่อน มาอ่านเข้าจะได้ไม่งงว่าตกลงมันสอนวิชาอะไรกันแน่ฟะภาษาอังกฤษ หรือวิชาจับฉ่ายกันแน่  ซึ่งคำตอบลูกศิษย์ AC’CESS คงให้คำตอบแทนได้ดี หิหิหิ 
มีนักเรียนหลายคนและผู้ปกครองหลายท่านเกิดอาการงง ไม่เข้าใจ ว่าโรงเรียนภาษาอังกฤษอาจารย์ชัชชัย หรือ AC’CESS เนี่ยตกลงเป็นโรงเรียนกวดวิชา หรือ modeling กันแน่ เห็นจัดประกวด AC’CESS Fresh Idol  เดี๋ยวเอาน้องคนนั้นคนนี้ไปร้องเพลงทำ MV บางทีก็พาไปถ่ายรูปลงหนังสือเช่น  Cheeze magazine  บางคนหาว่าไร้สาระไปเลยนะครับ อย่างน้องๆ ที่เป็นเด็กเรียนมากๆก็แสดงความรู้สึกไม่สนใจ บอกว่านอกเรื่อง ไม่เกี่ยวกับฉัน (หมายเหตุ:  น้องๆ ที่เป็นเด็กเรียนมากๆ นี่ ขนาดบางทีอาจารย์เข้าห้องน้ำ ในขณะที่น้องๆ นักวิทย์เหล่านั้นกำลังปฏิบัติการกิจกรรมส่วนตัวอยู่นั้น ยังตะโกนด้วยน้ำเสียงเหมือนท่านเซอร์ ไอแซค นิวตัน สนทนากับ อัลเบิรต์ ไอน์ไสตน์คุยกันเรื่องแก้โจทย์หาความเสียดทาน หาค่า log  สารพัด ค่าโมล ความเข้มข้นขุ่นคลัก แบบชีวิตนี้ข้าเกิดมาเพื่อแก้โจทย์ทุกขณะจิต ) ส่วนผู้ปกครองบางท่านนี่ออกแนวถูกเลยนะครับ แบบบางครั้งพูดเปรยๆ เหมือนนักเรียนที่เข้าประกวดนี่เป็นเด็กใจแตกไร้สาระนั่นเลย  แต่ขอโทษทีนะครับนักเรียนที่เข้าประกวดงานต่างๆ ของอาจารย์นี่ 95 เปอร์เซ็นต์ เป็นเด็กระดับหัวกะทิของห้อง เป็นเด็กเรียนดี กิจกรรมโดเด่นนะครับ พวกเลอะเทอะไม่เหมาะสมนี่อาจารย์ตัดออกตั้งแต่แรกแล้วครับ คำถามก็คือแล้วอาจารย์ทำไปทำไม ทำไปแล้วได้อะไร ทำให้ถูกด่าหรือไง อาจารย์มีคำตอบครับ

ข้อที่หนึ่ง ในโลกปัจจุบันนักเรียนที่เรียนอย่างเดียว ได้เกรดสูงๆ แต่บุคลิกภาพแย่ มนุษยสัมพันธ์ไม่ดี ออกแนว nerd ใน ชีวิตจริงเมื่อเรียนจบมักไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ซึ่งก็โทษนักเรียนไม่ได้ ก็โรงเรียนเขาปลูกฝังมาว่าทำอย่างนี้ ตัดผมเกรียน ดึงถุงเท้าเป็นท่านเจ้าคุณ กางเกงยาวแทบจะเป็น hip-hop นั่น คือการแต่งตัวที่น่ารักที่ซู้ด หรือถ้าน้องผู้หญิงก็ต้องทำผมเหมือนใส่กะลาครอบ มัดผมให้เหมือนป้า ใส่แว่นให้ดูทรงคุณวุฒิที่สุด นั่นล่ะคือสุดยอดของเด็กน่ารัก ซึ่งความเชื่อแบบนี้มันก็เคยทำให้อาจารย์เป็นท่านเจ้าคุณเมื่อดำรงชีวิตอยู่ ในโรงเรียนครับ แถมภูมิใจว่ากรูเนี่ยหล่อแสรด (แต่ทำไมออกนอกโรงเรียน หญิงมองข้ามหมดเลยอ่ะ) คุณครูหลายท่านบอกเราว่าการทำเช่นนี้เป็นเด็กดี น่ารัก ต้องประสบความสำเร็จแน่ๆ นั่นแสดงว่าเด็กโรงเรียนฝรั่ง นักเรียนในหนังญี่ปุ่น หนังเกาหลี ผมก็ยาว ชุดก็เปลี่ยนตามฤดู แม่มต้องไม่ได้เรื่องคอดคอด   แต่ทำไมนักเรียนสาวๆ ไปกรี๊ด พวกเกาหลีอ่ะ บางคนนี่ตัดผมขัดใจวงศ์ตระกูลแบบไถครึ่งหัว เหมือนวง Shinee ส่วนหนุ่มๆ ไปกรี๊ด Girl Generation หัวทอง ทำไม ทำไม ไม่สนใจกรู ที่เป็นเด็กเรียนเกรดสี่ทุกตัวเลยฟะ มีแต่เล่าคุณครูเท่านั้นที่กรี๊ดเรา ทำไม? ทำไม?

อย่างแรกเราต้องยอมรับก่อนว่านับตั้งแต่ computer มี บทบาทในสังคมแบบจริงๆจังๆ เพราะราคาเริ่มถูกลง ใช้งานได้หลายด้านมากขึ้น โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนกระจายข่าวสารข้อมูล( ตามความรู้สึกของอาจารย์ น่าจะเริ่มตั้งแต่มีระบบปฏิบัติการ Microsoft Window 3.1 หรือประมาณปี 2534 แถวๆ นี่ล่ะครับ) โลกมันหมุนเร็วมากขึ้น (ไม่ใช่ทางดาราศาสตร์นะครับ) แต่หมายถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ดุอย่างอียิปต์ เยเมน หรือแม้แต่ลิเบีย ผู้นำที่ครองอำนาจมากว่าสามสิบปีนี่ แป๊บๆ ไม่ถึงสัปดาห์ สองสัปดาห์ ตกเก้าอี้ เปลี่ยนประเทศกันได้ง่ายๆ นะครับ รวมทั้งประเทศของเราในช่วงปีที่ผ่านมา ที่มีขบวนการเรนเจอร์เสื้อสารพัดสีเกิดขึ้น มีการเผาสถานที่ต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาจารย์ว่าคนรุ่นก่อนๆ รวมทั้งตัวอาจารย์ด้วยไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นในชีวิตนี้เลย นั่นแสดงว่าเราจะยึดกับความเชื่อเก่าๆ ที่เราคิดว่าถูกตลอดไปไม่ได้ อย่างเช่นที่เราโดนแหกตาตั้งแต่เด็กว่าดาวพลูโตเป็นคาวเคราะห์ดวงที่เก้าใน ระบบสุริยะจักรวาลนั่นล่ะครับ บทจะเปลี่ยนบอกว่าไม่ใช่ดวงดาวเป็นแค่ก้อนน้ำแข็งของคาร์บอนไดออกไซค์ มันก็ประกาศเปลี่ยนกันง่ายๆ ไม่ถึงสัปดาห์ซะงั้น

พิมพ์เหนื่อยละ พรุ่งนี้มาเล่าต่อว่าอาจารย์ทำไปเพื่ออะไร?   ตอนนี้น้องๆ เพื่อนๆ ที่ติดตามอยู่ก็ลองเดาวซิครับว่าอาจารย์ทำไปเพื่ออะไร?  อยากรู้จังว่าลูกศิษย์จะรู้ใจเค้าไม๊เนี่ย หิหิหิ