ว่ากันด้วยเรื่องของการดูภาพยนตร์... ช่วงปิดเทอมแบบนี้มีหนังดีๆ ให้ได้เลือกเสพเลือกชมหลายเรื่องทั้งไทยทั้งเทศ ทั้งแนวรักใสๆ ได้ใจวัยโจ๋ แนวดราม่า หรือจะบู้ล้างผลาญไปเลยก็มี แต่ที่เห็นจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของใครหลายๆ คนก็คือ "หนังสยองขวัญ" นั่นเองค่ะ น้องๆรู้รึเปล่าคะว่าหนังผีไทยๆ แบบบ้านเรานี่แหละ ได้ขนานนามจานานาชาติว่าเป็นหนังผีที่น่ากลัวขั้นเทพเลยเหมือนกันนะคะ
บางคนรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองกลัวผีอย่าบอกใคร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องดู ประมาณว่าถึงเข้าไปนั่งในโรงแล้วต้องปิดตาดูไปครึ่งเรื่องก็ยอม ขอให้ได้สัมผัสบรรยากาศหลอนๆ หน่อยเถอะ (ซื้อตั๋วมา 140 ได้ดูจริงๆ แค่ 60 บาท แค่นั้นล่ะค่ะ -*-) ทั้งๆ ที่กลัวมาก แต่ก็อยากดูแบบนี้ น้องๆเคยสงสัยรึเปล่าคะว่า ทำไมใครๆ ต่างก็หลงเสน่ห์ของหนังสยองขวัญแบบผีๆ ?
สำหรับผี ที่เราเห็นในหนังผีไทยนั้น โดยภาพรวมแล้วเราจะแบ่งผีออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ผีประเภทเกิดมาเพื่อหลอก เป็นผีบอร์นทูบีมาเพื่อหลอกคนโดยเฉพาะ เรื่องราวจะเป็นอะไรยังไงไม่รู้ ขอให้ได้ออกมาหลอกหลอนคนเอาไว้ก่อน ส่วนใหญ่เราจะเห็นผีประเภทนี้ได้ตามหนังตลกเน้นความเฮฮามากกว่าความน่ากลัว ซึ่งผีแบบนี้จะเป็นผีที่เราเห็นกันมาจนคุ้นตาตั้งแต่เด็กๆ อย่างพวกบ้านผีปอบ
ส่วนอีกประเภทนึงก็คือ ผีอาร์ตตัวพ่อ-ตัวแม่ เป็นผีไทยเจนเนอร์เรชั่นใหม่ ผีประเภทนี้จะมีมิติทางอารมณ์ รักแรง แค้นลึก ติดแน่นทนนาน ตายแล้วก็ยังไม่ยอมไปเกิดใหม่ ยังสร้างความหลอนได้อยู่อย่างต่อเนื่อง คอหนังผีไทยคงจะคุ้นกับสไตล์ผีแบบนี้ดีจากหนังผีของค่าย GTH ผีประเภทนี้จะเป็นผีมีที่มาที่ไป ไม่ใช่เอะอะจะมาแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกกันเฉยๆ แต่จะเป็นผีที่มีปมมีความแค้นหรือมีเรื่องฝังใจก่อนจะตายและกลายมาเป็นผี เช่น ผีบุปผาขาโหดจากหนังบุปผาราตรี ผีขี่คอจากชัตเตอร์กดติดวิญญาณ ผีจิตหลอนแบบบอดี้ศพ 19 ผีชบาในหนังโปรแกรมหน้าวิญญาณอาฆาต หรือแม้แต่ผีเด็กผู้ชายในหนังเด็กหอ ...
ผีเหล่านี้เป็นผีเจนเนอเรชั่นใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้มีอารมณ์และความรู้สึก ทำให้คนดูรู้สึกใกล้กับผีมากขึ้น คนดูจะสัมผัสได้ว่า ผีนั้นมีความรู้สึกยังไง ทำไมถึงต้องมากตามหลอกหลอนตัวละครตัวอื่นๆ ซึ่งผีแบบนี้แหละที่โดนใจเหล่าคนรักความสยองเป็นอย่างดี
ในส่วนของเนื้อเรื่องของหนังผีแบบไทยๆ ในปัจจุบันก็ยิ่งทวีความน่าสนใจมากขึ้น เมื่อเหล่าคนทำหนังเริ่มคิดวิธีการสื่อสารเนื้อเรื่องแบบใหม่ๆ ให้เนื้อเรื่องของหนังผีเกิดการหักมุมพลิกล็อกกันมากขึ้น มีการเชื่อมโยงเนื้อเรื่องมากขึ้น หนังผีบางเรื่องอ้างอิงเอาเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นมาทำเป็นพล็อตหนังทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์นั้นๆ มากขึ้น บรรยากาศร่วมในฉากแต่ละฉากก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่สามารถดึงดูดคนดูให้เข้าไปอยู่ในหนังได้ การใช้เทคนิคเสียงเข้ามาช่วยในการสร้างบรรยากาศให้หนังก็ยิ่งเพิ่มว่า ตกใจและน่าสะพรึงกลัวให้กับคนดูได้มากขึ้น เมื่อก่อนอาจเป็นเสียงหมาหอน ยุคหลังจากนั้นก็อาจเป็นเสียงแมวร้องตอนกระโดดตัดหน้า ยุคถัดจากนั้นมาอีก ก็เป็นบรรยากาศแบบเงียบๆ แล้วค่อยมีเสียงบึ้ม!! ดังขึ้นมาให้ตกใจ เมื่อมีเสียงมาทำให้คนดูตกใจกลัวแล้ว ความเครียดของคนดูก็เกิดขึ้น มุกตลกในหนังจึงถูกแทรกเข้ามาในจังหวะนี้ เพื่อคลายความเครียด
นอกจากนี้เรื่องของรูปลักษณ์และลักษณะการ "ออกมาหลอน" ของผีไทย ก็สร้างความกลัวให้กับคนไทยได้ไม่น้อย ... อย่างผีชายหนุ่ม ในตอน เหงา จากหนังสี่แพร่ง เป็นผีที่คนดูจะไม่รู้เลยว่าตัวตนของผีเป็นยังไง เรื่องสามารถดำเนินไปด้วยความน่ากลัวผ่านข้อความที่ส่งมาทางโทรศัพท์มือถือและบรรยากาศอึมครึมของหนังเท่านั้น จนมาตอนสุดท้ายถึงโผล่มาให้เราเห็นเพียงแว๊บเดียวเท่านั้น หรือจะเป็นผีองค์หญิงโซเฟีย ในตอน "Last Fright" ที่สร้างความกดดันให้กับคนดูด้วยการหลอนแอร์โฮสเตสสาวบนเครื่องบิน (หลายคนบอกว่าองค์หญิงน่ากลัวตั้งแต่ตอนยังไม่ตาย) จนสุดท้ายภาพการตายของแอโฮสเตสสาวก็ทำให้เราหลอนกันไปอีกนาน แต่ถ้าจะเป็นหนังผีแบบไทยแท้ๆ ที่สร้างความหลอนแบบแยกไม่ออกว่าอันไหนคนอันไหนผี ก็ต้องยกให้หนังเรื่อง "เป็นชู้กับผี" เพราะคนดูจะต้องหวาดผวากับบรรยากาศและตัวละครไปตลอดทั้งเรื่องโดยไม่รู้เลยว่า ตัวละครตัวไหนเป็นคนและตัวละครตัวไหนเป็นผี (คล้ายๆ กับหนังเรื่อง "The Other" เลยค่ะ) หลอกหลอนกันไปทั้งเรื่องจนท้ายที่สุดถึงจะรู้ว่าใครเป็นคนใครเป็นผี ... บรรยากาศหนังผีไทยๆ แบบนี้เองที่ดึงคนดูให้จดจ่ออยู่กับหนังและสร้างความหลอนให้กับคนดูได้ทั้งเรื่อง
ด้วยเสน่ห์ทั้งหมดนี้เองทำให้หนังสยองขวัญสไตล์ผีแบบไทยๆ เข้าไปครองใจคนดูทั้งคนไทยและชาวต่างชาติได้ชนิดที่ติดตาตรึงไปในความรู้สึกไปอีกนาน เรียกได้ว่าถ้าจะให้พูดถึงความสยองของหนังผี ต้องมีหนังผีไทยติดหนึ่งอยู่ในหนึ่งในสิบอันดับในด้านความหลอนแน่นอนเลยล่ะค่ะ
เครดิต : dek-d.com