ถ้าออกจากวัดธรรมบูชาเอาจุดหน้าอุโบสถ ออกมาถนนตลาดใหม่ให้เลี้ยวซ้ายไปทางตลาดเกษตร แล้วให้รีบชิดขวาตรงสี่แยกฌาปนกิจสถานของวัดธรรมบูชา เพื่อจะเลี้ยวขวาไปตามถนนที่จะออกไปเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี เมื่อถึงสามแยกหน้าเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีก็ให้เลี้ยวซ้ายก็จะพบเห็นมูลนิธิ สองแห่งอยู่ติดกัน แห่งแรกคือ มูลนิธิธรรมานุรักษ์ หรือสมาคมแต้จิ๋ว ส่วนที่อยู่ถัดไปนั่นแหละคือ มูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานีที่มีหลวงปู่ไต่ฮงกง เป็นเทพประธานของมูลนิธิแห่งนี้ จึงเรียกกันว่า ศาลเจ้าหลวงปู่ไต่ฮงกง หลายคนคิดว่า มูลนิธิธรรมานุรักษ์เป็นที่จอดรถของมูลนิธิกุศลศรัทธา ซึ่งที่จริงแล้วต่างคนต่างเป็นองค์กรเอกเทศแยกจากกัน มูลนิธิธรรมานุรักษ์ถ้าเข้าไปก็ไม่มีอะไร แต่ก็มีศาลเจ้าปุนเถ้ากงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของมูลนิธิ
เมื่อเข้าไปจอดรถที่นี่แล้ว ท่านสามารถทำบุญน้ำมัน โลงศพ หรือร่วมบริจาคเงินสร้างศาลเจ้าหลวงปู่ไต่ฮงกง สาขาดอนสักก็ได้ ซึ่งคุณสุนทร หวังพัฒนธน ประธานจัดสร้างได้บอกผมว่า กำลังจะจัดงานหล่อองค์หลวงปู่ไต่ฮงกงของดอนสักในช่วงเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งมีความคืบหน้าอะไรก็จะมาบอกกล่าวกันต่อไป
สำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี นั้นจะมีจุดไหว้เจ้าเป็นลำดับ และมีธูปวางไว้ให้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องเตรียมไปเลย ก็พยายามไหว้ให้ครบทุกจุดน่ะครับ ส่วนประวัติของมูลนิธิแห่งนี้ มีดังนี้
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ชาวจีนโพ้นทะเลที่อาศัยอยู่ในตลาดบ้านดอน อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่เป็นสมาชิกอุปถัมภ์ ของมูลนิธิปอเต็กตึ้งกรุงเทพฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญในการช่วยเหลือสังคมชาวจีนโพ้นทะเลด้วยกันที่เดินทาง จากบ้านจากเมืองมาจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ร่วมกันจัดตั้งชมรมของชาวจีนซึ่ง ประกอบด้วย
นายบักควง แซ่เตีย
นายซ่งใช่ แซ่ตั้ง
นายใช่บุ้ง แซ่ลิ้ม
นายเลี่ยกปึง แซ่อึ้ง
นายประสิทธ์ แซ่ตั้ง
นายอ้วงวั่ว แซ่จู
นายบักคึ้ง แซ่อึ้ง
นายเป็งชิว แซ่เตีย
นายเช็งซีย แซ่กัง
นายภักดี สิริจันทกุล
นายตั่งฮั้ว แซ่โค้ว
นายบักจา แซ่เตีย
นายซุ่ยเชียง แซ่โซว
นายเต็กสูน แซ่เล้า
นายฮั่งเลี้ยง แซ่อึ้ง
นายซ่งหลี แซ่โง้ว
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ประกอบอาชีพค้าขาย และยังอยู่ในวัยหนุ่ม เมื่อเห็นความลำบากของชาวบ้าน โดยเฉพาะที่เดินทางมาจากประเทศจีนที่ไม่สามารถติดในหน่วยงานราชการได้สะดวก นัก การตั้งชมรมของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ จึงเป็นที่พึ่งพาของชาวจีนโพ้นทะเลด้วยกัน ซึ่งการจัดตั้งชมรมได้มีวัตถุประสงค์ให้การช่วยเหลือสังคมในส่วนของชาวจีน โพ้นทะเลในชั้นต้น และเป็นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันของสังคมชาวจีนโพ้นทะเลในขณะ นั้น รวมถึงการช่วยเหลือจัดการศพตามประเพณีของจีน ด้วยการจัดตั้งคณะนักสวดตามลัทธิมหายาน โดยเช่าห้องแถวของแม่กิมเจีย ที่เห็นเป็นห้องแถวชั้นเดียวในตลาดบ้านดอนเป็นที่ทำการชมรม และเป็นที่ฝึกซ้อมดนตรีของคณะนักสวดด้วย โดยมีเลี่ยกปึง ทำหน้าที่เป็นประธานชมรม ต่อมาเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๐๕ นายเลี่ยกปึง ได้บริจาคที่ดินจำนวน ๕๐ ตารางวา บริเวณถนนหน้าเทศบาลตำบลมะขามเตี้ย ซึ่งได้ก่อสร้างที่ทำการชมรมเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ภายในประดิษฐานรูปเหมือนหลวงปู่ไต่ฮงกง และใช้ชื่อว่า ศาลเจ้าไต่ฮงกง ต่อมาประมาณปลายปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ขณะที่กำลังก่อสร้างที่ทำการชมรมซึ่งยังไม่แล้วเสร็จได้เกิดวาตะภัยครั้ง ใหญ่ขึ้นที่แหลมตะลุมพุก จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่งผลกระทบให้พื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังทำให้อาคารที่ทำการชมรมได้รับความเสียหายด้วย
ความคิดในการช่วยเหลือสังคมเฉพาะในหมู่คนจีนโพ้นทะเลด้วยกันได้เปลี่ยนไป ความคิดในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา และชนชั้นได้เกิดขึ้นมาแทนที่ และการรวมตัวขององค์กรภาคเอกชนในจังหวัดภาคใต้ได้มีขึ้นตามมา โดยกลุ่มองค์กรภาคเอกชน ๔ จังหวัดประกอบด้วย จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลา จังหวัดตรัง และจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ร่วมกันจดทะเบียนเป็นมูลนิธิช่วยเหลือผู้ประสบภัย ภาคใต้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยร่วมกันในจังหวัดภาคใต้ ซึ่งเป็นต้นแบบให้องค์กรภาคเอกชนอื่นๆ นำไปดำเนินการในลักษณะเดียวกัน และการรวมตัวกันช่วยเหลือผู้ประสบภัยในคราวนั้น สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัยในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ จากวาตะภัยในครั้งนั้น
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๗ คณะกรรมการชมรมได้มีมติให้มีการจดทะเบียนเป็นมูลนิธิขึ้น โดยใช้ชื่อว่ามูลนิธิกุลศรัทธา (เอี่ยงเต็กเซี่ยงตึ้ง) มีนางกอบกาญจน์ ชัยสงค์ ซึ่งได้บริจาคที่ดินจำนวนหนึ่งให้กับชมรม เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๖ เป็นประธานมูลนิธิฯ คนแรก หลังจากที่รับบริจาคที่ดินจากนางกอบกาญจน์ ชัยสงค์ นายเลี่ยกปึง แซ่อึ้ง นายฝังพาส บุญเลี้ยง ที่ร่วมกันบริจาคแล้ว ในปีเดียวกันจึงได้ก่อสร้างอาคารที่ทำการมูลนิธิฯ ขึ้นลักษณะเป็นแบบศาลจ้าว ภายในประดิษฐานองค์เทพเจ้าต่างๆ ตามความเชื่อของชนชาวจีน โดยเฉพาะองค์หลวงปู่ไต่ฮงกง ซึ่งเป็นที่ศรัทธาในด้านการสังคมสงเคราะห์ และเป็นที่มาของวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งชมรม จนกระทั่งได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิในที่สุด แม้ว่าการก่อสร้างอาคารสำนักงานมูลนิธิฯ ในระยะแรกจะยากลำบาก เนื่องจากสถานที่ก่อสร้างในสมัยนั้นเป็นป่ารกไม่มีถนนที่จะใช้ขนวัสดุก่อ สร้างเข้าไปได้ ต้องใช้แรงคนในการบุกเบิกแผ้วถางขนสิ่งของเข้าไป แต่ก็ได้รับความร่วมมือร่วมจากพ่อค้าประชาชนในเขตตลาดบ้านดอนช่วยเหลือเป็น อย่างดี หลายคนจัดหามีดพร้าจอบเสียมมาเองจากบ้าน หลายคนรับหน้าที่จัดเสบียงอาหารมาเลี้ยงดูกัน จนการก่อสร้างเสร็จสิ้นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
หลังจากได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิแล้วการดำเนินกิจกรรมของมูลนิธิฯ จึงอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
๑. เพื่อส่งเสริมกิจกรรม พระศาสนา ศีลธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีที่นิยมทั่วไป
๒. เพื่อบำเพ็ญการสาธารณกุศล และการสังคมสงเคราะห์
๓. เพื่อส่งเสริมการศึกษาตามควรแก่กรณี
๔. ไม่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับทางการเมือง
ทุนจดทะเบียนเริ่มแรก มีผู้บริจาคเป็นเงินสด สองหมื่นห้าพันบาท ร่วมกับทรัพย์สินซึ่งเป็นที่ดิน มีมูลค่าในขนาดนั้น หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสามพันบาท
ปัจจุบันมูลนิธิฯ มีสินทรัพย์ที่เป็นที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ และเงินสด รวมเป็นมูลค่า สี่สิบล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นห้าพันเจ็ดร้อยห้าสิบห้าบาทสามสิบเจ็ดสตางค์
การดำเนินกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ข้างต้น ทางคณะกรรมการการบริหารได้ดำเนินกิจกรรมดังนี้
ด้านการส่งเสริมกิจการพระศาสนา ได้ให้การสนับสนุนภาครัฐในการดำเนินกิจกรรม เกี่ยวกับวันสำคัญทางศาสนา ประเพณีวัฒนธรรมต่างๆ มาโดยตลอด โดยเฉพาะในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ กรรมการมูลนิธิฯ และผู้สนับสนุนมูลนิธิฯ ได้นำบุตรหลานของตนเองเข้าร่วมกิจกรรมโดยจัดตั้งคณะวงมโหรีจีน โดยมีผู้ฝึกสอนที่มีความรู้ด้านการดนตรีจีนและเป็นกรรมการของมูลนิธิเป็นผู้ ฝึกสอนในครั้งนั้นได้รับความสนใจจากเยาวชนในจังหวัดเป็นอย่างมาก จนกระทั่งสามารถออกแสดงในงานต่างๆ ได้เช่น งานสงกรานต์ งานพิธีสำคัญตามที่ทางส่วนราชการขอการสนับสนุนมา
นอกจากนี้คณะดนตรีเยาวชนมูลนิธิฯ ยังได้เดินทางไปแสดงความสามารถยังประเทศมาเลเซียตามคำเชิญขององค์กรภาคเอกชน สมาคมเต็กก่าในประเทศมาเลเซีย เพื่อหารายได้ช่วยเหลือ ผู้ป่วยที่ยากไร้ในประเทศมาเลเซีย และยังได้เดินทางไปแสดงความสามารถที่กรุงเทพมหานคร ชุมพร ภูเก็ต หาดใหญ่ ซึ่งเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสุราษฎร์ธานีในสมัยนั้น
ด้านการสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิฯได้ให้ความสำคัญในการช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ ดังนี้
การช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย มูลนิธิฯ ร่วมกับองค์กรภาคเอกชนใน ๑๔ จังหวัดภาคใต้ ได้นามมูลนิธิสงเคราะห์ผู้ประสบภัย ๑๔ จังหวัดภาคใต้ และมูลนิธิปอเต็กตึ้งมอบเงินช่วยเหลือ แก่ครอบครัวผู้ประสบภัยเป็นรายบุคคล หากมีผู้เสียชีวิตจากกรณีดังกล่าวจะมอบเงินช่วยเหลือในการจัดการศพให้รายละ ๗,๐๐๐ บาท และแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัยด้วย
การช่วยเหลือผู้ยากไร้ และผู้ด้อยโอกาส มูลนิธิฯ ร่วมกับประชาสงเคราะห์จังหวัดพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ค่าโดยสารให้กับผู้ตกงานที่ต้องการเดินทางกลับภูมิลำเนา ตามความคิดเห็นควรของสำนักงานประชาสงเคราะห์จังหวัด นอกจากนี้ทางมูลนิธิฯ ยังได้แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้มีรายได้น้อย สนับสนุนโครงการอาหารกลางวัน โดยจัดให้มีงานทิ้งกระจาดประจำทุกปี
การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และวาตะภัย มูลนิธิกุศลศรัทธามีแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็น ๓ ขั้นตอนดังนี้
๑. ขั้นตอนการเตือนภัย มูลนิธิได้ร่วมกับนักวิทยุสมัครเล่นในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และต่างจังหวัดประสานการประกาศเตือนภัยโดยการสนับสนุนของกรมอุตุนิยมวิทยาใน การส่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการพยากรณ์อากาศ การคาดหมายเหตุการณ์สภาพน้ำ สภาพลม และความรุนแรงของภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นประกาศในกับประชาชนได้รับทราบ
๒. ขั้นตอนการช่วยเหลือขณะเกิดภัย มูลนิธิฯ ได้จัดหาอุปกรณ์เพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เช่น เรือท้องแบน เสื้อชูชีพ ใช้ในการอพยพผู้ประสบภัยขณะเกิดเหตุโดยอาสาสมัครกู้ภัยของมูลนิธิฯ จะเข้าตรวจสอบค้นหาผู้ประสบภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัยออกจากที่เกิดเหตุไว้ ในที่ปลอดภัย ตลอดจนจัดหาเครื่องยังชีพแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยเป็นการเฉพาะหน้า
๓. ขั้นตอนช่วยเหลือหลังจากเกิดภัย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกช่วยเหลือผู้ประสบภัยในการแจกจ่ายเครื่อง อุปโภคบริโภค รวมถึงการฟื้นฟูความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัยหลังจาก เหตุการณ์เป็นปกติแล้ว
การช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุและอุบัติภัย เดิมทีการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุและอุบัติภัยเป็นการ ช่วยเหลือในด้านจัดการศพไร้ญาติเท่านั้น การดำเนินการในลักษณะจัดตั้งเป็นหน่วยกู้ภัย ยังไม่ได้จัดเป็นนโยบายหลักของมูลนิธิฯ ภายหลังที่บ้านเมืองมีความเจริญมากขึ้นการจราจรบนท้องถนนก็เกิดอุบัติเหตุ มากขึ้น ประกอบกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากผู้ที่ประสบเหตุมีน้อยลง เนื่องจากเงื่อนไขของกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยของผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ มูลนิธิฯ ได้รับการร้องขอให้สนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยมากขึ้น นโยบายในการช่วยเหลือผู้ประสบในกรณีดังกล่าว จึงได้ถูกบรรจุเข้ามาเป็นนโยบายหลักเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๗ ด้วยการจัดตั้งหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาขึ้น ซึ่งก็เป็นหน่วยกู้ภัยหน่วยแรกที่เกิดขึ้นในภาคใต้ นอกเหนือจากการเก็บศพไร้ญาติตามปกติ ภารกิจในของหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาในปัจจุบันได้เน้นหนัก ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในกรณีต่างๆ โดยเฉพาะ ผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถชน ซึ่งขณะนี้ทางมูลนิธิ ได้จัดซื้อเครื่องมือช่วยชีวิต เช่น เครื่องตัดถ่าง ไฮโดรลิก ถังเคมีดับเพลิง กรณีที่เกิดเพลิงไหม้จากอุบัติเหตุ เครื่องดับเพลิงชนิดหาบหาม ใช้ในกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารบ้านเรือน
นอกจากนี้ทางมูลนิธิฯ ยังจัดซื้อเครื่องประดาน้ำ และจัดตั้งหน่วยค้นหาใต้น้ำ โดยการฝึกอบรมอาสาสมัครกู้ภัยในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เขื่อนรัชประภา ส่งผู้เชี่ยวชาญการดำน้ำมาฝึกอบรมอาสาสมัครกู้ภัยของมูลนิธิฯ ในส่วนของยานพาหนะ (รถกู้ภัย) ของมูลนิธิฯ มีจำนวนรวม ๑๗ คัน แยกเป็นรถยก ๔ คัน เรือท้องแบน ๓ ลำ และอุปกรณ์แสงสว่างอีกจำนวนหนึ่ง
สำหรับผลงานสำคัญๆ ที่ผ่านมาของมูลนิธิฯสรุปได้ดังนี้
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๖ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดภัยแล้งอย่างรุนแรง ระบบการประปาใช้การไม่ได้เนื่องจากน้ำในแม่น้ำตาปีมีความเค็ม ทำให้ชาวตลาดบ้านดอนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก มูลนิธิกุศลศรัทธาได้จัดรถบรรทุกน้ำออกแจกจ่ายให้กับประชาชนเพื่อบรรเทาความ เดือดร้อน
ต่อมาในปีเดียวกันได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นที่อำเภอพุนพิน ทำความเสียหายให้กับบ้านเรือนราษฎรนับร้อยหลังคาเรือน มูลนิธิฯ ได้นำรถน้ำที่ได้จัดหาน้ำให้กับชาวบ้านในกรณี ภัยแล้งออกทำการช่วยเหลือดับไฟที่โหมไหม้บ้านเรือนของชาวบ้านในอำเภอพุนพิน ด้วยเช่นกัน
ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ได้เกิดอุทกภัยขึ้นในหลายอำเภอของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เช่น ที่อำเภอพระแสง อำเภอเวียงสระ อำเภอเคียนซา อำเภอพุนพิน และอำเภอเมืองบางส่วน ทางมูลนิธิได้ร่วมกับองค์กรภาคเอกชนใน ๑๔ จังหวัดภาคใต้ และมูลนิธิปอเต็กตึ๊งกรุงเทพฯ นำเครื่องอุปโภคบริโภค แจกจ่ายให้กับประชาชนที่ประสบภัย
ปี พ.ศ. ๒๕๓๑ เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ขึ้นในหลายพื้นที่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังเกิดเหตุหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาได้เข้าไปช่วยเหลือประชาชนในการ ค้นหาผู้ประสบภัยและสนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค รวมทั้งการช่วยเหลือการจัดการศพผู้เสียชีวิต
ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ พายุเกย์ที่มีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง ๑๒๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้พัดเข้าทางชายฝั่งทางทิศตะวันออกของจังหวัดชุมพร ทำลายชีวิตและทรัพย์สินบ้านเรือนราษฎรในหลายอำเภอของจังหวัดชุมพรและจังหวัด ใกล้เคียงเสียหายอย่างหนัก ทันทีที่เกิดเหตุมูลนิธิฯได้ส่งอาสาสมัครกู้ภัยเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ ประสบภัยทันที โดยการค้นหาผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตทั้งทางบกและทางทะเล และจัดส่งเสบียงอาหารเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยร่วมกับหน่วยงานราชการที่ เกี่ยวข้องสนับสนุนยานพาหนะ ซึ่งสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยได้ในระดับหนึ่ง
บทบาทอีกอย่างหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย คือ การประสานงานด้านการสื่อสาร ซึ่งก่อนหน้านั้น คณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ ได้ให้ความสนใจในกิจการวิทยุสมัครเล่นที่กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชนเป็น อย่างมาก โดยเฉพาะหน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือสังคม เช่น มูลนิธิสมาคม และชมรมต่างๆ มูลนิธิกุศลศรัทธาจึงได้ให้การสนับสนุนแก่กลุ่มบุคคลจัดตั้งชมรมวิทยุสมัคร เล่นขึ้นในสำนักงานของมูลนิธิฯ โดยได้รับอนุญาตจากกรมไปรษณีย์โทรเลข ทำให้การประสานงานและการแจ้งข่าวสารมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นผลให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเหตุการณ์พายุเกย์เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น
วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๓ เวลาประมาณ ๑๗.๓๐ น. ศูนย์กู้ภัยกุศลศรัทธาได้รับแจ้งจากสมาชิกนักวิทยุสมัครเล่นทางอำเภอเกาะสมุ ยว่า มีเหตุเครื่องบินของบริษัทบางกอกแอร์เวย์ประสบอุบัติเหตุตกใกล้กลับสนามบิน เกาะสมุย ตำบลแม่น้ำ ขณะจะร่อนลงจอด ทำให้ผู้เสียชีวิตกว่า ๕๐ราย ทันทีที่ได้รับแจ้งเหตุมูลนิธิกุลศรัทธาได้ส่งอาสาสมัครกู้ภัยเดินทางไปยัง ที่เกิดเหตุทันทีโดยรับการช่วยเหลือจากบริษัทเรือเฟอร์รี่นำเรือรับส่งอาสา สมัครกู้ภัยไปยังอำเภอเกาะสมุย การดำเนินการช่วยเหลือนำศพผู้เสียชีวิตออกจากที่เกิดเหตุเป็นไปด้วยความยาก ลำบาก เนื่องจากมีฝนตกหนักตลอดเวลา แต่ในที่สุดการนำศพผู้โดยสารออกจากที่เกิดเหตุก็ได้เสร็จสิ้นลงในวันต่อมา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายอนุ สงวนนาม ได้เดินทางไปอำนวยความสะดวกให้ตลอดเวลา
ต้นปี พ.ศ. ๒๕๓๔ นักวิทยุสมัครเล่นจังหวัดพังงาได้แจ้งว่า เกิดเหตุรถบรรทุกที่บรรทุกวัตถุระเบิดประสบอุบัติเหตุเกิดพลิกคว่ำที่อำเภอ ท้ายเหมือง จังหวัดพังงา และเกิดระเบิดขึ้นมาทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก มูลนิธิฯได้ส่งอาสาสมัครกู้ภัยไปสนับสนุนการช่วยเหลือ ค้นหาผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ตลอดจนการจัดการซากศพที่ไม่สามารถระบุผู้เสียชีวิตได้จนเสร็จสิ้นการช่วย เหลือก่อนที่จะเดินทางกลับ โดยการดำเนินการครั้งนี้เป็นระยะเวลา ๓ วัน ความสำเร็จในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้นักวิทยุสมัครเล่นมีบทบาทใน การช่วยเหลือประสานงานส่งข่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก
การใช้เครื่องมือสื่อสารให้เป็นประโยชน์ในการแจ้งข่าวเตือนภัย
ภายหลังจากที่มูลนิธิกุศลศรัทธาได้ให้สำคัญในด้านการสื่อสาร เพื่อประโยชน์ของการช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยการส่งเสริมสนับสนุนให้สมาชิก นักวิทยุสมัครเล่น และอาสาสมัครกู้ภัยได้เข้ารับการอบรมเพื่อรับประกาศนียบัตรนักวิทยุสมัคร เล่นขั้นต้น ซึ่งก็ทำให้อาสาสมัครกู้ภัยและนักวิทยุสมัครเล่นสามารถมีและใช้เครื่องวิทยุ โทรคมนาคมได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วยการจัดตั้งชมรมนักวิทยุสมัครเล่น จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นภายหลังได้จดทะเบียนเป็นสมาคม
นักวิทยุสมัครเล่นสุราษฎร์ธานี ยังประโยชน์แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติเป็นอย่างมาก เช่น การเตือนภัยที่เกิดขึ้นในเดือนตุลาคม ๒๕๓๕ พายุโซนร้อน “แอ งเจลล่า” พายุโซนร้อน “ฟอเรสต์” ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๓๕ และพายุโซนร้อน “เทรีซ่า” ในเดือนตุลาคม ๒๕๓๗ จากเหตุการณ์ทั้ง ๓ ครั้งสมาชิกนักวิทยุสมัครซึ่งมีสถานที่ตั้งอยู่ที่สำนักงานมูลนิธิกุศล ศรัทธา ได้ร่วมกันประสานการสื่อสารแจ้งข่าวพยากรณ์อากาศทันที่ได้รับข่าวเกี่ยวกับ พายุที่ก่อตัวขึ้นและมีแนวโน้มที่จะพัดเข้าสู่ฝั่งทางทิศตะวันออกของอ่าวไทย จากกรมอุตุนิยมวิทยาให้กับประชาชนที่คาดว่า จะได้รับผลกระทบกับพายุที่เกิดขึ้น ซึ่งก็สามารถช่วยเหลือความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินและได้รับคำชมเชยจาก อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา นายสมิธ ธรรมสโรจน์ มูลนิธิฯ และสมาคมวิทยุสมัครเล่นจึงได้ถือเป็นนโยบายสำคัญในการใช้เครื่องมือสื่อสาร ประสารการแจ้งเหตุให้กับประชาชนตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นพายุโซนร้อน “ซีต้า”พายุโซนร้อน “จีล” พายุโซนร้อน “ลินดา” ในปีต่อๆ มา
วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๓๗ อัคคีภัยที่ทำให้ผู้เสียชีวิตถึง ๘ ราย ได้เกิดขึ้นที่อาคารตึกแถวในบริเวณตลาดเกษตร ๑ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน หน่วยกู้ภัยของมูลนิธิฯ ได้พยายามใช้เครื่องมือในการตัดถ่างประตูเหล็กที่ถูกปิดอย่างแน่นหนา โดยมีจุดประสงค์ที่จะช่วยเหลือชีวิตผู้ประสบภัยซึงมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ อาศัยอยู่ภายในบ้านที่เกิดเหตุ แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถช่วยผู้ประสบภัยได้เนื่องจากประตูเหล็กชั้นล่างเมื่อ เปิดออกแล้วแต่ไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ เนื่องจากไฟที่โหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ประกอบกับอาคารชั้นบนมีแผงเหล็กป้ายโฆษณาติดตั้งอยู่หนาแน่น อาสาสมัครกู้ภัยและพนักงานดับเพลิงที่จะเข้าไปทำการช่วยเหลือต้องใช้เวลาใน การรื้อถอนเป็นเวลานานจึงไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตผู้ประสบภัยได้แม้แต่คน เดียว ยังเศร้าสลดแก่ทุกคนเป็นอย่างยิ่ง
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๘ เรือโดยสารของบริษัทส่งเสริม ได้เกิดเหตุจมลงขณะรับส่งผู้โดยสารไปยังอำเภอเกาะสมุย มูลนิธิฯ ร่วมกับอาสาสมัครนักวิทยุสมัครเล่นประสานแจ้งข่าวไปยังหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง พร้อมทั้งส่งกำลังอาสาสมัครกู้ภัยจากอำเภอเกาะสมุยเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทันที ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต ๒ ราย และบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง
ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ อุทกภัยครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นอีกครั้งที่ จังหวัดชุมพร ทำให้ประชาชนชาวชุมพรโดยเฉพาะประชาชนในเขตเทศบาลเมืองชุมพรได้รับความเดือด ร้อน ขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม หลังจากมูลนิธิฯ ได้ทราบเหตุจากการประสานงานที่มีคุณภาพของสมาชิกนักวิทยุสมัครเล่นและอาสา สมัครกู้ภัยที่ใช้เครื่องมือสื่อสารให้เป็นประโยชน์ทำให้ทราบถึงสถานการณ์ ที่เกิดขึ้น การส่งกำลังอาสาสมัครเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยการนำเอาอุปกรณ์การประกอบ อาหารและนำน้ำดื่มไปให้กับประชาชนจึงเป็นไปด้วยความรวดเร็วสามารถบรรเทาความ เดือดร้อนของผู้ประสบภัยได้ในระดับหนึ่ง ในขณะเดียวกันพายุดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อพื้นที่หลายอำเภอของจังหวัด สุราษฎร์ธานี และจังหวัดระนองด้วย มูลนิธิกุศลศรัทธาได้ส่งกำลังอาสาสมัครกู้ภัยเข้าช่วยเหลืออพยพผู้ประสบภัย ทันทีที่เกิดเหตุขึ้นพร้อมทั้งส่งเสบียงอาหารและน้ำบรรเทาความเดือดร้อนของ ผู้ประสบภัยได้เป็นจำนวนมากใน ๓ จังหวัดดังกล่าว
นอกจากนี้มูลนิธิฯยังอำนายความสะดวกในการสื่อข่าวสารร่วมกับนักวิทยุสมัคร เล่นในจังหวัดต่างๆ เช่น จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และนักวิทยุสมัครเล่นในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้กับสถานีวิทยุต่างๆ ในกรุงเทพฯ ที่ต้องการทราบความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น เช่น จส. ๑๐๐ รายการร่วมด้วยช่วยกัน ร่วมถึงสำนักข่าวต่างๆ ด้วย
เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๑ เรือนอนโดยสารที่วิ่งรับส่งผู้โดยสารระหว่างท่าเรือบ้านดอนอำเภอเมืองไปยัง เกาะเต่า อำเภอเกาะพะงันจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้เกิดอุบัติเหตุจมลงที่บริเวณหมู่เกาะ อ่างทอง อำเภอเกาะสมุย เป็นสาเหตุให้ผู้โดยสารบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก หลังจากเกิดเหตุศูนย์ควบคุมข่ายนักวิทยุสมัครเล่นไดรับแจ้งเหตุจากศูนย์กู้ ภัยเกาะสมุยจึงได้ประสานงานไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทันที พร้อมทั้งส่งกำลังอาสาสมัครกู้ภัยออกค้นหาผู้ประสบภัยร่วมกับกองทัพท่าเรือ จากการนับของนาวาเอกเทวราช มังกร ในการนี้มูลนิธิฯ ได้ประสานความร่วมมือไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตขอสนับสนุนนักประดาน้ำเข้าร่วม กับชุดค้นหาใต้น้ำของมูลนิธิฯ ค้นหาผู้เสียชีวิตที่จมอยู่ใต้น้ำและยังส่งอาสาสมัครกู้ภัยอีกจำนวนหนึ่ง ร่วมกับกองทัพเรือออก ตระเวนค้นหาผู้เสียชีวิตที่ลอยอยู่กลางทะเลซึ่งก็สามารถกู้ศพผู้เสียชีวิต ได้จำนวนทั้งสิ้น
วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๔๑ เครื่องบินของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ ๒๖๑ ประสบอุบัติเหตุตกใกล้กับสนามบินสุราษฎร์ธานี ขณะจะลงจอดเนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดีที่เป็นผลจากพายุทำให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน ๑๐๑ ราย และได้รับบาดเจ็บ ๔๖ ราย มูลนิธิกุศลศรัทธาโดยหน่วยกู้ภัยของมูลนิธิได้เดินทางไปที่เกิดเหตุทันทีที่ ได้รับแจ้งจากอามาสมัครกู้ภัยที่เป็นเจ้าหน้าที่ของสนามบิน รถกู้ภัยทุกคันได้ถูกระดมมาจากพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี อาสาสมัครกู้ภัยและนักวิทยุสมัครเล่นทุกคนได้ถูกกำหนดภารกิจในการช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยทันที โดยเฉพาะการช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บได้ถูกกำหนดให้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่อาสา สมัครกู้ภัยทุกคนต้องปฏิบัติ ตลอดระยะเวลาในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะที่เกิด เหตุเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ กู้ภัยทุกคนต้องลุยน้ำที่มีน้ำมันเครื่องบินลอยอยู่เต็มบริเวณผิวน้ำ ในขณะที่ลำตัวเครื่องบินกำลังถูกเพลิงไหม้พร้อมๆ กับการระเบิดของถังน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยซึ่งก็สามารถช่วยให้มีผู้รอด ชีวิตถึง ๔๖ ราย
นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังอำนวยความสะดวกแก่ญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บในการประสานงานกับหน่วย งานราชการ ด้านการทำสำเนาเอกสาร และสถานที่ ตลอดจนการตอบข้อซักถามของญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ รวมทั้งสื่อมวลชนที่ต้องการทราบข้อมูลต่างๆ ด้วยความห่วงใย พร้อมทั้งการจัดยานพาหนะรับส่งผู้เสียชีวิตกลับภูมิลำเนาด้วย
วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๒ ก๊าซพิษธรรมชาติที่พุ่งขึ้นมาจากใต้ดินขณะที่ผู้รับเหมาขุดเจาะบ่อบาดาลของ ทรัพยากรธรณีจังหวัดสุราษฎร์ธานี กำลังขุดเจาะบ่อบาดาลที่บ้านคีรีรอบ ตำบลป่าร่อน อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำให้ประชาชนที่สูดดมก๊าซพิษเข้าไปเกิดอาการหายใจไม่ออกเป็นจำนวนมาก และทำ ให้มีผู้เสียชีวิต ๒ ราย บาดเจ็บนับร้อยราย มูลนิธิฯ หลังจากได้รับแจ้งจากศูนย์แจ้งภัยสภาตำบลบ้านกรูด จึงได้ส่งกำลังอาสาสมัครกู้ภัยเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที พร้อมทั้งประสานไปยังผู้เกี่ยวข้องอาทิ ผู้ว่าราชการจังหวัด โรงพยาบาลทุกแห่ง นำรถพยาบาลช่วยเหลือผู้ประสบภัย และยังได้ประสานงานไปยังคลังแก๊สของบริษัท ปตท.ขอสนับสนุนหน้ากากป้องกันแก๊สพิษ ซึ่งก็สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยออกจากที่เกิดเหตุไปไว้ที่ปลอดภัยของ มูลนิธิฯ จะเข้าไปหยุดเครื่องขุดเจาะบ่อบาดาลที่กำลังทำงานอยู่โดยผู้ควบคุมเครื่อง จักรได้ทิ้งเครื่องวิ่งหนีไปขณะเกิดเหตุได้เป็นผลสำเร็จ
นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยการจัดหาอาหารและเครื่องดื่มให้กับ ผู้ประสบภัยขณะต้องอยู่อาศัยที่โรงเรียนบ้านคีรีรอบ จนกระทั่งเหตุการณ์เป็นปกติและยังได้ช่วยเหลือเงินค่าจัดการศพแก่ครอบครัว ผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตด้วย
เดือนตุลาคม ๒๕๔๒ เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ไต้หวันอย่างรุนแรงเป็นผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสีย ชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยมีคนงานไทยรวมอยู่ด้วย มูลนิธิกุศลศรัทธาได้รับการร้องขอจากหน่วยงานภาคเอกชนของไต้หวันให้ส่งอาสา สมัครหน่วยกู้ภัยเดินทางไปยังไต้หวันพร้อมกับหน่วยแพทย์อาสาจากโรงพยาบาลสวน สราญรมย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำให้องค์กรภาคเอกชนไต้หวัน และซาบซึ้งในน้ำใจของคนไทยเป็นอย่างยิ่ง
การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุประจำวัน
ปัจจุบัน อุบัติภัยที่เกิดขึ้นบนท้องถนนได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากผู้พบเห็นมีน้อยลง คณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ เล็งเห็นความสำคัญในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในกรณีนี้เป็นอย่างยิ่ง หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาจึงเกิดขึ้นโดยมีบุคคลจากหลายสาขาอาชีพอาสา สมัครเข้ามาช่วยเหลือซึ่งทางมูลนิธิฯ ได้จัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์กู้ภัยโดยเฉพาะรถยนต์ที่ใช้ในการช่วยเหลือผู้ บาดเจ็บและเสียชีวิตและบริการประชาชนจำนวน ๑๗ คัน แยกเป็นรถยก ๕ คัน รถบรรทุกสัมภาระ ๑ คัน กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ในอำเภอที่มีหน่วยกู้ภัยสาขามูลนิธิฯ โดยสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในแต่ละปีของจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ทาง มูลนิธิกุศลศรัทธาได้ให้ความช่วยเหลือมีถึงรายต่อปีและมีเสียชีวิตโดยเฉลี่ย รายต่อปี ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดมีผู้เสียชีวิตไม่ทราบว่า เป็นผู้ใดมีญาติพี่น้องอยู่ที่ไหนประมาณ รายต่อปี ซึ่งยังไม่รวมกับผู้เสียชีวิตจากกรณีอื่นๆ อีกจำนวนประมาณ รายต่อปี
ฉะนั้น ผู้เสียชีวิตที่ไม่มีญาติพี่น้องมาติดต่อขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลจึงเป็น ภาระในการจัดการศพให้โดยมีขั้นตอนดังนี้
๑. นำศพจากที่เกิดเหตุส่งโรงพยาบาลเพื่อชันสูตร
๒. ทำหลักฐานถ่ายรูปพิมพ์ลายนิ้วมือ บันทึกรูปพรรณสัณฐาน
๓. จัดเก็บรอญาติมาติดต่อโดยเก็บไว้ในตู้ทำความเย็นที่มูลนิธิฯ เป็นเวลา ๑ เดือน
๔. นำศพฝังไว้ที่สุสานของมูลนิธิฯ หลังจากที่เก็บไว้ในตู้ทำความเย็นครบ ๑ เดือน หากยังไม่มีผู้ใดมาติดต่อขอรับศพ
ตามขั้นตอนดังกล่าวแล้วใน ๑ ปี จะมีศพไร้ญาติที่ฝังไว้ที่สุสานของมูลนิธิฯ ไม่น้อยกว่า ๑๕๐ ศพต่อปี และมีแนวโน้มว่า จะมีศพไร้ญาติที่ทางมูลนิธิฯได้จัดเก็บเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี จึงเป็นผลให้สถานที่จัดเก็บศพไร้ญาติที่ทางมูลนิธิฯ ได้ก่อสร้างเอาไว้ไม่เพียงพอ การขุดเอากระดูกหรือศพไร้ญาติขึ้นมาบำเพ็ญกุศลทางศาสนาก่อนที่จะทำการฌาปน กิจ หรือที่เรียกกันว่า งานล้างป่าช้าจึงเป็นการแก้ปัญหาสถานที่เก็บศพไร้ญาติไม่เพียงพอ หลังจากที่ได้เก็บศพไร้ญาติไว้นานไม่น้อยกว่า ๑๒ ปี แต่ในระยะต่อมาการขุดศพไร้ญาติขึ้นมาบำเพ็ญกุศลต้องมีความถี่มากขึ้น เนื่องจากผู้เสียชีวิตไม่มีผู้มาติดต่อขอรับศพเพิ่มจำนวนมากขึ้น สถานที่เก็บศพเต็มเร็วขึ้น จากการจัดงานล้างป่าช้าในระยะ ๑๒ ปีต่อครั้งต้องจัดขึ้นในระยะ ๕ ปี ในครั้งที่ ๔ โดยมีสถิติการจัดงานขุดศพไร้ญาติตามลำดับดังนี้
ครั้งที่ ๑ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ที่สุสานดอนเมา ตำบลมะขามเตี้ย
ครั้งที่ ๒ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ที่สุสานดอนเมา และภายในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ครั้งที่ ๓ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ที่สุสานของมูลนิธิฯ และภายในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ครั้งที่ ๔ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ที่สุสานของมูลนิธิฯ และภายในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
สำหรับการจัดงานมหากุศลขุดศพไร้ญาติ (ล้างป่าช้า) ครั้งที่ ๔ นี้ มูลนิธิกุศลศรัทธาได้ร่วมกับองค์การกุศลทั่วประเทศดำเนินการขุดศพไร้ญาติใน ครั้งนี้ด้วย โดยมีนายภุชงค์ รุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานจัดงาน ซึ่งในการขุดกระดูกศพไร้ญาติในครั้งนี้ทางมูลนิธิฯ ได้ดำเนินการในหลายพื้นที่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นอกเหนือจากในที่สุสานของมูลนิธิฯ เช่น ที่อำเภอเกาะสมุย อำเภอไชยา อำเภอท่าชนะ อำเภอพุนพิน และอำเภอดอนสัก เป็นต้น รวมกระดูกศพไร้ญาติที่ขุดขึ้นมาได้จำนวน ๑,๒๔๖ ศพ แยกเป็นชาย ๗๑๖ หญิง ๓๙๕ เด็ก ๑๓๕ ศพ
โครงการเครือข่ายแจ้งเหตุ
จากการที่ปัจจุบันอุบัติเหตุบนท้องถนนมีมากขึ้นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจาก ผู้พบเห็นมีน้อยลง เป็นเพราะเงื่อนไขของกฎหมายบางประการ ทำให้ผู้พบเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ไม่กล้าที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเท่าที่ควร เป็นผลให้การรับรู้ข่าวสารของญาติพี่น้องของผู้ประสบภัยล่าช้า กระทบต่อการให้การรักษาพยาบาลผู้ประสบภัยที่ต้องการให้ญาติเดินทางมาให้การ รับรองผู้ป่วยที่ประสบภัยที่ทันต่อเหตุการณ์ จึงทำให้ผู้เสียชีวิตจากกรณีนี้ไม่น้อยแต่ละปี มูลนิธิกุศลศรัทธาจึงเห็นว่า ติดตามญาติพี่น้องของผู้ประสบภัยด้วยการแจ้งข่าวสารให้ทราบในระยะเวลาอันรวด เร็ว จะเป็นผลดีต่อการดูแลผู้ป่วยที่ประสบภัยในการให้ตัดสินใจของญาติผู้ป่วยต่อ แพทย์ที่ทำการรักษาผู้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โครงการเครือข่ายแจ้งเหตุจึงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้ญาติพี่น้องของผู้ ประสบภัยทั่วทุกที่ของประเทศไทย สามารถรับทราบข่าวสารของผู้ประสบภัยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยการประสานองค์กรภาคเอกชนในเครือข่ายมูลนิธิต่างๆ ร่วมกันเป็นเครือข่ายรับแจ้งเหตุติดตามส่งข่าวสารให้กับญาติพี่น้องของผู้ ประสบภัย ด้วยการใช้เครื่องมือสื่อสารที่มีอยู่ เช่น วิทยุสื่อสาร โทรศัพท์ โทรสาร อินเตอร์เน็ต อีเมล์ รวมกับสมาชิกอาสาในองค์กรทำหน้าที่ส่งข่าวสารระหว่างกันทั่วประเทศ ซึ่งผลที่จะได้รับคาดว่า สามารถแจ้งข่าวให้กับญาติพี่น้องของผู้ประสบภัยที่อยู่ห่างไกลทุกพื้นที่ของ ประเทศไทย จะได้รับข่าวสารเกี่ยวกับบุคคลที่เป็นญาติของตนเองได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และจะส่งผลให้ผู้ประสบภัยได้รับการดูแลจากญาติพี่น้องด้วยความอบอุ่น
โครงการเครือข่ายกู้ภัย
จากสถิติที่ผ่านมาอุบัติเหตุ และอุบัติภัยใหญ่ๆ ที่ทำให้มีผู้ประสบภัยเป็นจำนวนมากรวมทั้งหลายชีวิต และทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ทั้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและที่เกิดจากความประมาณนับวันจะมีมากขึ้นในแต่ ละปี การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในกรณีที่มีเหตุการณ์ใหญ่ๆ บางครั้งหน่วยงานกู้ภัยในพื้นที่ โดยเฉพาะหน่วยกู้ภัยภาคเอกชนที่มีความพร้อมในด้านของอาสาสมัคร แต่ขาดอุปกรณ์ที่ทันสมัยจำเป็นต้องประสานของความร่วมมือไปยังหน่วยงานต่างๆ ในและนอกพื้นที่แต่ที่ผ่านมาการดำเนินการดังกล่าว ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เป็นเพราะไม่มีแผนและรูปแบบในการประสานงานที่ชัดเจน
ดังนั้น มูลนิธิกุศลศรัทธาจึงมีความคิดเห็นที่จะจัดทำโครงการเครือข่ายกู้ภัยขึ้น โดยการประสานงานไปยังหน่วยงานองค์กรภาคเอกชนทั้งประเทศที่มีหน่วยกู้ภัย จัดการวางแผนการประสานงาน การข่าวสารเหตุการณ์ การจัดการด้านอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพร้อม สำหรับการนำมาใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในกรณีที่มีเหตุการณ์ใหญ่ๆ ขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ โดยจะเริ่มดำเนินการในพื้นที่ภาคใต้ก่อน ซึ่งผลที่จะได้รับคาดว่า อุบัติเหตุ อุบัติภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในแต่ละจังหวัดจะได้รับการช่วยเหลือสนับสนุน จากองค์กรภาคเอกชนด้วยกัน ที่มีหน่วยกู้ภัยอยู่ในองค์กรของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โครงการหน่วยกู้ชีพ
ปัจจุบันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนเป็นประจำทุกวันมีจำนวนมากขึ้น การช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุที่ได้รับบาดเจ็บของหน่วยงานมูลนิธิกุศล ศรัทธา ในปัจจุบันนี้มูลนิธิฯ ได้ใช้รถยนต์กู้ภัยซึ่งมีอุปกรณ์การช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติภัยต่างกับการ ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่ประสบอุบัติเหตุซึ่งไม่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตผู้ที่รับ บาดเจ็บสาหัส ประกอบกับรถยนต์กู้ภัยส่วนใหญ่จะใช้ในการบรรทุกศพผู้เสียชีวิตด้วย ทำให้ผู้บาดเจ็บหลายรายมีความรู้สึกไม่ค่อยดีต่อการได้รับความช่วยเหลือโดย รถยนต์กู้ภัยดังกล่าว
ดังนั้น มูลนิธิฯ รู้สึกถึงความไม่สบายใจของผู้ที่ประสบอุบัติเหตุด้วยดี จึงได้มีโครงการให้มีหน่วยกู้ชีพขึ้นโดยจัดรถยนต์กู้ชีพ ซึ่งเป็นชนิดรถตู้ที่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตพร้อม เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการอบรมด้านการช่วยเหลือผู้ช่วยจากหน่วยงานสาธารณสุข พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุตลอดเวลา ๒๔ ชั่วโมง จึงจะเป็นผลให้ผู้ประสบอุบัติเหตุได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกวิธี และจะทำให้ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือมีความรู้สึกที่ดีต่อการให้การช่วยเหลือ ผู้ประสบเหตุของมูลนิธิกุศลศรัทธา