เมื่อคิดจะขอสินเชื่อ ไม่ว่าจะเพื่อนำเงินมาลงทุนทำธุรกิจหรือซื้อหาสิ่งที่จำเป็น เราล้วนต้องวางแผนให้รัดกุม ทั้งแผนการใช้จ่ายหลังได้เงินมาลงทุน รวมถึงแผนการสำหรับผ่อนชำระด้วย แต่ก่อนจะถึงขั้นตอนนั้น มาดูกันว่ามีเทคนิคอะไรบ้างที่ทำให้การขอเงินด่วนของเรานั้นผ่านฉลุย
1.มีหลักฐานทางการเงิน หากเป็นพนักงานประจำอาจจะสะดวกกว่าตรงที่มีสลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือนจากบริษัทที่ตรวจสอบแหล่งที่มาได้ง่าย แต่หากทำอาชีพอิสระหรือค้าขาย ก็เพียงแต่นำเงินฝากในบัญชีให้มีการเคลื่อนไหวสม่ำเสมอ หรือมีหลักฐานที่แสดงถึงที่มาของรายได้ที่น่าเชื่อถือประกอบด้วยทุกครั้ง
2.มีประวัติชำระหนี้สม่ำเสมอ หากเคยขอเงินกู้ หรือมีหนี้อื่นใดมาก่อน เช่น การผ่อนชำระสินค้า ผ่อนบ้านหรือรถ จำเป็นมาก ๆ ที่เราต้องผ่อนชำระให้ตรงเวลา หรือกรณีค่าบัตรเครดิต ก็ควรจ่ายเต็มจำนวนในแต่ละรอบบิล ซึ่งจะเป็นหลักฐานอันแสดงถึงวินัยทางการเงินและการเป็นลูกหนี้ที่ดี ซึ่งเราสามารถขอตรวจสอบประวัติการผ่อนชำระในอดีตได้จากบริษัทเครดิตบูโร
3.มีเครดิตที่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะขอเงินกู้จากสถาบันการเงินใด การมีหลักฐานอ้างอิงที่ตรวจสอบได้ ยิ่งทำให้การอนุมัติง่ายขึ้น ดังนั้น หากคุณเป็นพนักงานประจำ ควรใส่ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ที่ทำงาน รวมถึงเบอร์โทรศัพท์บ้านไว้ด้วย ผู้ให้กู้จะได้มั่นใจว่าคุณมีหน้าที่การงานและที่อยู่อาศัยที่มั่นคง น่าไว้ใจและเชื่อถือได้
4.มีความสามารถในการผ่อนชำระ ไม่ว่าคุณจะปิดหนี้เก่า ชำระตรงเวลา และมีการเดินบัญชีที่รัดกุมแน่นหนาแล้ว แต่ก็อย่าพลาดขั้นตอนในการผ่อนชำระด้วย โดยส่วนใหญ่แล้ว สถาบันการเงินจะประเมินว่ารายได้ผู้ขอเงินกู้นั้น เพียงพอที่จะผ่อนชำระหรือไม่ โดยอัตราดังกล่าวส่วนใหญ่จะอยู่ที่ไม่เกิน 40% ของรายได้
5.หลักประกันในการขอเงินกู้ก็มีผล แม้ในความเป็นจริง สถาบันการเงินไม่ได้ต้องการยึดเอาทรัพย์สินต่าง ๆ ไม่ว่าจะบ้าน ที่ดิน รถยนต์ ที่คุณใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ต้องการดอกเบี้ยมากกว่า แต่ทว่า การใช้หลักประกันที่ง่ายในการขายต่อ ก็มีผลต่อการอนุมัติมากน้อยแตกต่างกันไป ดังนั้น คุณอาจต้องเลือกทรัพย์สินในการทำหลักประกันให้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็อย่าลืมหน้าที่ในการชำระตรงตามเงื่อนไข เพื่อหลักทรัพย์เหล่านั้นจะไม่หลุดลอยหายไปอยู่ในมือผู้อื่น