เป้าหมายเคสรีไฟแนนซ์รถที่ยังผ่อนไม่หมด จะแบ่งออกเป็น3เป้าหมายใหญ่ๆ

เจ้าของรถแต่ละคันที่ผ่อนค่างวดสินเชื่อรถยนต์อยู่ในเวลาปัจจุบัน ย่อมมีความต้องการที่จะรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่มีเป้าหมายที่แตกต่างกันของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ของบุคคลนั้นๆ แต่โดยรวมแล้วเป้าหมายของรีไฟแนนซ์รถยนต์ก็จะมีความคล้ายๆกัน

เป้าหมายเคสรีไฟแนนซ์รถที่ยังผ่อนไม่หมด จะแบ่งออกเป็น3เป้าหมายใหญ่ๆ

1.รีไฟแนนซ์รถที่ยังผ่อนไม่หมด เพื่อให้เหลือเงินสด
เป้าหมายลักษณะนี้จะต้องมียอดหนี้เหลือไม่เยอะ เพื่อที่จะทำเรื่องจัดไฟแนนซ์รถยนต์ใหม่แล้วให้เหลือเงินสดตรงตามที่ต้องการ ถ้ายอดหนี้เหลือเยอะๆอาจจะทำเรื่องแล้วไม่คุ้ม
ทำแล้วเหลือเงินสดไม่ตรงใจ

2.รีไฟแนนซ์รถที่ยังผ่อนไม่หมด เพื่อที่จะลดค่างวด
เป้าหมายลักษณะนี้ถ้าค่างวดที่ต้องผ่อนตัวเลขหลักพัน เวลารีไฟแนนซ์ใหม่จะไม่ค่อยเห็นความต่างในการลดค่างวด(ตัวเลขค่างวดจะลดน้อย) แต่ถ้าผ่อนตัวเลขค่างวดหลักหมื่น
ความเป็นไปได้ที่จะลดค่างวดที่ผ่อนให้น้อยลงก็มีโอกาสเป็นไปได้ แต่ยอดหนี้ต้องเหลือไม่เยอะด้วยนะ (เปรียบได้ง่ายๆว่า ยอดหนี้ที่เหลือหนึ่งแสนค่างวดประมาณ สองพัน)

3.รีไฟแนนซ์รถที่ยังผ่อนไม่หมด เพื่อที่จะเปลี่ยนชื่อ(ทั้งคนกู้ หรือ คนค้ำ)
เป้าหมายลักษณะนี้มักจะเกิดจากยืมชื่อคนอื่นมากู้ หรือรถเป็นชื่อคนรักเก่าแต่ปัจจุบันอยากตัดความสัมพันธ์ให้ขาดออกจากกันจึงเป็นเหตุให้ต้องทำเรื่องจัดไฟแนนซ์รถยนต์ใหม่เพื่อเปลี่ยนชื่อนั่นเอง

เป้าหมายรีไฟแนนซ์รถที่ยังผ่อนไม่หมดจะเป็นแบบไหนก็ตาม ความเป็นไปได้ที่จะรีไฟแนนซ์รถยนต์ได้นั่น ควรจำไว้ว่า " ยอดหนี้(ยอดปิดบัญชีเช่าซื้อ) จะต้องเหลือน้อยกว่า
มูลค่ารถยนต์เวลาปัจจุบันที่จะขอสินเชื่อรถยนต์ได้ 

รีไฟแนนซ์รถที่ยังผ่อนไม่หมดกับไฟแนนซ์เดิมทำเรื่องไม่ได้ มาทำเรื่องกับทางเราได้เสมอ โดยมีหลักการแนวทางจัดการดังนี้
1. ส่งเอกสารประเมินเคสรีไฟแนนซ์รถที่ยังผ่อนไม่หมดก่อน (คุณสมบัติคนกู้สามารถทำเรื่องได้ ณ จุดไหน)
2. ยื่นเอกสาร เซ็นคำขอสินเชื่อรถยนต์ครั้งใหม่กับไฟแนนซ์รถยนต์
3. ผลอนุมัติสินเชื่อรีไฟแนนซ์รถยนต์อนุมัติผ่านก่อน จึงดำเนินการปิดบัญชีเช่าซื้อรถยนต์กับไฟแนนซ์เดิม
4. ทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์เข้าไฟแนนซ์
5. รอรับชำระเงินค่ารถยนต์จากการนำรถมารีไฟแนนซ์รถยนต์ ถึงได้ว่าเสร็จสิ้นสมบูรณ์

รับปรึกษา ปิดบัญชีย้ายไฟแนนซ์ รีไฟแนนซ์รถที่ยังผ่อนไม่หมดของเจ้าของรถยนต์ที่เกิดปัญหาทุกเคส