ยิบอินซอย ประเมินทิศทางการลงทุน และการเติบโตไอทีปีหน้าเอเชียมีแนวโน้มสดใสขึ้น รูปแบบการลงทุนหันมาเน้นลดค่าใช้จ่าย และใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีอยู่แล้วให้เต็มที่ ทั้งหันมาให้ความสนใจเรื่องระบบความปลอดภัยข้อมูลและระบบเครือข่ายมากขึ้น
นายสุภัค ลายเลิศ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ และปีหน้า การใช้จ่ายของภาครัฐจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านไอทีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมทั้งการออกกฎระเบียบต่างๆ ทำให้องค์กรจำเป็นต้องเร่งปรับตัวและพัฒนาระบบภายในของตัวเองให้รับข้อกำหนด ของภาครัฐ เป็นการเร่งสร้างธรรมาภิบาลในหน่วยงานเพื่อให้ตรวจสอบระบบได้
ขณะที่ พ.ร.บ.อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวและลงทุน ปรับปรุงพัฒนาระบบภายในให้ได้มาตรฐานสากลและตามข้อกำหนด ซึ่งพบได้ในหลายๆ อุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ ภาคการเงินการธนาคารที่ได้นำมาตรฐานการรายงานระหว่างประเทศ (International Financial Reporting Standards: IFRS) มาปฏิบัติและอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่หันมาปรับมาตรฐานตามไอเอสโอเพื่อให้ผ่านการรับรอง และเป็นจุดแข็งทางธุรกิจ
รวมถึงการเติบโตของเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ได้แก่ ระบบเครือข่ายสื่อสารเชื่อมโยงแบบคลาวด์คอมพิวติ้ง ที่รายงานการวิจัยเรื่องศูนย์ข้อมูลดาต้าเซ็นเตอร์พบว่า ลูกค้าพยายามรักษาศูนย์ไว้ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด หลังเผชิญความเก่าและไร้ประสิทธิภาพที่ถูกสะสมมานานกว่า 7-10 ปี แต่ต้องเผชิญแรงกดดันด้านงบประมาณ ผลกระทบทางเศรษฐกิจ จึงต้องหาทางเลือกที่ให้ผลมากกว่าในราคาเท่าเดิม จึงมองหารูปแบบโครงสร้างเป็นอันดับต้นๆ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด ทั้งเอสเอ็มอี ถึงเอ็นเตอร์ไพรซ์ต่างเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้
ฉะนั้นองค์กรผู้ให้บริการและที่ปรึกษาอย่างยิบอินซอยก็ต้องพร้อมต่อการบริการทั้งรูปแบบการลงทุนและเทคโนโลยีที่เหมาะสมแก่ลูกค้า
นายสุภัค กล่าวว่า ส่วนของบริษัทยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง รายได้ปีนี้เท่ากับปีที่ผ่านมา และปีหน้ายังมองมุมบวก หากไม่มีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้มากระทบ ทั้งยังพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจด้วยกับจับมือเป็นพันธมิตรกับหลายบริษัทชั้นนำของ โลก ทั้งฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์แอพพลิเคชั่น, โซลูชั่น ได้แก่ ซัน ไมโครซิสเต็มส์, ฟินาร์ช, เน็ตแอพ, ไซแมนเทค, เอชพี, ฮิตาชิ เป็นต้น เพื่อให้บริการได้ครบวงจร ครอบคลุมธุรกิจหลักตามเป้าหมายที่วางไว้ ได้แก่ การเงินการธนาคาร ภาครัฐ ทุกกระทรวง ทบวง กรม และกองทัพ ภาคอุตสาหกรรม และโทรคมนาคม