การถ่ายภาพ กับ การแต่งภาพ Portrait
เรื่องของการถ่ายภาพกับการแต่งภาพไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เลย นักถ่ายภาพรุ่นอดีตที่มีฝีไม้ลายมือนั้น ส่วนใหญ่เป็น่นักถ่ายภาพและนักทำภาพตัวยงเลยทีเดียว เทคนิคพิเศษในสมัยก่อนนั้นเกิดขึ้นในห้องมืด ที่ต้องใช้ความชำนาญอย่างมากในการสร้างภาพบนกระดาษให้มีศิลปะตามที่ใจตัวเองต้องการ การทำภาพสมัยก่อนเป็นการศึกษาเรียนรู้ด้วยประสบการณ์อย่างแท้จริง ลองถูกลองผิดกันนับไม่ถ้วน แต่พอในยุคนี้สมัยนี้คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การแต่งภาพด้วยเทคนิคพิเศษส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลงมาเป็นการทำภาพในห้องสว่าง ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์เข้าช่วยเป็นอย่างมาก จนเกิดเป็นคู่หูคู่ฮาคู่ดูโอคู่ใหม่ที่มิอาจจะแยกจากกันได้ ใครมีกล้องก็ต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์มันถึงจะสุดสุด
จำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนการถ่ายภาพ Portrait ให้ดูนุ่มนวลชวนฝันนั้นจำเป็นมากที่ต้องพึ่งอุปกรณ์ช่วยอย่าง “ฟิลเตอร์ Soft” ขอเน้นว่าใช้ฟิลเตอร์ Soft เท่านั้นเจ๋งสุดๆแล้ว ทำให้บริษัทที่ผลิตฟิลเตอร์ทั้งหลายเร่งพัฒนาวิจัยผลิตภัณฑ์ฟิลเตอร์ Soft ของตัวเองให้เกิดผลจนเป็นที่พึงพอใจแก่ผู้ใช้งานมากที่สุด ทำให้ตลาดของฟิลเตอร์ Soft มีความหลากหลายมากกว่าฟิลเตอร์ชนิดอื่นๆ โดยรุ่นที่ถือว่าเจ๋งสุดในบรรดาที่พวกโปรนิยมกันนั้น เห็นจะไม่พ้นฟิลเตอร์ Soft No.1 ของ Nikon ที่มีราคาค่าตัวมากกว่าเลนส์รุ่นธรรมดาๆซะอีก แต่ก็ขาดไม่ได้เลยในกระเป๋ากล้องนักถ่ายภาพมือโปรทั้งหลาย พอถึงทุกวันนี้ฟิลเตอร์ยอดฮิตทั้งหลายแทบจะไม่ได้ออกมาแสดงความสามารถอย่างเช่นเก่าก่อนเลย โดยเฉพาะกับการใช้กล้อง Digital ด้วยแล้วหละก็ กลับมาทำ Soft ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ทีหลังจะดีกว่า จะเอา Soft มาก Soft น้อยทำได้หมด แถมยังลบริ้วรอยอันไม่พึงปรารถนาได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย แล้วยังทำได้ดีกว่าการใช้ฟิลเตอร์ Soft ซะอีก
ปัญหาสำหรับการถ่ายภาพ Portrait ในงานพิธีนั้น สภาพแสงในวันถ่ายภาพถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเราต้องพึ่งพอแสงจากดวงอาทิตย์แต่เพียงอย่างเดียว ยิ่งถ้าเราถ่ายภาพ Portrait ในสไตล์ย้อนแสงเพื่อให้เกิดแสงริมไลท์ด้วยแล้วหละก็ ยิ่งต้องใช้แสงผนวกกับช่วงเวลาที่ดีอีกด้วย ทำให้บางสถานการณ์ที่สภาพแสงไม่เป็นใจพลอยทำให้แนวทางในการสร้างสรรค์ภาพของเราดูตีบตันลงไปอีก ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเมื่อเรานำเอาภาพที่ดูธรรมดาๆ มาปรับแต่งซะใหม่ให้ดูดียิ่งขึ้นด้วยการจัดทำเป็น Art Work ง่ายๆ ก็จะช่วยสร้างความสนใจให้กับภาพนั้นมากยิ่งขึ้น ภาพที่ดูขัดตาไม่สวยสมใจ ก็จะดูสวยน่ารักไปอีกแบบนึง ในตอนนี้ขอเสนอแนวความคิดกับการถ่ายภาพงานรับปริญญาให้ดูกันก่อน หากตรงกับใจใครต่อใครจะเสนอแนวความคิดนี้กับงาน Wedding กันต่อไป อาจจะเลยๆไปถึงงานถ่ายภาพ Fashion แบบง่ายๆ ที่พวกเราทำได้ไม่ยุ่งยากนัก
กว่าจะได้ภาพสุดท้ายที่ปรากฏให้เห็นกันอยู่นี้ ต้องผ่านขั้นตอนหลักๆ 2 ขั้นตอนด้วยกันคือ “การถ่ายภาพ และการแต่งภาพ”
“การถ่ายภาพ” เราจะต้องเน้นคุณภาพและคุณค่าของภาพเป็นหลัก คุณภาพของภาพถ่ายที่ดีต้องเกิดจากการถ่ายภาพเท่านั้น การถ่ายภาพด้วยกล้อง Digital ที่เค้าว่าเอามาตกแต่งแก้ไขกันภายหลังได้นั้นขอให้ใช้เฉพาะแค่การแก้ไขจากสถานการณ์ที่เราควบคุมไม่ได้เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นตัวแบบของเราใบหน้าไม่ค่อยเรียบ มีสิวฝ้าปรากฏให้เห็น ก็เรื่องแบบนี้แหละที่เราต้องเอามาตกแต่งแก้ไขกันภายหลัง ดังนั้นเราจะต้องเน้นหนักในเรื่องของความคมชัด, ทิศทางของแสง, ฉากหลังที่ดี ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำมาซึ่งคุณภาพ สำหรับการหา Location , การโพสท่า, การวางองค์ประกอบภาพที่ดี และการเน้นอารมณ์ภาพ เรื่องแบบนี้จะให้คุณค่าของภาพมากขึ้น เมื่อเราได้ภาพที่ดีหรือเกือบจะดีจากการบันทึกภาพแล้ว ขึ้นตอนต่อมาเราก็นำเข้าสู่กระบวนการในห้องสว่างกัน
“การแต่งภาพ” ขั้นตอนนี้เป็นขึ้นตอนที่ต้องใช้ศิลปะและสุนทรียภาพทางอารมณ์กันพอสมควร ผลงานที่ออกมาขึ้นอยู่กับบุคคลิคภาพของตัวแบบที่นักถ่ายภาพเก็บบันทึกมา ผสมผสานกับสุนทรียภาพทางอารมณ์ของนักแต่งภาพ (ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนเดียวกัน) โดยจะขอแนะนำการทำ Soft แบบหลากหลายชนิด กับการสร้าง Effect ในภาพ และสุดท้ายคือการสร้างทำเป็น Art Work งานต่างๆ เพื่อให้งานดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
Step 01 การทำฟิลเตอร์ Soft จากคำสั่ง Filter-Distort-Diffuse Glow
Step 02 เปิดรูปภาพที่ต้องการ แล้วใช้ Clone Stamp Tool ตกแต่งภาพในส่วนของริ้วรอยที่ไม่ต้องการออก พร้อมกับปรับผิวให้ดูนิ่มนวลมากขึ้นด้วยการใช้ Opacity น้อยๆ ประมาณ 10-20%
Step 01 | Step 02 |
Step 03 ทำแววตาให้ดูมีประกายมากขึ้นด้วย Dodge Tool ซึ่ง Tools นี้จะทำให้พื้นสีเดิมๆสว่างขึ้นมา โดยเราจะต้องค่อยๆเปิดในตำแหน่งสีขาวในดวงตา ด้วยการตั้งค่า Exposure น้อยๆ ในภาพนี้ตั้งค่าเอาไว้ที่ 24%
Step 04 หลังจากตกแต่งภาพเรียบร้อยแล้ว ให้เรา Duplicated Layer ขึ้นมาอีก 1 Layer เพื่อนำมาทำในขั้นตอนให้ภาพ Soft ต่อไป
Step 03 | Step 04 |
Step 05 ใช้คำสั่ง Filter-Distort-Diffuse Glow ใน Layer ที่ Duplicated ขึ้นมาใหม่
Step 06 ปรับค่าของการฟุ้งกระจายที่ Glow Amount และ Clear Amount ตามความพอใจ สำหรับค่า Graininess นั้นเป็นการใส่เม็ดเกรนของภาพ ถ้าต้องการความนุ่มนวลมากๆ ให้ปรับค่า Graininess ไว้ที่ 0
Step 05 | Step 06 |
Step 07 จากนั้นให้ปรับค่า Opacity ของ Layer ที่ใส่ฟิลเตอร์ Diffuse ให้บางลงตามต้องการ โดยจะเห็นสีของ Layer ด้านล่างขึ้นมา ขั้นตอนนี้นี่แหละจะเป็นตัวกำหนดความฟุ้งของภาพมากหรือน้อยตามต้องการ
Step 08 ต่อมาเป็นขั้นตอนการใส่ตัวหนังสือ เพิ่มความสวยสะดุดตามากขึ้น การใส่ตัวอักษรนี้เราจะใช้ Vertical Type Tool เป็นการใส่ตัวอักษรในแนวตั้ง
Step 07 | Step 08 |
Step 09 เพื่อไม่ให้ตัวอักษรเด่นมาจนเกินไป เราก็ปรับค่า Opacity ให้บางลงตามที่เราต้องการ /การทำฟิลเตอร์ Soft จากคำสั่ง Filter-Blur-Gaussian Blur
Step 10 เริ่มขั้นตอนนี้ขอตัดจากขั้นตอนที่ 1-3 ไปเลย เพราะทำเหมือนกัน แต่จะต่างกันที่วิธีนี้เราจะใช้ฟิลเตอร์ Blur แทนการใช้ฟิลเตอร์ Diffuse Glow / เมื่อเรา Duplicated Layer แล้ว ให้ปรับภาพด้วยฟิลเตอร์ Blur-Gaussian Blur แล้วปรับความเบลอได้ตามที่ต้องการเลย
Step 09 | Step 10 |
Step 11 เมื่อได้ความเบลอตามที่ต้องการแล้ว จะเห็นว่าภาพใน Layer ที่ Duplicated นั้นจะเบลอมากก็ด้วยค่า Opacity ที่เราตั้งไว้ที่ 100% นั่นเอง เราจะต้องปรับค่านี้ลดลง
Step 12 การลดค่า Opacity นี้เราจะต้องกำหนดเอง เพราะเป็นการทำให้ภาพ soft มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่า Opacity นี้นี่แหละ
Step 11 | Step 12 |
ขั้นตอนต่อมาก็ใส่ตัวอักษรเข้าไป ก็เหมือนกับภาพก่อนๆนี่แหละ เพียงแต่ภาพนี้ตัวอักษรจะมีขนาดที่แตกต่างกันไป ให้สังเกตคำว่า Angle นั้นจะแยกตัว A กับ ngle ออกจากกัน เพราะต้องการให้ตัว A มีขนาดที่ใหญ่กว่า แต่ถ้าเป็น Layer เดียวกัน เมื่อทำให้ตัว A ใหญ่กว่าจะเกิดช่องว่างมากเกินไป
จบขั้นตอนการแต่งภาพแบบง่ายๆแล้วลองไปทำกันดูก็แล้วกัน ไม่ยากนัก เทคนิคก็ไม่เยอะ ใครมีความคิดใหม่ๆก็ช่วยบอกต่อๆเพื่อนให้ทราบบ้างก็แล้วกัน วิธีการเหล่านี้อาจจะมีช่องทางอื่นหรือคำสั่งอื่นที่อาจจะทำดูแล้วง่ายกว่านี้ก็ได้ สำหรับการทำ Effect อื่นๆ จะค่อยๆนำมาให้ลองเล่นกันอีก ตอนนี้ขออุ๊ปเอาไว้ก่อนนะ
Pooh
ที่มาจาก http://www.focusingclub.net/article/photography-art-technique/soft-portrait-photoshop/