เทคโนโลยีของฮาร์ดดิสก์ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาไปมากกว่าแต่ก่อนมาก จากเดิมที่มีความจุเพียงไม่กี่เมกะไบต์ จนมาถึงในตอนนี้มีความจุระดับหลายร้อยกิกะไบต์ ในส่วนของเทคโนโลยีจากดิสก์ (Platter) ที่แต่ก่อนใช้การจัดเรียงข้อมูลในแนวนอน เริ่มเปลี่ยนเป็นการจัดเรียงข้อมูลแบบแนวตั้ง เพื่อการเก็บข้อมูลต่อแผ่นที่มากขึ้น
ส่วนอินเทอร์เฟซการรับส่งข้อมูลก็มีการปรับเปลี่ยนจาก ATA สูงสุดที่มีความเร็วเพียง 133 MB/s ไปเป็นอินเทอร์เฟซแบบ SATA I (Serial ATA) ที่มีความเร็วมากขึ้นเป็น 150 MB/s และตอนนี้กำลังเข้าสู่ยุค SATA-II ที่มีความเร็วในการรับส่งข้อมูล 300 MB/s และต่อไปอีกไม่นานเราอาจจะเห็นอินเทอร์เฟซ SATA ที่ความเร็ว 600 MB/s
สิ่งหนึ่งที่เราคาดเดาได้เกี่ยวอนาคตของฮาร์ดดิสก์คือ ความจุที่แน่นอนว่าย่อมมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับรายงานจาก IDEMA ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลอุตสาหกรรมดิสก์ไดรฟ์ของโลกได้คาดการณ์ว่าในปี 2010 ฮาร์ดดิสก์สำหรับผู้ใช้ตามบ้านจะมีความจุสูงถึง 3 เทราไบต์ และในปี 2014 ความจุจะเพิ่มไปถึงระดับ 12 เทราไบต์
ความต่างในช่วง 4 ปี คืออะไร คำตอบก็คือ เทคโนโลยีการผลิตฮาร์ดดิสก์ที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีฮาร์ดดิสก์อาจจะเดินทางไปได้เพียงปี 2010 แต่เทคโนโลยีใหม่จะช่วยให้มันเดินทางต่อไปได้
ภาพรวม Hybrid Drive
การที่ขนาดความจุ ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งเดียวสำหรับการใช้งานฮาร์ดไดรฟ์ในปัจจุบัน Hybrid Drive ก็ถือเป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมากและดูจะมีอนาคตอยู่ค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของการประหยัดพลังงานที่เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผู้ใช้ทั่วโลกตื่นตัวกันมากขึ้น ยิ่งเป็นผู้ใช้โน้ตบุ๊กด้วยแล้ว ถือเป็นการตอบโจทย์อย่างชัดเจน แม้ว่าจะยังมีเรื่องของจุดด้อยในบางส่วนอยู่บ้าง ที่ต้องปรับปรุง แต่ก็ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ หากเทียบกับคุณสมบัติที่เอื้อประโยชน์ต่อการใช้งาน ดังนั้นแล้วสิ่งที่น่ากังวลที่สุดก็คือ ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า หน่วยความจำนั้น จะมีราคาค่อนข้างสูงและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การควบคุมราคาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสำหรับกลุ่มตลาด ก็เป็นเรื่องที่คงต้องรอกันต่อไปว่าจะเป็นไปในรูปแบบใด