เชื่อกันว่าน้ำบนโลกน่าจะมีแหล่งกำเนิดมาจากวัตถุจำพวกดาวหางที่มาชน โลกในยุคตั้งต้นของระบบสุริยะ ดาวหางมีน้ำแข็งอยู่มาก เมื่อมา พุ่งชนก็เอาน้ำมาทิ้งไว้บนโลกด้วย การชนครั้งแล้วครั้งเล่าได้ทำให้โลก กลายเป็นดาวเคราะห์ที่ชุ่มฉ่ำดังเช่นปัจจุบัน
แนวคิดนี้อาจต้องเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ดาวหางอาจไม่ใช่แหล่ง น้ำเดียวของโลกก็ได้ เมื่อนักดาราศาสตร์พบว่าดาวเคราะห์น้อยก็มีน้ำแข็งได้เหมือนกัน
ดาวเคราะห์น้อยดังกล่าวคือ ดาวเคราะห์น้อย 24 เทมีส (24 Themis) ดาว เคราะห์น้อยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 200 กิโลเมตร โคจรรอบดวง อาทิตย์อยู่ระหว่างวงโคจรของดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี หมุนรอบตัวเองครบ รอบใช้เวลา 8.37 ชั่วโมง นักดาราศาสตร์จากสองคณะพบว่ามีน้ำ แข็งบาง ๆ ปกคลุมอยู่
การค้นพบนี้ทำให้เกิดปัญหาใหม่ขึ้น เพราะเทมีสมีวงโคจรอยู่ ในแถบดาวเคราะห์น้อยหลัก ซึ่งอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ในระยะที่ร้อนพอที่ จะทำให้น้ำแข็งบนดาวเคราะห์น้อยระเหยออกไปได้ แล้วเทมีสกลับมีน้ำแข็ง ปกคลุมอยู่และคงอยู่ได้นับพันล้านปีอย่างนี้ได้อย่างไร
นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบสันนิษฐานว่า สาเหตุเดียวที่เป็นไป ได้ก็คือ จะต้องมีแหล่งกำเนิดน้ำแข็งอยู่ภายในดาวเคราะห์น้อยที่คอยคาย น้ำออกมาเติมน้ำที่ระเหยไปอยู่เสมอ
"ก่อนหน้านี้เคยคิดแต่ว่าดาวหางเท่านั้นที่จะนำน้ำมาที่โลกได้" แอ นดรู ริฟกิน จากมหาวิทยาลัยฮอปกินส์ในลอเรลกล่าว "แต่ตอนนี้ เราพบแล้วว่าการชนโดยดาวเคราะห์น้อยก็มีส่วนนำน้ำมาไว้บนโลกด้วยในปริมาณที่มีนัยสำคัญ"
คณะของริฟกินสำรวจดาวเคราะห์น้อย 24 เทมีสมาตั้งแต่ปี 2545 ถึง 2551 มี การวิเคราะห์สเปกตรัมแสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ในหลายย่าน ความถี่เพื่อค้นหาองค์ประกอบของพื้นผิว และพบว่าสัญญาณที่สะท้อนออกมา ใกล้เคียงกับน้ำแข็งบวกกับสารอินทรีย์อีกจำนวนหนึ่ง
นอกจากงานของริฟกินแล้ว นักดาราศาสตร์อีกคณะหนึ่งที่นำโดย ฮับ เบอร์โต แคมปินส์ จากมหาวิทยาลัยเซนทรัลฟลอริดา ก็ได้ทดลอง เรื่องเดียวกันด้วยวิธีต่างกัน โดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ทำงานร่วมกัน แต่ ก็ยังได้ผลสรุปแบบเดียวกัน
นอกจากจะพบว่ามีน้ำแข็งอยู่บนดาวเคราะห์น้อยแล้ว ยังพบว่า น้ำแข็งนั้นกระจายอยู่ทั่วทั้งดวงอย่างสม่ำเสมออีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้จะพบสารอินทรีย์และน้ำ ซึ่งถือเป็นองค์ ประกอบสำคัญของสิ่งมีชีวิต แต่ปัจจัยอื่นบนดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ ไม่ ว่าจะเป็นการที่ไม่มีน้ำที่อยู่ในสถานะของเหลว ไม่มีบรรยากาศ และ มีรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์เข้มข้น ล้วนแต่เป็นอุปสรรคต่อ วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
Credit : http://thaiastro.nectec.or.th/news/uploads/2010/news-38-MzggMC.jpg