เคยไหมครับที่อยู่ดีๆ คอมพิวเตอร์ของคุณก็เปลี่ยนทั้งหน้าจอเป็นสีน้ำเงินไปซะเฉยๆ ซึ่งมันอาจเกิดขึ้นได้กับพวกเราทุกคนไม่ว่าเวลาใดก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ควรทราบก็คือ อาการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นหลายๆ ครั้งติดต่อกันก็ได้ ผมเองก็เคยประสบปัญหาดังกล่าวเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดมากทีเดียว
แล้ว สิ่งที่เรียกว่า หน้าจอสีน้ำเงิน (Blue Screen) ที่ผมพูดถึงนั้นหมายถึงอะไรล่ะ? คำว่า Blue Screen เป็นชื่อสามัญที่ใช้เรียกแทน หน้าจอแสดงข้อผิดพลาด ที่มักจะอ้างอิงกับอาการผิดปกติของการทำงานที่เกิดขึ้นบนระบบปฎิบัติการ Windows นอกจากชื่อนี้แล้ว บางทีมันยังถูกเรียกว่า stop error (ข้อผิดพลาดที่ทำให้ระบบต้องหยุดทำงาน) ปกติแล้วข้อความต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอจะเป็นการบอกให้ผู้ใช้ทราบว่า คอมพิวเตอร์ของคุณไม่สามารถแก้ไขปัญหาอันเนื่องจากข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในระบบนั่นเอง โดยหน้าจอแสดงข้อผิดพลาดในลักษณะนี้จะมีอยู่ใน Windows ทุกเวอร์ชันตั้งแต่ Windows 3.1 แล้ว
เมื่อใดก็ตามที่ระบบปฏิบัติการพบว่า มันมีขั้นตอนการทำงานที่ผิดปกติ และระบบไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ หน้าจอสีน้ำเงินก็จะป๊อปอัพขึ้นมา ซึ่งวิธีที่ปลอดภัยสำหรับการออกจากหน้าจอน้ำเงินก็คือ รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ของคุณ ปัญหาของการเกิดหน้าจอน้ำเงินก็คือ ข้อมูลบางส่วนอาจสูญหายไปในระหว่างที่เกิดกระบวนการนี้ ผู้ใช้จะไม่มีโอกาสได้จัดเก็บงานแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น การปรากฏตัวของหน้าจอสีน้ำเงินจึงไม่ได้แค่ทำให้ระบบต้องหยุดทำงานเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดความหายนะอื่นๆ อย่างเช่น การสูญเสียข้อมูลที่กำลังจัดทำอยู่ในขณะนั้นด้วยนั่นเอง แล้วอย่างนี้จะไม่เรียกมันว่า หน้าจอน้ำเงินแห่งมรณะ ( Blue Screen of Death) ได้อย่างไร
ปกติหน้าจอน้ำเงินที่ปรากฏใน Windows แต่ละเวอร์ชันจะแสดงข้อความที่แตกต่างกันไป ซึ่งรวมถึงการอ้างอิงข้อผิดพลาดต่างๆ ด้วย แต่โดยพื้นฐานของความผิดพลาดที่นำไปสู่ Blue Screen of Death มักจะมีสาเหตุมาจากปัญหาการติดตั้งฮาร์ดแวร์ใหม่ ซอฟต์แวร์ใหม่ ไวรัส หรือมัลแวร์ ตลอดจนอาจเกิดจากฮาร์ดแวร์เก่า หรือฮาร์ดแวร์ที่มีปัญหา ซึ่งสาเหตุของปัญหานั้นมีมากมาย โดยขึ้นอยู่กับชนิดของคอมพิวเตอร์ และแอพพลิเคชันที่ใช้ในเครื่องของคุณ สำหรับผู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับหน้าจอสีน้ำเงิน ต้องถือว่าเป็นเรื่องโชคร้ายจริงๆ แต่อย่างน้อยที่สุด คุณสามารถออกจากมันได้ด้วยการรีบู๊ตเครื่องอย่างรวดเร็ว ขอให้ทุกท่านโชคดี
Error : IRQL_NOT_LESS_OR_EQUAL (Error Code : Stop 0x0000000A)
ความหมายของ 0xA นั้นหมายความว่า Kernel-mode process หรือไดรเวอร์นั้นไม่สามารถจะเข้าถึงเมโมรีที่จองไว้ได้ อาจเนื่องจากไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าถึง หรือค่าที่เคอร์แนลส่งระดับ IRQL นั้นอยู่สูงเกินไป แต่ Kernel-mode process ที่มีค่า IRQL ต่ำกว่าสามารถเข้าถึงหน่วยความจำนั้นได้ โดยส่วนมาก Stop Message นี้มักจะมาจากการที่ไม่คอมแพตทิเบิลของฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์ที่อยู่ในเครื่องนั่นเอง
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้
สาเหตุนี้อาจเกิดหลังการติดตั้ง device driver, system sevice หรือ Firmware ที่เสียหายหรือไม่สมบูรณ์ หาก Stop Message นั้นแสดงชื่อไดรเวอร์ที่ผิดพลาดมาด้วยให้แก้ไขโดยการยกเลิก หรือ rollback กลับไปใช้ ไดรเวอร์ที่สมบูรณ์ หรือหากยังแก้ไขไม่ได้ อาจจะเป็นที่ไฟล์ที่ใช้ในการติดตั้งไดรเวอร์เกิดเสียหาย เพราะไวรัสก็ได้ ต้องตรวจสอบจุดนี้ด้วย
ข้อผิดพลาดอาจเกิดจากตัวฮาร์ดแวร์ก็ได้ หากเออเรอร์นี้แจ้งประเภทของ Device มา ยกตัวอย่างเช่น กราฟิกการ์ดหรือไดรฟ์ ก็ให้ลองปลดหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ที่Error Message แจ้งมาอาจจะช่วยแก้ปัญหาได้
หากปัญหานี้เกิดมาในช่วงที่คุณกำลังติดตั้งเซอร์วิสแพ็ค ของวินโดวส์ สาเหตุอาจ
จะมาจากการที่ไม่คอมแพตทิเบิลกันของไดรเวอร์หรือ System Service ที่ได้ติดตั้งไว้ให้ลองถอน Third-party Device ก่อนการติดตั้งเซอร์วิสแพ็ค และเมื่อหลังจากติดตั้งสำเร็จแล้วให้ลองติดต่อไปยังโรงงานผู้ผลิต เพื่อสอบถามหาไดรเวอร์ที่เข้ากันได้อีกที
Error : KMODE_EXCEPTION_NOT_HANDLED (Error Code : 0x0000001E)
ค่า 0x1E เป็นเครื่องบ่งบอกว่าวินโดวส์ เอ็กซ์พีตรวจสอบพบชุดคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่อาจระบุได้ ปัญหาที่พบจาก 0x1E นั้นใกล้เคียงกับการเกิดขึ้นของ 0xA อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย ที่ ค่า 0xA เกิดจากการใช้งานผิดพลาดที่หน่วยความจำ แต่ เจ้า 0x1E นั้น เป็นการผิดพลาดจากชุดคำสั่ง
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้
0x1E โดย ส่วนมากจะปรากฏหลังจากติดตั้งไดรเวอร์ หรือ System sevices ที่ผิดพลาด หรือเกิดจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งลงไปใหม่นั้นทำให้เกิดการขัดแย้งหรือแย่งกันใช้งานค่าบางอย่าง เช่น หน่วยความจำหรือ IRQ ( memory or IRQ conflicts) ถ้าเออเรอร์นี้ แสดงรายละเอียดของชื่อไดรเวอร์ที่มีปัญหาก็ให้ลองหยุดใช้ หรือ ถอดถอนไดรเวอร์เจ้าตัวที่มีปัญหาออก อาจจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ หรืออาจจะเป็นที่ไฟล์ไดรเวอร์ที่ติดตั้งนั้นเสียหายจากไวรัส เป็นต้น
แต่ถ้าเออเรอร์นั้นได้อ้างถึงไฟล์ชื่อ Win32k.sys อาจจะเกิดจากมีการติดตั้งไฟล์ตัวนี้มาแทนที่จากโปรแกรมอื่นๆ วิธีแก้ก็ลองให้พยายามยกเลิก system service นี้ โดยการสตาร์ทวินโดวส์ใน Safe Mode แต่หากยังแก้ไขไม่ได้ คงต้องใช้งาน Recovery Console เพื่อลบไฟล์ System Service ที่สร้างปัญหานั้นทิ้ง
ปัญหานี้ก็อาจจะเกิดมาจากอัพเดตไบออสที่เข้ากันไม่สมบูรณ์ เช่น ไบออสที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานพลังงาน (ACPI) ให้ลองแก้ไข โดยการกลับไปใช้ไบออสตัวเก่า หรือหาตัวที่สมบูรณ์กว่านี้
อีกสาเหตุหนึ่ง อาจมาจากพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ไม่เพียงพอต่อการติดตั้งโปรแกรมวิธีแก้ง่ายๆ เพียงแต่จัดหา หรือบริหารพื้นที่ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน เช่น การลบ Temporary File ทิ้ง (พวกไฟล์นามสกุล .tmp) พวก Internet Cache files, หรือ ไฟล์ต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน แล้วก็กลับไปติดตั้งโปรแกรม ที่ต้องการต่อได้ หรืออีกสาเหตุหนึ่ง ปัญหานี้อาจจะเกิดจากการที่หน่วยความจำไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เนื่องจากโปรแกรมหรือเซอร์วิสบางตัวนำหน่วยความจำไปใช้งาน แล้วไม่ยอมคืนหน่วยความจำกลับมา ให้คุณใช้ยูทิลิตี้ที่ชื่อว่า Poolmon (Poolmon.exe) มาช่วยเหลือ (อยู่ในไดเรกทอรี \Support\Tools\ของแผ่นติดตั้งวินโดวส์ เอ็กซ์พี) เจ้าตัวนี้สามารถช่วยคุณตรวจสอบว่าโปรแกรมตัวไหนนำหน่วยความจำไปใช้ และไม่ยอมคืนบ้าง เมื่อเจอแล้ว คุณอาจต้องถอนการติดตั้งโปรแกรมนั้นเสีย
Error : NTFS_FILE_SYSTEM (Error Code : 0x00000024)
0x24 บ่งบอกถึงปัญที่เกิดขึ้นจากไฟล์ Ntfs.sys ซึ่งเป็นไดรเวอร์ที่ใช้ในการอนุญาตให้ระบบสามารถอ่านและเขียนระบบไฟล์ซิสเต็มส์แบบ NTFS ปัญหานี้จะคล้ายกับโค้ด 0x23 ซึ่งมาจากความผิดพลาดในการอ่านหรือเขียนไฟล์ซิสเต็มส์แบบ FAT16 หรือFAT32
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้
อาจเกิดจากการทำงานผิดพลาดของฮาร์ดแวร์ SCSI หรือ ATA หรือไดรเวอร์ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์จำพวกนี้ ทำให้เกิดความผิดพลาดในการอ่านหรือเขียนข้อมูลสู่ดิสก์ไดรฟ์ จากปัญหานี้ถ้าคุณใช้งานฮาร์ดแบบ SCSI ให้ตรวจสอบที่รายละเอียดในส่วนของสายเชื่อมต่อ หรือจุดเชื่อมต่อต่างๆ และลองตรวจสอบที่ Event Viewer เพื่อตรวจหาข้อผิดพลาดที่อาจจะเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ ดังกล่าว
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบที่ใช้ในการตรวจสอบระบบของคุ ณ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Anti virus หรือระบบแบ็กอัพที่ใช้งาน ทำงานเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับ วินโดวส์ เอ็กซ์พี หลังจากนั้นให้ลองตรวจสอบกับอุปกรณ์ที่คุณใช้งาน บางชิ้นนั้นจะให้มากับเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของมันได้ (Diagnostic Tool) หากไม่มีเครื่องมือจำพวกนี้มาให้ เราก็สามารถตรวจสอบได้จากเครื่องมือของวินโดวส์ที่ให้ซึ่งมี 2 วิธีดังนี้ (ควรทำใน Safe mode)
วิธีที่ 1
1. ในช่อง Run ให้พิมพ์คำว่า "cmd"
2. ให้เริ่มต้นใช้งานเครื่องมือ Chkdsk, และใส่พารามิเตอร์เพื่อตรวจสอบความผิดพลาดของไฟล์โดยพิมพ์คำสั่ง ว่า "chkdsk [drive:] /f" (drive: คือชื่อไดรฟ์ที่คุณต้องการตรวจสอบ เช่น C: D: E: หรือ F: เป็นต้น)
ข้อควรระวัง ถ้าคุณไม่ได้ใช้งานระบบ NTFS ไฟล์ที่มีการตั้งชื่อยาวกว่า 8
ตัว อักษร อาจจะเกิดการสูญหายไปจากฮาร์ดดิสก์ได้ หลังจากการตรวจสอบด้วยวิธีนี้
วิธีที่ 2
1. ดับเบิลคลิ้กที่ My computer และเลือกไปที่ฮาร์ดดิสก์ที่ต้องการจะตรวจเช็ค
2. ที่หัวข้อ "File" บนเมนูบาร์ให้เลือกที่ Properties
3. เลือกแท็บที่เขียนว่า Tools
4. ให้เช็คที่ช่องที่เขียนว่า Error-checking box
5. ในหัวข้อเช็ค Check disk options ให้เลือกที่ Scan for and attempt recovery for and sectors หรือ จะเลือกที่automatically fix file system error ด้วยก็ไม่เสียหายนะครับ
อีกสาเหตุหนึ่งอาจจะมาจากปัญหา Nonpage pool memory ในหน่วยความนำในระบบหมดสิ้นอย่างสิ้นเชิง สาเหตุนี้สามารถแก้ได้อย่างง่ายได้ โดยใช้เงินในกระเป๋าคุณไปซื้อแรมมาเพิ่มนั่นเอง