ไทยติดเชื้อเพิ่มอีก ไกด์หนุ่มเพิ่งกลับจากเกาหลี

guest profile image guest

 

ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข เปิดเผยว่าไทยได้หลุดพ้นอันดับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) จากท็อป 10 ลงมาอยู่อันดับที่ 12 ขณะที่สถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสฯในไทยพบเพิ่ม 1 คน เป็นชายอายุ 25 ปี อาชีพไกด์นำเที่ยวประเทศเกาหลี ได้รับการรักษาในห้องแยกโรค ที่สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งแพทย์สามารถติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดได้ 2 คน ส่วนเพื่อนร่วมทัวร์ และผู้สัมผัสบนเครื่องบินอยู่ในระหว่างการติดตามผนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า แม้จะพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสฯเพิ่ม 1 คน แต่วันนี้มีผู้ป่วยหายดีแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 1 คน เป็นหญิงนักท่องเที่ยวชาวจีน อายุ 30 ปี ซึ่งรักษาอยู่ที่สถาบันโรคทรวงอก เท่ากับว่าไทยพบผู้ป่วยหายดีแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 28 คนรักษาในห้องแยกโรคของโรงพยาบาลต่างๆ 13 คน รวมผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสฯสะสม 41 คน สำหรับผู้ป่วยที่ยังคงรักษาอยู่ในโรงพยาบาลนั้นทั้งหมดอาการดีขึ้นตามลำดับ ส่วนผู้ป่วยอาการหนัก 2 คน ที่รักษาในสถาบันบำราศนราดูร 1 คน เป็นผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยพยุงปอด อีก 1 คน ที่ติดเชื้อวัณโรคร่วมด้วย จากการตรวจจากห้องปฏิบัติการทั้ง 2 แห่ง ผลเป็นลบแล้ว รอการฟื้นฟูร่างกาย เช่นเดียวกับบุคลากรทางการแพทย์ รพ.เอกชน ซึ่งรักษาอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร ผลตรวจเป็นลบทั้ง 2 แห่ง รอการฟื้นฟูร่างกาย ทั้งนี้แม้พบผู้ติดเชื้อไวรัสฯเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยืนยันว่าไทยอยู่ในระยะที่ 2 ของการบริหารจัดการ

นอกจากนี้ขอทำความเข้าใจกับประชาชนว่าผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดของโรค ทุกคนไม่ใช่ผู้ป่วย หรือผู้ที่ถูกรับตัวเข้าไว้สังเกตอาการก็ไม่ใช่ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสฯทุกคน ขออย่ารังเกียจ อย่าตีตรา อย่าล้อเลียนผู้ป่วย ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดของโรค ขอให้เห็นใจ ส่งกำลังใจให้หายป่วย ทุกคนที่ป่วยและเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอยู่ในระบบเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับวันนี้มีข่าวดีอีก 1 เรื่อง คือ หลายหน่วยงานร่วมกันทำวิจัยวัคซีนต่อต้านโรคอุบัติใหม่(โควิด-19) โดยเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ องค์การอาหารและยา องค์การเภสัชกรรม ร่วมกับ มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัทไบโอเนทไทย จำกัด และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ลงนามร่วมกันทำวัคซีนจากองค์ความรู้ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน โดยขอเวลาศึกษาสักระยะ ด้านมหาวิทยาลัยมหิดล ยืนยันว่า มีความพร้อมเรื่ององค์ความรู้ รวมถึงห้องทดลองปลอดภัยสามารถทำงานวิจัยวัคซีนฆ่าเชื้อที่มีความรุนแรงได้ จึงยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือในการทำวัคซีนอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ

โพสท์โดย: NIXA
อ้างอิงจาก: https://www.xn--42c2dgos8bxc2dtcg.com/
ความคิดเห็น

ประกาศล่าสุดในบอร์ดเดียวกัน

2 ปีที่ผ่านมา
3 ปีที่ผ่านมา