ว่าด้วยเรื่องการจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ

จะเสียดอกเบี้ยทุกยอด ยกเว้นยอดที่มีโปร 0%

ถ้าจ่ายขั้นต่ำแล้ว รูดใหม่ไม่ฟรีดอกเบี้ยครับ

ถ้ามีหลายใบ ใช้ใบอื่นแทนครับ

ถ้าจ่ายแค่บางส่วน จะไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยแล้ว จนกว่าจะจ่ายหมดก่อน

ถ้าจ่ายเต็มหมดยอดใหม่ยอดเก่า  ส่วนของยอดเก่ามีดอกครับแต่ยอดเดือนใหม่จะปลอดดอกเบี้ย   ถ้าจ่ายไม่เต็มเจอดอกบานเลยครับ

หลักการคิดดอกเบี้ยของบัตรเครดิต ก็คือ  
ให้ใช้ก่อน แล้วคิดดอกเบี้ยทีหลัง
แต่มีระยะปลอดดอกเบี้ยให้

ระยะปลอดดอกเบี้ย หมายถึง ถ้าจ่ายเงินในระยะเวลาที่กำหนด 'แบบเต็มจำนวน"
จะไม่ต้องเสียดอกเบี้ย

แต่ถ้าจ่ายขั้นต่ำ หรือจ่ายมากกว่าขั้นต่ำแต่ไม่เต็มจำนวน
ก็จะถูกคิดดอกเบี้ย
สมมุติ  รูดบัตร 50,000  พอถึงกำหนดจ่ายเงิน จ่ายไป 20,000
ดอกเบี้ยที่จะเสีย เสียจากยอดเงินต้น 50,000
แต่บางคน คิดว่า จะเสียดอกเบี้ย เงินต้น
30,000(จาก50,000 - 20,000) ซึ่งไม่ใช่

ระยะการตัดรอบบิลของแบงค์ คือ 1 เดือน
แต่ ใน 1 เดือน อาจจะมีการตัดรอบบิล ลูกค้าแต่ละคน ไม่ตรงกัน  เช่น  
บางคน ตัดรอบบิลวันที่ 1- วันที่ 30
บางคน ตัดรอบบิลวันที่ 5 - วันที่ 4 เดือนถัดไป
เป็นต้น

ยกตัวอย่าง
ระยะปลอดดอกเบี้ย สูงสุด 45 วัน
สมมุติ ว่า
ใช้บัตรรูด   วันที่  1 ก.ย.
ตัดรอบบิล  วันที่ 30 ก.ย.
กำหนดจ่าย วันที่ 15 ต.ต.
นับจากวันที่ 1 ก.ย.-15 ต.ค. รวม 45 วัน
ถ้าจ่ายเงิน แบบเต็มจำนวน
ก่อนวันที่ 15 ต.ค.หรืออย่างช้าวันที่ 15 ต.ค.
จะไม่เสียดอกเบี้ยดอกเบี้ย
จะได้รับระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยสูงสุด 45 วัน

สมมุติว่า
ใช้บัตรรูด   วันที่ 30 ก.ย. ตอนเช้า
ตัดรอบบิล  วันที่ 30 ก.ย. ตอน23.59น.
กำหนดจ่าย วันที่ 15 ต.ค.
นับจากวันที่ 30 ก.ย.-15 ต.ค. รวม 11 วัน
ถ้าจ่ายเงิน แบบเต็มจำนวน
ก่อนวันที่ 15 ต.ค.หรืออย่างช้าวันที่ 15 ต.ค.
จะได้รับระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยสูงสุด 11 วัน

ดังนั้น ระยะปลอดดอกเบี้ยสูงสุด 45 วัน
หมายถึง มีระยะสูงสุด 45 วัน
แต่ ถ้าใช้ในวันอื่น ของรอบนี้ ระยะปลอดดอกเบี้ย ก็จะลดลง
จากตัวอย่าง จะเห็นว่า ถ้าจ่ายเงินแบบเต็มจำนวน วันที่ 15 ต.ค.
มีระยะปลอดดอกเบี้ย ขั้นต่ำ11วัน-สูงสุด45วัน

ซึ่งบางคน เข้าใจผิดว่า จะต้องได้รับระยะปลอดดอกเบี้ย 45 วันทุกๆครั้ง ซึ่งไม่ใช่

แต่ถ้ากดเงินสด จะเสียค่ากด 3% ทันที
และไม่มีระยะปลอดดอกเบี้ย
จะคิดดอกเบี้ยเป็นรายวันตั้งแต่วันที่กดเงิน