สาวสุดช้ำ ครอบครัวแตกเพราะมรดก ขายที่ 100 ไร่ล้านเดียว ถูกแม่ พี่ชายปิดบ้านซ้อม

guest profile image guest

กรณีหญิงรายหนึ่งโพสต์ข้อความเล่าเหตุการณ์ถูกแม่และพี่ชายหลอกเข้าไปทำร้ายร่างกายถึงภายในบ้าน เรื่องราวทั้งหมดเกิดจากพินัยกรรมที่ผู้เป็นพ่อได้เขียนทิ้งไว้ก่อนเสียชีวิต จากนั้นก็ทำให้ครอบครัวที่รักกันดีแตกแยก หลังพ่อเสียชีวิตลงนั้น

ล่าสุด นางสาวนุช อายุ 48 ปี ผู้โพสต์เรื่องราว เปิดเผยว่า ตนเองกับครอบครัวอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น จนกระทังช่วงที่พ่อเสียชีวิต 30 พ.ย. 2540 มีการทำพินัยกรรม 1 ฉบับ ระบุว่าโอนทรัพย์สินทั้งหมดให้คุณแม่ ยกเว้นที่ดิน 100 ไร่ใน จ ลำปาง ให้เป็นของลูก ๆ คือตนเองกับพี่ชายถือกรรมสิทธิ์คนละครึ่ง จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา พี่ชายต้องการขายที่ดินเพื่อแบ่งเงินกัน ขายให้กับลูกพี่ลูกน้องที่เป็นลูกต่างมารดาของพ่อเพียง 1 ล้านบาท ขายเพื่อให้จบ ไม่ได้ต้องการหวังกำไร จากนั้น ตนเองและพี่ชายแบ่งกันคนละ 500000 บาท

โดยผู้ซื้อได้โอนเงินให้ตน 500000 บาท ตนก็ได้เซ็นเอกสารโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้วครึ่งหนึ่งตามสิทธิ์ หลังจากนั้นแม่ทราบเรื่องการขาย จึงออกตัวไปคุยกับคนชื้อ ให้มีการจ่ายด้วยเช็คเงินสด สั่งจ่ายไปที่ชื่อของแม่ จำนวนเต็ม 1 ล้านบาท แต่ผู้ซื้อที่ดินบอกว่าจ่ายครึ่งหนึ่งมาให้ตนแล้ว ทำให้แม่และพี่ชายไม่พอใจ

 

ต่อมาวันที่ 5 พย 62 แม่ออกอุบายโทรมาให้เอาทรัพย์สินจากมรดกบางอย่างไปคืน อาทิ ลำโพงเก่าโบราณ และกระจกจากประเทศอิตาลี เพราะทรัพย์สินเหล่านั้นเป็นทรัพย์มรดก ตนเองก็ไม่ขัดข้อง พร้อมจะเอาไปคืน แต่แม่กำชับว่าให้ไปที่บ้านเพียงคนเดียว ห้ามใครติดตามไปด้วยเด็ดขาด วันรุ่งขึ้น 6 พย 62 ตนเองเดินทางไปพร้อมกับสามี แต่สามีจอดรถอยู่ที่ร้านกาแฟ ตนเองเอาของไปส่งคืนแม่เพียงลำพังในบ้าน มีคนรับใช้ 5 คนลงมาขนของ ตนเองไปนั่งคุยกับแม่ในบ้าน ซึ่งผ่านไป 15 ถึง 20 นาที ตนเองกำลังจะกลับ แม่บอกว่า จะรีบไปไหน คุยกันก่อน นานทีเจอกัน พร้อมสั่งให้คนใช้เอาน้ำและขนมมาเสริฟ ตนเองเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ เพราะหลังมีปัญหาเรื่องที่ดิน แม่ก็เปลี่ยนไป ไม่เคยทำดีกับตน จนผ่านไปอีกพักใหญ่ แม่บ้านมาบอกแม่ว่า คุณท่าน กลับมาแล้วค่ะ ตนเองเห็นท่าไม่ดี จึงรีบหยิบกุญแจ พร้อมกับเดินไปที่รถรีบขึ้นรถ ปิดกระจกล็อก พร้อมกับถ่ายคลิปเอาไว้ หลังจากนั้นกดลดกระจกเพื่ออัดคลิปเก็บเสียง พี่ชายตนเข้ามาหวังจะทำร้ายร่างกาย และต้องการยึดมือถือไปลบคลิป แต่ก็มีการยื้อกันไปมา

จากนั้น พี่ชายชกใบหน้าตน ทุบทำร้าย ตนเองถูกลากลงจากรถ แล้วทำร้ายร่างกายต่อ แม่ได้ออกมาสั่งให้ตนเองกราบขอโทษพี่ชาย ซึ่งตนเองตกใจกลัว อยากหลุดออกไปจากบ้าน จึงทำตามที่แม่บอก แต่ก็ออกไปไม่ได้ เพราะพี่ชายเอารถมาขวางปิดทางออกไว้ ตนพูดคุยขอร้อง ก็ไม่มีใครเปิดทางให้ จนมีจังหวะทีเผลอแอบหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องโทรไปขอความช่วยเหลือจากสามีที่อยู่ร้านกาแฟ สามีเข้ามาช่วยก็โดนพี่ชาย ทำร้ายร่างกายอีกคน ถูกจับทุ่มกับของอ่างบัวหน้าบ้าน ชกต่อย บีบคอ จนสามีเริ่มไม่ไหว ตนเองจึงหยิบท่อนไม้ฟาดพี่ชาย จากนั้นคนใช้ 4 ถึง 5 คน ก็มารุมล็อกเพื่อทำร้ายตนเองกับสามี ตนรีบคว้ากุญแจรีโมตบ้าน แอบเปิดประตู กระโดดขึ้นรถหนีออกมาได้

เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ตนเองถูกแม่แจ้งความ 3 ข้อหา 1 ทำร้ายให้ได้บาดเจ็บสาหัส 2 หมิ่นประมาทแม่ 3 หมิ่นประมาทพี่ชาย ยอมรับว่าจนถึงวันนี้ไม่สามารถที่จะพูดคุยหรือกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ ตนจึงโพสต์เรื่องราวให้ทุกคนรับรู้ว่า กิเลส ความโลภ เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ครอบครัวแตกแยก อยากให้มองถึงความเห็นอกเห็นใจกันด้วย

นายโตอายุ 54 ปี สามีของนางสาวนุช เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ ตนเองได้รับโทรศัพท์จากภรรยาให้ไปช่วยเหลือ หลังถูกทำร้ายร่างกาย จึงได้ต่อว่าพี่ชายของภรรยาว่า เขาเป็นผู้หญิง ทำไมถึงทำร้ายเขาแบบนั้น เป็นพี่น้องกันทำไมถึงไม่พูดกันดี ๆ พี่ชายของภรรยาก็ทำร้ายตนทันที จับเหวี่ยงไปฟาดกับอ่างบัวหน้าบ้าน กระชากลากถูไปตามพื้น ชกต่อยจนใบหน้ามีเลือดอาบ เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล บริเวณใบหน้าและหัวถูกทุบ คอถูกบีบ เอวเป็นรอยช้ำเขียว หัวเข่าฝั่งขวาเป็นแผลถลอกเปิดยาว

นอกจากนี้ ตนยังถูกแจ้งข้อกล่าวหา 5 ข้อ 1 บุกรุกบ้านคนอื่น 2 ทำร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ทำให้เสียทรัพย์ 4 หมิ่นประมาทแม่ 5 หมิ่นประมาทพี่ชาย ซึ่งในฐานะลูกเขย ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพราะเรื่องของพินัยกรรม

ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://www.siamnews.com/
ความคิดเห็น

ประกาศล่าสุดในบอร์ดเดียวกัน

3 ปีที่ผ่านมา
3 ปีที่ผ่านมา