สาวไทยในอังกฤษ!! เล่าประสบการณ์การติดโควิดและรักษาจนหาย

guest profile image guest

สาวไทยในอังกฤษ!! เล่าประสบการณ์การติดโควิดและรักษาจนหาย อย่างละเอียดมีข้อความว่า

เมื่อฉันติดโควิด

ก่อนอื่น ต้องขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ ( โดยเฉพาะพี่เหมียวกับแฝด ) ตอนที่เข้าโรงพยาบาลเพราะป่วย แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไรถึงต้องเข้าโรงพยาบาล ณ เวลานั้น
ตอนนี้อาการดีขึ้นจนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ

ตามสัญญา ที่ว่าถ้าปทิตตาหาย จะเขียนเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในประเทศอังกฤษ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่น ๆ จะได้เข้าใจกระบวนการเข้ารับการรักษาของที่นี่

ปทิตตาป่วยด้วยอาการปอดติดเชื้อและโควิดค่ะ คือตอนแรกคิดว่าเป็นภูมิแพ้ตามปกติ มีไข้ ไอ เลยกินยาแก้ไข้ แก้ไอ นอนอยู่บ้านตามปกติ ไม่ได้คิดอะไร

อาทิตย์แรกอาการทรง ๆ ยังไม่ได้คิดว่าตัวเองติดโควิด เพราะมีแค่ไข้กับไอเท่านั้น เลยปฏิบัติตามคำแนะนำของ NHS ซึ่งก็เหมือนกระทรวงสาธารณสุขบ้านเรา คือถ้ามีไข้ ให้กินยาพารา พักผ่อนให้มาก ๆ และห้ามออกจากบ้าน / ห้ามไปทำงาน 7 วัน หรือจนกว่าจะหาย ไม่มีอาการ / ห้ามไปโรงพยาบาล, อนามัย หรือสถานพยาบาลต่าง ๆ , แยกกันอยู่คนละที่กับสามี

แต่พอผ่านไป 2-3 วัน เริ่มมีอาการไอหนักเลยนัดพบหมอผ่านแอพ LIVI ซึ่งเป็นแอพการพบหมอผ่านวิดีโอคอล แต่ก็ต้องทำการกรอกข้อมูล บอกอาการ แล้วกดนัด แล้วระบบจะตอบกลับมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณจะต้องลงทะเบียนเป็นคนไข้กับ Medical Center ประจำเมือง เปรียบไปก็เหมือนอนามัยตำบลบ้านเราก่อนอ่ะจ้ะ ถึงจะสามารถใช้แอพนัดหมอได้

* การลงทะเบียน สำหรับเราซึ่งถือเป็นประชากรที่นี่ จะใช้หมายเลขประกันสังคม ( NI ) ไม่แน่ใจสำหรับนักเรียนที่มาเรียน ว่าใช้อะไรลงทะเบียน ใครมีความรู้รบกวนมาให้ความรู้ด้วยน้า *

นัดหมอแล้ว รอ 2 ชั่วโมง หมอก็โทรมา ( หมอคือใครว่างคนนั้นโทร จะเปลี่ยนหมอทุกครั้งที่นัด ไม่ใช่หมอคนเดิม ) ก่อนอื่นหมอจะถามชื่อ วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ ( จะถามทุกครั้ง เช่นกันกับตอนไปโรงพยาบาล ) แล้วเริ่มซักถามอาการ เราก็เล่าอาการไป หมอสรุปว่าอาจจะติดโควิดนะ ( แค่อาจจะ ) จากนั้นก็บอกแค่ให้เรากินพารา พักผ่อน อย่าออกจากบ้าน ให้แยกกันอยู่กับคนที่บ้าน ไม่มีการสั่งยา หรือ อะไรใด ๆ แล้วหมอก็วางหูไป อ่ะ ทำตามหมอสั่ง ก็กินยา รักษาตัวตามปกติ จนกระทั่งเข้าอาทิตย์ที่สอง

เริ่มเข้ากลางอาทิตย์ที่สอง อาการไข้เริ่มสูงจากปกติ ขึ้นไป 38-39 กินยาไข้ก็ลด ยาหมดไข้ก็มา แต่ที่ทรมานสุดคืออาการไอ ไอจนนอนไม่ได้ ไอจนฉี่เล็ด ไอจนเจ็บหน้าอก ปวดท้อง และปวดหลังแถวบั้นเอว เริ่มมีอาการหอบ เพื่อน กับ พี่ ที่ไทยก็ส่งหลังไมค์มาถามไถ่อาการและมีความเห็นตรงกันว่าน่าจะติดโควิดแล้วล่ะ แต่เราไม่มีอาการหลายอย่างที่บ่งบอกว่าเป็น เลยยังคิดว่าไม่น่าใช่

อาการเริ่มทรุด เริ่มมีอาการปวดตามข้อ จมูกไม่ได้กลิ่น ไม่สามารถรับรสอาหารได้ ไม่มีความอยากอาหาร กินอะไรเข้าไปก็อาเจียน สุดท้ายไอจนหายใจไม่ทัน เริ่มหายใจทางปาก นอนซม ไข้สูง

พอวันอาทิตย์ ( 12 เม.ย ) เริ่มรู้ตัวว่าไม่ไหวแล้ว ตื่นเช้ามาปุ๊บ นัดหมอผ่านแอพ ระหว่างที่คุยกับหมอ ก็ไอจนหอบ หมอเลยบอกว่าให้โทรสายด่วน NHS 111 เธอน่าจะไม่ไหวแล้ว บอกให้โทรทันที แล้วหมอก็วางหูไปเลย เราก็เลยโทรเข้าสายด่วน กดหลายทีจนได้คุยกับเจ้าหน้าที่ เค้าก็ถามวนลูป ชื่ออะไร วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ แล้วถามว่าโทรมามีอาการอะไรยังไง เราก็บอกไป ระหว่างที่คุยคือไอไม่หยุด จนคุยได้กระท่อนกระแท่น มีอาการหอบ เค้าบอกเธอดูแย่ ต้องไปโรงพยาบาล เดี๋ยวเค้าขอติดต่อโรงพยาบาลก่อน แล้วถามว่าเราสะดวกที่โรงพยาบาลไหน เราเลยบอก St.Peter Hospital เค้าบอกว่าเดี๋ยวติดต่อกลับ ถ้าหอบจนคิดว่าไม่ไหวให้เรียกรถพยาบาลเลย แล้วก็วางหูไป

อีนี่ก็นั่งรอเจ้าหน้าที่โทรกลับ รออยู่ประมาณ 15 นาที เค้าก็โทรกลับมา บอกว่าให้ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย มีใครไปส่งได้มั๊ย ห้ามนั่งรถสาธารณะ แท็กซี่ มานะ เลยหอบสังขารขึ้นไปปลุกสามีให้ไปส่งอย่างด่วน

เจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้ไปที่แผนกฉุกเฉิน แล้วจะเห็นป้ายแผนกโควิด ให้เข้าไปตรงนั้น นี่ก็ตรงดิ่งไปเลยจ้ะ

หน้าที่บอก ในขณะที่สามีก็ไปหาที่จอดรถ ไปถึงเจ้าหน้าที่พยาบาลก็ถามว่ามาทำไม แล้วก็วนลูปไปเหมือนเดิมชื่ออะไร บลา ๆ จากนั้นก็พาไปวัดไข้ วัดความดัน วัดค่าอ็อกซิเจน เค้าบอกว่าค่าอ็อกซิเจนเราดี ไม่ถึงขั้นต้องใส่สายอ๊อกซิเจน

จากนั้นก็ออกบัตรพาไปยังห้องตรวจโดยถือบัตรเคสส่งตัวเร่งด่วน เพราะเจ้าหน้าที่ได้ทำการแจ้งชื่อสำหรับเข้ารับการตรวจรักษาไว้แล้ว ถึงขั้นตอนนี้ นอกจากคนไข้ ญาติต้องไปรอตามสถานที่ที่เค้ากำหนดไว้ เราเลยเข้าห้องฉุกเฉินไปคนเดียว

ไปถึง เจ้าหน้าที่ให้ไปนอนบนเตียง มีการมาถามชื่อ วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ ( คือไม่ว่าหมอ , พยาบาล , ผู้ช่วย จะมาถามอาการ หรือให้ยา เค้าจะถามทุกครั้งนะ ฉะนั้นทำใจเตรียมตอบคำถามซ้ำ ๆ เราตอบไปมากกว่า 10 รอบนะวันนั้น 5555 ) ก่อนจะทำการวัดไข้ วัดความดัน

หมอคนแรกเข้ามา ถามอาการ โน่น นี่ นั่น ระหว่างนั้นเราก็ไอจนหอบ คือทุกครั้งที่เปิดปากพูดจะไอ เรารู้สึกแบบนั้น จากนั้นผู้ช่วยพยาบาลก็เอาชุดมาให้เปลี่ยน หมอเลยสั่งบุรุษพยาบาลให้มาทำการตรวจวัดหัวใจด้วยคลื่นไฟฟ้า เค้าก็เอาสติกเกอร์มาแปะที่บ่า หน้าอก ใต้ราวนม ท้อง แม้กระทั่งที่ขา ตามมาด้วยการวัดความดันอันแสนทรมาน ทำไมถึงทรมาน เพราะมันรัดเจ็บมาก เจ็บชนิดนิ้วหงิก ขยับไม่ได้ ต่อด้วยการเจาะเข็มต่อท่อ เพื่อเจาะเลือด อันนี้น่ากลัวมากสำหรับเรา เราเห็นเค้าสูบเลือดใส่ขวดขนาด 250 มล. ที่มียาอยู่จนเลือดขึ้นมาอยู่ที่เกือบครึ่งขวด จำนวน 2 ขวด กับ ในหลอดอีก 6 หลอดเล็ก

จากนั้นเค้าก็ทิ้งให้เรานอนรอ นอนอยู่ครึ่งชั่วโมง หมอคนที่สองก็มา หมอบอกว่าดูจากอาการน่าจะติดโควิดนะ ไข้ 38.4 แต่ความดันต่ำ เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่พาไปเอ็กซเรย์ปอด ก็รออีกประมาณ 15 นาทีถึงมีเจ้าหน้าที่มาพาไป

ไปถึงห้องเอ็กซเรย์เค้าก็พาไปยืนที่เครื่องเลย ตอนที่เค้าสั่งให้หายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วกลั้นหายใจ มันโคตรทรมานเพราะจะไอ ทนกลั้นจนทนไม่ไหว ไอจนตัวงอ หอบจนตัวโยน เจ้าหน้าที่ตกใจจนหาเก้าอี้มาให้นั่ง จากนั้นก็ให้นั่งรถเข็นพาส่งไปห้องเดิม

จากนั้นเราก็นอนรอผลเอ็กซเรย์ ระหว่างที่รอ หมอคนที่สามก็มาถามไถ่ หมอคนนี้ซักอาการพร้อมลงประวัติในสมุด น่าจะเป็นสมุดประวัติรักษาไข้ของเรานี่ล่ะ คุณหมอตรวจซะละเอียดยิบ ถามทุกสิ่ง เราก็บอกหมดเลย อาการที่เราเป็น ตรวจเสร็จ หมอบอกว่ารอผลเอ็กซเรย์ ซึ่งเร็วกว่าผลเลือด แล้วถึงจะบอกได้ว่าเป็นอะไรแน่ จะต้องนอนโรงพยาบาลมั๊ย เราก็เลยนอนรอแบบสงบ เล่นเกมตาจ้องตากับเจ้าหน้าที่ที่เดินวนไปเวียนมา แก้เบื่อ 5555

รออยู่เกือบชั่วโมง หมอคนที่สี่ก็มาแจ้งผล ว่าเธอน่าจะติดโควิด เพราะปอดมีจุดดำ ๆ ในฟิล์มเอ็กซเรย์จากที่ดูอาการ เธอดูแย่กว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นจะให้นอนโรงพยาบาลเผื่อฉุกเฉิน จากนั้นหมอก็สั่งให้เติมน้ำเกลือ ยาฆ่าเชื้อฉีดเข้าสายน้ำเกลือ ยาแก้อาเจียน ( มีถ้วยกระดาษให้ถือด้วย เผื่ออ้วก ) ให้กินยาแก้ไข้ และมีคนเข้ามาวัดความดันเป็นระยะ ปทิตตาเลยโทรบอกสามีให้กลับบ้านไปเลยเพราะต้องนอนโรงพยาบาลแน่นอนแล้ว

ระหว่างนอนเติมน้ำเกลืออยู่นั้น หมอคนที่ห้าก็มา มาถามไถ่อาการ บลา ๆ แล้วก็เดินจากไป มาเร็วเคลมเร็วมาก ตอนแรกคิดว่าเป็นคนไทยด้วยซ้ำ แต่ไม่น่าจะใช่ น่าจะแถบเอเชียเรานี่ล่ะ ขาวตี๋แต่ตุ้งติ้งนะ เราก็ไม่คิดอะไร นอนมองถุงน้ำเกลือ มองม่าน มองเพดาน มองไปทั่ว แก้เบื่อ หมอคนเดิมก็กลับมาพร้อมกับหัวหน้าห้องฉุกเฉิน เค้าก็มาถามอาการแล้วก็แจ้งผลต่าง ๆ แจ้งว่าจะส่งเราขึ้นวอร์ดหลังจากน้ำเกลือหมดถุงนะ ห้องที่เราไปอยู่มีอุปกรณ์ครบครัน ในกรณีที่เรามีอาการหัวใจวาย สามารถปั๊มได้ทันทีนะ แจ้งคนไข้ไว้ก่อน เราก็ ห๊ะ สรุปกรูเป็นไรแน่เนี่ย ถึงขนาดเตรียมพร้อมขั้นนี้

สรุปคือ ปอดมีจุดดำ / ไข้สูง / ไอหนัก / หายใจหอบ / ความดันต่ำ / เลือดเป็นกรด / มีอาการติดเชื้อ / วินิจฉัยว่าติดโควิด

สรุปตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาล จนถึงส่งตัวขึ้นวอร์ด เราอยู่ที่ห้องฉุกเฉินนี้เกือบ 5 ชั่วโมง

พอมาถึงห้อง โอ้โห วีไอพีแฮะ นอนคนเดียว มีห้องน้ำในตัว อุปกรณ์ช่วยชีวิตพร้อมมาก ระหว่างรอเจ้าหน้าที่มาปูเตียง ก็นั่งนิ่ง ๆ นึกในใจ กรูหิวข้าว ตั้งกะเมื่อวานยันวันนี้ ยังไม่ได้กินอะไรเลย เหมือนสวรรค์มาโปรด คุณผู้ช่วยก็เดินเข้ามาถามไถ่ ตามระเบียบ เช็กชื่อ บลา ๆ แล้วถามว่ามื้อกลางวันอยากกินอะไร เราเลยถามว่ามีอะไรมั่ง สรุปที่ปลาราดซอสกับมันบด บล็อกโคลี่และแครอทต้ม พร้อมของหวานเป็นไอศครีมวานิลลา

รอไม่นานคุณเค้าก็กลับมาพร้อมอาหารและเหยือกน้ำ ด้วยความหิว กินไปได้ 5 คำถ้วนแล้วก็อ้วก เลยไม่ฝืนกินต่อ ได้แต่รอแม่บ้านมาเก็บถาด คุณผู้ช่วยเค้าเห็นอาหารไม่พร่องเลยถาม ก็เลยบอกไปว่าหิวแต่กินไม่ได้ อาเจียน เค้าเลยจัดยาแก้อาเจียนมาฉีดอีกรอบพร้อมยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ไข้และเพนนิซิลิน พอเตียงเสร็จ เราก็ขึ้นนอนเลย กะว่าจะงีบซักนิด คุณผู้ช่วยอีกคนก็มาวัดไข้ วัดความดัน พร้อมเจาะเอาเลือดใส่หลอดไปตรวจอีกตามหมอสั่ง อ่ะ งีบได้ละมั๊งทีนี้ กะลังเคลิ้ม ๆ มาเลยจ้า เพื่อนร่วมวอร์ดให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ห้องนึงตะโกนเสียง แว๊ก ๆ ทุก 5 นาที อีกห้องตะโกนโหวกเหวกบอกพาฉันออกไปจากที่นี่ที อีกห้องกดกริ่งเรียกพยาบาลรัว ๆ พร้อมกับตะโกนว่า Help me ๆ มีแต่เสียงวิ่ง เสียงเดิน เสียงคุยกัน สรุปไม่ต้องนอนมันละ รอจนเย็น เค้าเอาข้าวเย็นมาให้ กินเสร็จ พยาบาลมาฉีดยา วัดไข้ วัดความดัน เจาะเลือด ไม่รู้ว่าเคลิ้มหลับไปตอนไหน ตื่นมาเพราะไอหนัก ๆ ถึงตอนนี้ไม่มีใครเข้ามาดูเรานะ นอกจากกดกริ่งเรียก ไอจนหอบก็ไอไป

เมื่อตื่นแล้วเลยโทรหาสามี บอกเล่าอาการ แบตก็จะหมด คลื่นโทรศัพท์ก็ไม่ค่อยมี โทรติดยากมากกกกก เลยขอพยาบาลชาร์จแบตให้ เผลอหลับไปและตื่นเป็นพัก ๆ เพราะพยาบาลมาวัดไข้ตอนเที่ยงคืน กับ ตีสามครึ่ง จากนั้นก็ไอแต่ก็พยายามหลับ ตีสี่ครึ่งเพื่อนร่วมวอร์ดก็เริ่มแว๊กเลยจ้ะ แว๊กทั้งวัน เราได้แต่ทำใจ คิดว่าโชคดีที่ไม่ได้อยู่ห้องรวมแบบชาวบ้านเค้า

เช้านี้พยาบาลมาวัดไข้ วัดความดัน ถามเรื่องอาหารเช้า เอามือถือที่ชาร์จแล้วมาคืนให้ จากนั้นเค้าก็มาขอกวาดคอ กวาดจมูกเอาไปตรวจหาเชื้อโควิด สายหน่อยมีเจ้าหน้าที่มาคุยเรื่องขอความร่วมมือเป็นอาสาสมัครทดลองการรักษาโรคโควิดด้วยวิธีต่าง ๆ ที่โรงพยาบาลนี้ไม่มีการใช้สเตอรอยด์ในการรักษา จับใจความได้แค่นี้ จากนั้นมีคุณหมอมาแจ้งผลตรวจเลือด แจ้งอาการและแนวทางรักษา ขอเจาะเลือดตรวจอีก และจะส่งไปเอ็กซ์เรย์อีกรอบ ในใจก็คิดจะเอาเลือดไปทำไรนักหนา หมอเป็นแดรกคูล่ารึเปล่าเนี่ย เอาวะ เอาเลือดชั่วออกมั่ง 5555 มีพยาบาลมาฉีดยาเข้าที่พุง ไม่รู้สำหรับอะไร แต่นี่แน่ ๆ เจ็บมาก แสบ และเค้าห้ามจับ เกา หรือสัมผัสตรงที่ฉีด ( พุงช้ำอยู่อีกอาทิตย์นึงหลังจากฉีด ) ในขณะที่อีกข้างมีหนุ่มน้อยมาเจาะเลือด แต่เจ้ากรรมนางทำหลอดแตก เลยต้องเจาะใหม่ เอาที่สบายใจเลยจ้ะ นอนไปซักพักก็มีเจ้าหน้าที่มา บอกว่าจะพาไปทำทีซีสแกน ไอ้เราก็นึกในใจ ผิดห้องป่าววะ หมอบอกไปเอ็กซ์เรย์นี่หว่า เค้าเข็นไปทั้งเตียงเลย แม่เจ้า เราไปนอนรออยู่เกือบชั่วโมง ทำทีซีสแกนแค่ 10 นาที ดีงาม 🙄🙄

จากนั้นก็กลับมาที่ห้อง ทันกินอาหารกลางวัน พักผ่อนเล็กน้อย ก่อนที่พยาบาลจะมาให้ยา ลืมบอกไป ยาทั้งหมดให้โดยการฉีดเข้าเส้นทั้งหมด ไม่มียาเม็ดกินนะ

ถึงตอนเย็นคุณหมอมาแจ้งผลต่าง ๆ และบอกว่าอาการโดยรวมเราดีขึ้น เราน่าจะไปรักษาตัวต่อที่บ้านได้ จะได้เอาห้องให้คนที่อาการหนักกว่าใช้ แต่ถ้าอาการกำเริบ ก็สามารถกลับมาได้ ( ใครจะอยากกลับล่ะหมอ แหม่ ) ณ จุดนี้เราเข้าใจและอยากกลับบ้านมาก เลยบอกหมอว่าเราขอกลับบ้าน ไม่มีปัญหา หมอจ่ายยาฆ่าเชื้อกะธาตุเหล็กมาให้กินต่อที่บ้าน

โทรบอกสามีมารับ หมอให้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เย้ ๆ

บอกรอยาแล้วกลับบ้านได้เลย ส่วนผลตรวจต่าง ๆ ที่ยังไม่ทราบผล เจ้าหน้าที่จะโทรแจ้งทางโทรศัพท์

เราก็เปลี่ยนเสื้อผ้า ขอบคุณทุกคนที่ดูแลเรา ทุกคนอวยพร ยิ้มแย้มโบกมือลา มีคุณผู้ช่วยเดินมาส่งจนถึงหน้าประตู

สามีมารับ ขับตรงกลับบ้าน คิดถึงเตียงจังเลย

ที่นี่ขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันสำหรับเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลยิ่งกว่าบ้านเราอีก เห็นละสงสารมาก แถมไม่ค่อยมีการบริจาคช่วยซื้ออุปกรณ์ให้แบบบ้านเรา ( ปล. รูปนี้ก่อนที่จะระบาดหนัก )

อย่างในรูป คือเอี๊ยมพลาสติกที่ใช้ในร้านค้า ทั้งที่ควรจะเป็นชุด PPE

นอกจากเอี๊ยมก็มีหน้ากากกับถุงมือ ไม่ว่าจะเป็นหมอ พยาบาล แม่บ้าน ผู้ช่วย ใส่เหมือนกันหมดนะ

ฉะนั้นขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ อยู่บ้าน จะได้ไม่แพร่เชื้อ ช่วยคุณหมอ พยาบาล กันนะ

ความคิดเห็น

ประกาศล่าสุดในบอร์ดเดียวกัน

3 ปีที่ผ่านมา
3 ปีที่ผ่านมา