เปิดหน้าเจ้าของที่แท้จริง สบู่เบนเนท

guest profile image guest

“อะไรดี บุ๋มก็ว่าดี” สโลแกนคุ้นหูที่เราคงจำได้ดีจากโฆษณาสบู่เบนเนท รู้หรือไม่ว่าคุณบุ๋มปนัดดาไม่ใช่เจ้าของ และสบู่ยี่ห้อนี้ขายดีมากก แล้วเจ้าของเป็นใคร ทำไมคนถึงนิยมใช้ ยอดขายสบู่ยี่ห้อนี้เป็นเท่าไร? เจ้าของสบู่ยี่ห้อนี้คือ บริษัท พาภิญโญ กรุ๊ป มีโรงงานตั้งอยู่ที่ ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม และ เจ้าของบริษัทคือ คุณ ชาย ปราบเล่ง

 

สินค้าที่ขายดีที่สุดของบริษัทคือสบู่ก้อน เบนเนท C&E ที่บริษัทที่ใช้โฆษณาเป็นหลัก โดยสรุปแล้วความนิยมของสบู่ยี่ห้อนี้น่าจะมาจากหลายส่วนผสมที่ลงตัว ดังนี้

1) พรีเซนเตอร์ เป็นคุณ บุ๋ม ปนัดดา สโลแกน “อะไรดี บุ๋มก็ว่าดี” เป็นสิ่งที่ทำให้คนจำแบรนด์นี้ได้ รวมถึง LOOK ของคุณบุ๋มก็เหมาะกับสินค้าชนิดนี้มาก และเจ้าของใจถึงในการใส่งบการตลาดทำให้เราได้เห็นโฆษณานี้บ่อย

2) สินค้าคนใช้ติดใจจริง เพราะ จุดเด่นอันดับต้นๆของสบู่ยี่ห้อนี้ ทุกคนบอกว่าใช้แล้วผิวขาว แม้ว่าสบู่นี้จะแรงอาจทำให้หน้าแห้ง แต่บางคนติดใจความขาวจนถึงกับยอมหน้าแห้ง แล้วทาครีมหลังจากใช้สบู่แทน

3) เมื่อติดใจก็บอกต่อคนอื่น พลังของการบอกต่อเป็นอีกแรงที่ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือของสินค้าได้เป็นอย่างดี ต่อให้เราได้เห็นโฆษณา 10 ครั้ง ก็ไม่น่าเชื่อถือเท่ากับเพื่อนเราบอกต่อแค่ครั้งเดียว

4) การทำการตลาดโดยเน้นคำว่าสมุนไพร และวิตามิน ทำให้คนเห็นถึงคุณค่ามากขึ้นกว่าสบู่ก้อนทั่วไปที่เป็นแบรนด์ต่างประเทศที่มีแต่ยี่ห้อ แต่ไม่ได้เน้นเรื่องสมุนไพรและความขาว ซึ่งสบู่เบนเนทตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ตรงกว่า

พอเรื่องเป็นอย่างนี้ก็ทำให้สบู่ยี่ห้อนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า บริษัทพาภิญโย ในปี 2558 มีรายได้มากถึง 659 ล้านบาท! สบู่ยี่ห้อนี้ขายดีมากจนแบรนด์ข้ามชาติต้องออกสินค้าคล้ายกัน ปีที่แล้ว Colgate ออก สบู่ก้อน Protex Thai Therapy และ ปีนี้ Unilever

ต้องออก สบู่ก้อนสมุนไพร Citra โดยสินค้านี้มีขายเฉพาะที่เมืองไทย เพื่อทำตามสบู่เบนเนทโดยเฉพาะ และยังมีผู้ประกอบการไทยที่ทำสบู่สมุนไพรขายหลากหลายยี่ห้อ เพราะอยากประสบความสำเร็จเหมือนยี่ห้อนี้

สบู่เบนเนทราคาขายปลีกก้อนละ 48 บาท ถ้าคิดว่าร้านค้าได้มาร์จิน 30% ดังนั้นราคาขายให้ร้านค้าน่าจะประมาณ 34 บาท เมื่อเรานำรายได้มาหารราคาต่อก้อน จะได้ตัวเลขที่น่าตกใจคือ ปี 2558 บริษัทขายสบู่ได้ 20 ล้านก้อน! ไม่แปลกใจเลยที่บริษัทเคลมว่าสบู่ของเขาเป็นสบู่ขายดีอันดับ 1 ของเมืองไทย ส่วนคู่แข่งของยี่ห้อนี้ในตลาดก็คงจะเป็น สบู่มาดามเฮงเมอรี่เบลล์ ที่ดังไม่แพ้กัน

ข้อดีของสินค้าดั้งเดิมอย่างสบู่คือเป็นตลาดที่ใหญ่อยู่แล้ว ถ้าสินค้าเราดีจริงอาจจะประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่า สินค้าแบบใหม่ที่ยังไม่มีตลาด และเราต้องเสียเวลากับการสร้างตลาดใหม่ด้วยตนเอง แต่ใครจะไปคิดว่าสบู่ก้อนจะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ทั้งๆที่คนทั่วไปเริ่มหันไปใช้สบู่เหลวกันแล้ว

เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้เริ่มต้นกิจการว่า บางทีสินค้าไม่จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีซับซ้อน แค่เริ่มจากสินค้าเดิมๆที่คนใช้อยู่ แต่หยิบมาปรับเปลี่ยนใหม่ให้ตรงใจผู้บริโภค เมื่อตอบโจทย์ได้ คนบอกต่อ มีการซื้อซ้ำ ร้านค้าก็อยากเอาสินค้าของเราไปขาย พอยอดขายมา กำไรก็ตามมา..

“บุ๋ม” รวยมาก สร้างเรือนหอ 100 ล้าน 12 ห้องนอน โวไม่โง่ให้ผู้ชายหลอก  ระดับ “บุ๋ม ปนัดดา” ไม่โง่ให้ผู้ชายหลอก! ยันสร้างเรือนหอ 100 ล้านเป็นชื่อลูกสาว รับรวยกว่า “เอก เอกริน” แต่ตนไม่สนฐานะอีกฝ่าย บอกหากหาคนรวยกว่าคงต้องเป็นมหาเศรษฐี เผยเคลียร์จบกรณีบล็อกเกอร์ดังแขวะหลอกลวงผู้บริโภคสเต็มเซลล์ อ้างสินค้าใช้ดีเพราะเป็นเจ้าของ

เป็นผู้หญิงที่มากความสามารถจริงๆ สำหรับสาว “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” เพราะนอกจากจะเป็นนักแสดงแล้ว ยังพ่วงตำแหน่งนักธุรกิจสาวที่จับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปเสียหมด ล่าสุดเตรียมไปลุยธุรกิจที่ประเทศกัมพูชาอีกแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เจ้าตัวเปิดเผยในงาน

จัดงานฉลองเปิดตึกทำการใหม่และงานฉลองครบรอบ ณ ซอยลาดปลาเค้า 14 โดยบอกว่าลงทุนเป็นหลัก 10 ล้าน และมองไกลถึงผลรายได้ในอนาคตถึงหลัก 100 ล้าน เพราะตนถือเป็นดีลเลอร์แต่เพียงผู้เดียวของประเทศกัมพูชาเลยทีเดียว พร้อมเผยความคืบหน้างานแต่ง บอกมัวแต่ทำงานจนลืม รับทุ่ม 100 ล้านสร้างเรือนหอ แต่ไม่โง่ให้ผู้ชายหลอกเพราะสร้างเป็นชื่อลูกสาว

“เมื่อวานเพิ่งบินไปกัมพูชาไปดูธุรกิจที่นั่น คิดว่าประมาณต้นปีหน้าก็คงจะเริ่มต้นได้ เป็นธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าค่ะ ที่มาจับธุรกิจด้านนี้อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นลู่ทางธุรกิจปนัดดาทำหมดค่ะ (หัวเราะ) น่าจะรู้จักนิสัยบุ๋มดี อีกอย่างเรามีเพื่อนที่ค่อนข้างจะมีคอนเนกชั่นใหญ่ในนั้น

ก็อยากจะเดินเข้าไปในธุรกิจที่แตกต่างด้วย อยากจะดูแลครอบครัวให้ได้ อยากให้ครอบครัวสุขสบาย โดยที่เรามานั่งมองว่าถ้าเกิดเรามาทำงานในวงการบันเทิงตลอดไป มันก็เป็นเรื่องที่สนุกนะ แล้วบุ๋มก็รักงานละคร รักงานพิธีกรมาก แต่จะให้ทำอาชีพนี้ได้อีกสักกี่ปีคือบุ๋มก็ไม่รู้ เพราะทุกวันนี้บุ๋มอยู่ถึงวันนี้ได้ก็บุญแล้วนะ”

“บุ๋มเป็นเจ้าของร้านเลยค่ะ เป็นเจ้าของธุรกิจและเป็นเจ้าของดีลเลอร์แต่เพียงผู้เดียวทั่วประเทศกัมพูชาค่ะ เพราะว่าประเทศกัมพูชาเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาไปเยอะมาก แล้วเขาใช้ระบบเงินสดเลย จะไม่มีระบบเงินเชื่อโดยเด็ดขาด ซึ่งก็โอเค ช่วงนี้ก็คงไปๆ มาๆ ค่ะ แต่คงไม่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่โน่นหรอก เพราะยังไงเราก็เป็นคนไทยเนอะ ชีวิตในเมืองไทยก็สุขสบายดี (ยิ้ม) ก็อยู่ที่นี่ดีกว่า แค่บินไปดูธุรกิจแล้วบินกลับจะง่ายกว่าค่ะ”

“คือมันเป็นการมองลู่ทางมากกว่า แล้วพอเราอายุมากขึ้นและมีจังหวะชีวิตที่ดีขึ้น เราจะมองจากธุรกิจที่แต่ก่อนว่าได้ล้านหนึ่งก็บุญแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ต้องเป็น 10 ล้าน 100 ล้าน เราก็ต้องมองอะไรที่ไปเรื่อยๆ ค่ะ เพราะลงทุนคราวนี้ก็หลาย 10 ล้านอยู่ค่ะ (ยิ้ม)”

เผยซื้อบ้าน 100 ล้าน เตรียมแต่ง “เอก เอกริน นิลเศรษฐี” เข้าบ้าน “ซื้อแล้วค่ะ อยู่แถวรามอินทราค่ะ 12 ห้องนอน ก็อยู่กันแม่ลูกสองคน แล้วก็มีพี่สาวหนึ่งคน ก็เลยว่าจะไปทุบบ้านแม่เพื่อให้แม่มาอยู่ด้วยค่ะ แล้วเดี๋ยวต้องมีคุณเอกอีก ก็แต่งคุณเอกเข้าบ้าน เพราะว่าห้องยังเหลืออีกเยอะ แล้วก็จะกลายเป็นห้องน้องหมาอีกหนึ่งห้อง มีสระว่ายน้ำอยู่ในบ้านค่ะ (ยิ้ม) ครอบครัวก็ยังเล็กเท่าเดิม

แต่บ้านใหญ่ขึ้น ก็เป็นเรือนหอด้วยค่ะ เพียงแต่ว่าบุ๋มจะตั้งมูลนิธิปีหน้า แล้วก็มีออฟฟิศไว้อยู่แล้ว คือเป็นบ้านที่สร้างเสร็จไว้แล้วค่ะ แต่คนเข้าอยู่น้อยมากและเขาไม่ค่อยได้ใช้งาน ซึ่งมันก็ค่อนข้างลงตัวกับเรา และเราเสื้อผ้าเยอะ ของใช้เยอะ และ 12 ห้องนอนก็น่าจะเหลือเฟือ”

“เนื้อที่ประมาณ 200 กว่าตารางวาค่ะ อยู่ใจกลางเมืองก็ค่อนข้างแพงหน่อยหนึ่ง ตอนนี้ยังไม่ได้ย้ายเข้าไปอยู่ค่ะ กำลังอยู่ในช่วงตกแต่ง เพราะบุ๋มเป็นคนที่ชอบอะไรที่มันสมบูรณ์พร้อม ก็กำลังแต่งห้องโฮมเธียเตอร์เพิ่มนิดหนึ่ง 100 ล้านนี่ก็รวมตกแต่งด้วยค่ะ บุ๋มจะเน้นข้างในบ้านมากกว่า”

บอกตนเป็นแม่บุญทุ่มให้ตัวเอง ยันไม่เคยโง่เสียเงินให้ผู้ชายคนไหนสักบาท “เงินตรงนี้ขอยืนยันว่าเป็นเงินบุ๋มทั้งหมด เพราะเป็นชื่อบุ๋มคนเดียว (ยิ้ม) แล้วก็โอนให้ลูกคนเดียว แต่ถามว่ากลัวคนจะมองคุณเอกอะไรยังไงไหม คือมันต้องเปรียบเทียบกันนะคะ เราไม่สนหรอกว่าคนอื่นจะมองยังไง แต่อย่างน้อยตัวคุณเอกเองต่างหากที่เราต้องแคร์ว่าเขามองยังไง

ถ้าต้องมานั่งเปรียบเทียบว่าผมได้รายได้น้อยกว่าคุณ บุ๋มก็คงหาผู้ชายยากมาก ก็พูดกันตรงๆ เนอะ เราก็คงต้องไปหาประมาณมหาเศรษฐี แต่พวกนี้เขาก็มีเมียกันหมดแล้วล่ะ (หัวเราะ) ดังนั้นขอผู้ชายสักคนที่อยู่เคียงข้างเรา รักเราจริงๆ คอยดูแลเราเวลาที่เราทุกข์ เวลาที่เราโดนข่าว เวลาที่เราโดนทำร้ายและเขาสามารถยืนเคียงข้างเราได้ บุ๋มขอแค่นั้นดีกว่าค่ะ”

“ถ้าคนจะมองว่าเราเป็นแม่บุญทุ่ม บุ๋มก็ทุ่มให้กับตัวเองค่ะ ทุกคนมาดูได้ค่ะว่าชื่อใคร (ยิ้ม) ขอโทษนะคะ ถ้าโง่คงจบไปนานแล้ว คงโดนผู้ชายหลอกไปเยอะแล้ว แต่นี่ไม่เคยมีใครได้จากดิฉันไปสักแดง ขอยืนยันนะคะ ล่าสุดถ้าเกิดเปรียบเทียบภาษีประจำปีคุณเอกมีรายได้น้อยกว่าก็จริง แต่รถของเขาก็เป็นชื่อดิฉันแล้วนะคะ (หัวเราะ) ไม่ยอมหรอกค่ะ”

“เรื่องข่าวพรีเซ็นเตอร์ คือบุ๋มได้เป็นพรีเซ็นเตอร์บางตัวที่หลายคนจะเข้าใจว่าบุ๋มเป็นเจ้าของเอง สมมติสบู่เบนเนท อันนี้บุ๋มเป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ รวมถึง Phyto SC Stem cell ซึ่งเป็นวิตามินเข้มข้น เราก็เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ แต่ส่วนใหญ่แล้วพอเวลาไปขายเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ บางทีพนักงานขายเขาก็เข้าใจผิดว่าบุ๋มเป็นเจ้าของ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะบุ๋มก็ใช้เองทุกผลิตภัณฑ์ บางทีคนที่เขาให้ความเห็นบางเรื่องเขาก็บอกว่า ใช่สิ บุ๋มก็ต้องบอกว่าดีสิเพราะว่าบุ๋มเป็นเจ้าของ บุ๋มก็เลยแค่ชี้แจงในจุดที่ว่าบุ๋มเป็นแค่พรีเซ็นเตอร์”

ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://thaimarketing.in.th/474239/
ความคิดเห็น

ประกาศล่าสุดในบอร์ดเดียวกัน

3 ปีที่ผ่านมา
guest Icon Covid19 - ฺBoy Anupong อ่าน 595 3 ปีที่ผ่านมา
3 ปีที่ผ่านมา
3 ปีที่ผ่านมา
3 ปีที่ผ่านมา
3 ปีที่ผ่านมา
3 ปีที่ผ่านมา