ตำแหน่ง อ1-อ5 เป็นตำแหน่งที่กำหนดให้ไปถึงระดับเขี่ยวชาญ คนที่มีคุณสมบัติจะต้องกระเสือกกระสนทำผลงานเพื่อแย่งชิงเอาเอง ผอ.กลุ่ม กับ จนท.ที่เป็นชำนาญการพิเศษ และมีตำแหน่งตรงตาม 5 ตำแหน่งดังกล่าว มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน
ยกตัวอย่าง กลุ่มแผน มี 7 คน (ตามกรอบ) ถ้าอยากจะมี 8 คน ไม่ ผอ.กลุ่ม ก็ จนท.ต้องทำเชี่ยวชาญให้ได้ ถ้าได้เชี่ยวชาญ แล้ว ตำแหน่งข้างบนก็จะลดลงไป เหลือ 4 ตำแหน่ง ตำแหน่งที่ลดลงไปนี้ ก็จะไปเพิ่มที่กลุ่มแผน รวมเป็น 8 คน แต่คิดว่ากรอบดังกล่าวคงไม่ผ่าน ก.ค.ศ. เพราะรู้สึกว่ามันจะสอดไส้ไว้เยอะ อาจจะต้องโดนตัดลงเหลือ ชช.แค่ 3 ตำแหน่ง
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่งให้ไปศึกษาหนังสือ ก.พ.ดู ว.17ลว.2ก.ค.51 ส่วนราชการจะมีจำนวน ตำแหน่งอะไรเท่าไร ขึ้นอยู่กับคุณภาพ และปริมาณของงาน จากอำนาจหน้าที่พันธกิจ กระบวนการก็ต้องมีการวิเคราะห์งานก่อน โดยดูจากข้อมูลสารสนเทศ(ผลจากการวิเคราะห์งานสามารถนำไปใช้ในการบริหารงานบุคคล อยู่ที่การกำหนดวัตถุประสงค์ว่าจะวิเคราะห์งานเพื่อเอาไปใช้อะไร จึงออกแบบเครื่องมือในการเก็บข้อมูล) ในการทบทวนการกำหนดกรอบอัตรากำลังของ สพท. สพฐ.ได้แต่งตั้งคณะทำงานไปวิเคราะห์งานหลายรอบแล้ว และได้ให้พวกเรามีส่วนร่วมในการเติมเต็มกระบวนการ กิจกรรม ขั้นตอนในการปฎิบัติงานนอกจาก ที่คณะทำงานได้วิเคราะห์ไว้
*ถ้าให้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ คณะทำงานมีเวลา และข้อมูลในการนำมาวิเคราะห์น้อยมาก เพราะแต่ละ สพท.ไม่จัดเก็บข้อมูลย้อนหลังในการปฎิบัติงานไว้ เขาจะใช้รอบจัดเก็บคือ 3 ปีย้อนหลัง และปัญหามากๆ ก็คือ สพท.ไม่ได้จัดทำมาตรฐานงานแต่ละกระบวนการและกิจกรรมไว้ เพราะฉะนั้นถ้าใช้เวลาในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลใช้เวลาแค่1 -2 เดือนนั้น จะได้ข้อมูลไม่ละเอียดพอ และปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือพวกเราไม่ให้ความสำคัญกับข้อมูล งานนะทำมากมาย แต่จัดเก็บไม่เป็นระบบ และบางครั้งก็ไม่เก็บอีกด้วย
**เพราะฉะนั้นปัญหาที่จะเกิดก็คือ การกำหนดตำแหน่งและอัตรากำลังครั้งนี้ก็ต้องใช้วิธี"สุ่ม เดา"กำหนดปัจจัยหรือตัวแปรที่คิดว่าน่าจะเป็น มากำหนด**
**ยังพอมีเวลาเหลือที่จะให้ข้อมูลกับ สพฐ.และสำนักงาน กคศ.ก่อนนำเสนอ ก.ค.ศ.มีมติบังคับใช้ ** ก็ช่วยกันคะ ใครมีช่องทางไหน มันส่งผลกระทบกับพวกเรา และท้ายสุดก็คือการให้บริการกับครู นักเรียนผู้ปกครองฯลฯ และประเทศชาติโดยรวม
กลุ่มเอชน 2** เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะเดิม กรอบมี 5 คน แต่มีตัวมีเงินแค่ 3 คน ดังนั้น จึงลดลง 1 คนครับ
กลุ่มการเงิน กลุ่มที่ 1 และ 2** มีจำนวนเท่ากันครับ เพราะจำนวน รร.เยอะก็ไม่ได้หมายความว่า เขตที่ รร.มีน้อยจะทำงานน้อยลง ก็ยังคงทำงานเท่าเดิม ถึงแม้ว่า รร.มัธยมจะลดลงก็ตาม
กลุ่มแผน ก็เช่นกัน เขต 1 และ หลายเรื่องเป็นตัวแทนกระทรวงศึกษา เช่นเรื่องการทำแผน ต้องทำแผนของเขต และแผนของจังหวัด บางครั้งพ่วงแผนกลุ่มจังหวัดอีกด้วย จึงได้มากกว่า กลุ่มที่ 2** 1 ตำแหน่ง
กรอบที่มาโพสต์ไว้นี่ ได้มาจากการเป็นคณะกรรมการ เป็นกรอบสุดท้ายที่จะนำเสนอ ก.ค.ศ. ครับ....ที่ผิดพลาด เพิ่งได้รับการประสานจากคณะทำงานก็คือ ตสน. จะมี 2 คน โดยตัดมาจากกลุ่มการเงิน 1 คน จำนวนโดยภาพรวมจะคงเดิม ไม่เพิ่ม ไม่ลด ตามร่างกรอบนีเลยครับ
ในส่วนเมื่อเข้าสู่ ก.ค.ศ.แล้ว ผลจะเป็นอย่างไร มีการแก้ไขหรือไม่ ก็ยากที่จะคาดเดา........ความจริงคนของสมาคมฯ ก็เป็นคณะทำงานอยู่หลายคน.......แต่ก็ไม่เห็นมีใครมาโพสต์ความเคลื่อนไหวให้ทราบเลย..........ร่วมด้วยช่วยกันหน่อยนะครับ
ตำแหน่ง อ.44 ในกลุ่มที่ 1 เป็นนักวิชาการฯ/เจ้าพนักงานฯ ที่กำหนดไว้ว่า "ว่างลงให้กำหนดเป็นนักวิชาการการเงินและบัญชี" ก้หมายความว่า เมื่อมีการจัดกรอบ ตำแหน่งดังกล่าวไม่มีผู้มีคุณสมบัติตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งลงได้ ก็ให้ จพง.เข้าไปนั่งตำแหน่งนั้น ๆ หากคนที่ไปนั่งเกษียณอายุ หรือตำแหน่งดังกล่าวว่างลงไม่ว่ากรณีใด ตำแหน่งดังกล่าว จะกลายเป็น นักวิชาการเงินและบัญชีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
กรณีเดียวกัน หากบุคลดังกล่าว นั่งครองไปเรื่อย ๆ และเรียนต่อ จนมีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งก็สามารถปรับเป็นนักวิชาการเงินและบัญชีได้ โดยความเห็นชอบของ อ.ก.ค.ศ. แต่ต้องขออนุมัติ ก.ค.ศ. เป็นราย ๆ ไป......ไม่มีอะไรมากไปกว่านนี้ครับ
กรุณาส่งร่างกรอบอัตรากำลังใหม่ให้ด้วย สำหรับ e-mail ค่ะ Araya1962@chaiyo.com ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
คุณ dusit2505 คะ ยังไม่ได้รับ ร่างกรอบอัตรากำลังเลยค่ะ ให้ e-mailใหม่อีกครั้งนะคะ araya1962@chaiyo.com ส่งให้ด้วยนะ รออยู่ค่ะ
ดร.พิษณุ ตุลสุข รอง เลขาธิการกพฐ แจ้งว่า ในเรื่องกรอบอัตรากำลังที่ต้องผ่านการพิจารณาจากสพฐ.ก่อนผ่านไปยังกคศ. ในฐานะที่ตนเป็นเจ้าของเรื่องและดูแลเรื่องนี้โดยตรง ขอยืนยันว่า กพฐ.มิได้มีการพิจารณาเรื่องนี้แต่อย่างใด และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงกรอบ อัตรากำลัง ขณะนี้สพฐ.และทุกภาคส่วนในกระทรวงศึกษาธิการกำลังยุ่งอยู่กับสถานการณ์อุทกภัยอย่างเดียว ส่วนเรื่องกรอบต้องรอนโยบายของรมว.ศึกษาธิการกรณีการแบ่งเขตพื้นที่ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และความชัดเจนหลังการเลือกตั้งซ่อม ส่วนที่มีการโพสต์ในเว็บต่างๆ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ใครก็โพสต์ได้ ที่สำคัญผุ้ที่โพสต์ต้องรับผิดชอบ หากมีการเข้าใจผิดและสอบถามมาที่สพฐ.
ความจริง...ผมทำลิงค์ไว้ให้แล้ว....แต่โดนผู้ดูแลเวปลบไป.....ไม่เข้าใจว่ามีเจตนาอะไร.....แถมตอนนี้โดนคุณวิษณุ...ขู่ว่าให้รับผิดชอบ หากมีการเข้าใจผิดและสอบถามมาที่สพฐ. ........น่ากลัวจริง ๆ
ทำไงดี....ถ้าโพสต์ไว้ก็กลัว........ทำลิงค์ก็จะโดนลบอีก........คงต้องพอแค่นี้ก่อนนะครับ........ปิดหู...ปิดตา.....อยู่มันแบบนี้แหละ
ขอบคุณท่านรองพิษณุและคุณวิษณุ ที่แจ้งความเคลื่อนไหวให้พวกเราทราบคะ
-ขณะนี้อยู่ช่วงบ้านเมืองไม่ปกติ พวกเราเป็นข้าราชการก็ต้องสำนึกถึงคุณของแผ่นดิน "ทำหน้าที่ของเรา" ให้ดีที่สุด และสร้างจิตสาธารณะที่ให้เหนื่อกว่าคำว่า "หน้าที่" ให้ได้ พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง เพื่อช่วยให้อุทกภัยครั้งนี้ผ่านไปด้วยดีและเร็วที่สุด แล้วค่อยหันกลับมาทบทวน เหตุแห่งภัยครั้งนี้ "ทุกคนมองต่างมุม แต่ขอให้มองในมุมบวกคะ" ไม่มีใครผิดใครถูก ทุกคนอยากให้ทุกเรื่องออกมาดีทั้งนั้นนะคะ ไม่โทษกันคะ เราทุกคนมีทั้งผิดและถูก ไม่มีใครไม่เคยทำผิด และไม่มีใครไม่เคยทำถูก เพียงเรามองคนละมุมเท่านั้น สุดท้าย เราเป้าหมายเดียวกัน "เด็กและประชาชนอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขทุกคน"
นายพิษณุ ตุลสุข รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกล่าวว่า ขณะนี้ได้มีผู้โพสต์ร่างกรอบอัตรากำลังบุคลากรทางการศึกษาอื่นบนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั้งประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ขึ้นเผยแพร่บนเว็บไซต์ในหลายๆหน่วยงานการศึกษาและหลายองค์กรครูและบุคลากรทางการศึกษา จนก่อให้เกิดความไขว้เขวและกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ในขณะที่ผู้อำนวยการกลุ่มงานบางเขตถึงกับเข้าใจผิดเตรียมตัวยื่นขอเลื่อนระดับของตน ซึ่งตนขอยืนยันว่า สิ่งที่มีผู้นำไปโพสต์นั้นเป็นเพียงสำเนาร่างเอกสารที่มีคนบางคนในคณะทำงานการจัดทำกรอบอัตรากำลังตามคำสั่งของสพฐ. ที่ดำเนินการผ่านเพียงขั้นตอนการระดมความคิดเห็นแต่ยังไม่ผ่านการวิเคราะห์ สังเคราะห์ วิพากษ์ตามขั้นตอนและฐานข้อมูลอื่นๆ ซึ่งตนในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากเลขาธิการกพฐ.ให้รับผิดชอบในเรื่องงานพัฒนาบุคคล ก็ยังไม่เคยเห็นเรื่องดังกล่าว “ข่าวเว็บไซต์ใครก็เขียนได้ เพียงแต่ข้อมูลที่นำเสนอนั้น มีฐานข้อมูลเท็จจริงอย่างไร ถูกต้องตามกฎหมายหรือระเบียบบริหารงานบุคคลหรือไม่ อย่างไร ซึ่งถ้าโพสต์แล้วทำให้เกิดความปั่นป่วน สร้างความสับสน ผู้โพสต์เผยแพร่ไม่ว่าเป็นใครก็ตามต้องรับผิดชอบและพร้อมที่จะถูกตรวจสอบถึงเหตุผลของการโพสต์ สพฐ.จะมีกระบวนการสอบสวน แต่เบื้องต้นนี้ตนขอยืนยันว่า เรื่องกรอบอัตรากำลังบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค (2 ) ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเคลื่อนไหวใดใดทั้งสิ้น ข่าวมีการเพิ่ม ลดตำแหน่ง ปรับระดับซีให้สูง ให้ต่ำ ที่มีการโฆษณาชวนเชื่อใดๆออกมา สพฐ.ไม่เคยเห็นเรื่องและถ้าเป็นไปตามกรอบนั้นจริงๆก็คงไม่ผ่านง่ายๆเพราะต้องผ่านกระบวนการทางระเบียบกฎหมายอีกหลายขั้นตอน เนื่องจากเป็นเรื่องส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของคนจำนวนมากกว่าหมื่นคนทั่วปรเทศ” นายพิษณุ ตุลสข กล่าวต่อไปอีกว่า สพฐ.ยืนยันที่จะเอาใจใส่ ดูแลและเร่งรัดจัดการในเรื่องกรอบอัตรากำลังบุคลากรบนสพป./สพม.โดยเร็วซึ่งตนเคยดูแลรับผิดชอบในเรื่องบุคลากร ของสพฐ.และรองลขาธิการ ก.ค.ศ. เข้าใจปัญหาและความต้องการของบุคลากรทางการศึกษาอื่นเป็นอย่างดี เพียงแต่ช่วงนี้ทุกภาคส่วนกำลังอยู่ในช่วงแก้ปัญหาวิกฤตน้ำท่วม ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องดูแล ช่วยเหลือและเยียวยา รวมทั้งโรงเรียน หน่วยงานการศึกษา ครู นักเรียนที่รอรับความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนมีเป็นจำนวนมาก หากเสร็จสิ้นภารกิจเรื่องน้ำท่วม ตนจะได้ดำเนินการเร่งรัดสำนักที่เกี่ยวข้องนำเรื่องของบุคลากรทางการศึกษาอื่นบนสพป./สพม.มาตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบ กฎหมายอย่างรวดเร็ว เป็นธรรมและสอดรับกับความต้องการของบุคลากรสวนใหญ่อย่างจริงจัง ก่อนที่จะเสนอก.ค.ศ.พิจารณาดำเนินการต่อไป
เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน นายพิษณุ ตุลสุข รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ตั้งคณะทำงานมีตัวแทนจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เพื่อจัดทำร่างกรอบอัตรากำลังถาวรของ สพม. 42 เขต หลังใช้กรอบอัตรากำลังชั่วคราวครบกำหนด 1 ปีตามกำหนด โดยการพิจารณากรอบอัตรากำลังถาวรดังกล่าว อาจส่งผลให้ต้องมาพิจารณากรอบอัตรากำลังของ สพป.เช่นกันว่าควรต้องเท่าเดิมหรือควรลดลงนั้น ขณะนี้ทราบว่าคณะทำงานบางคนนำสำเนาร่างเอกสารกรอบอัตรากำลังของ สพป.และสพม.เผยแพร่ตามเว็บไซต์ต่างๆ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้างว่ามีการลดอัตราเหลือ 56 คนและ 50 คน ตามลำดับประเภทของเขตพื้นที่ฯ และมีการขยายเพดานระดับของผู้อำนวยการกลุ่มเชี่ยวชาญใน 5 กลุ่ม คือ นิติกรนักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักวิชาการศึกษา นักทรัพยากรบุคคล และนักวิชาการตรวจสอบภายใน ทั้งที่ยังเป็นเพียงการระดมความคิดเห็นที่ยังไม่ผ่านการวิเคราะห์สังเคราะห์ตามขั้นตอนและฐานข้อมูลอื่นๆซึ่งตนในฐานะที่รับผิดชอบงานพัฒนาบุคคลก็ยังไม่เคยเห็นเรื่องนี้
"ร่างกรอบอัตราดังกล่าว ทำให้เกิดความไขว้เขวและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในเขตพื้นที่ฯ รวมถึงมีการทำหนังสือโต้แย้งร่างกรอบอัตรากำลังของบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค(2) ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนเขตพื้นที่ฯ มาที่ สพฐ.และสำนักงาน ก.ค.ศ. ขณะที่ผู้อำนวยการกลุ่มงานบางเขตพื้นที่ฯ ถึงกับเข้าใจผิดเตรียมตัวยื่นขอเลื่อนระดับ (ซี) ของตนเองดังนั้นขอชี้แจงว่าร่างกรอบอัตรากำลังบุคลากรทางการศึกษาอื่นยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น ที่มีข่าวการเพิ่มลดตำแหน่ง ปรับซีให้สูงให้ต่ำ สพฐ.ไม่เคยเห็นเรื่อง และถ้าเป็นไปตามกรอบนั้นจริงๆ ก็คงไม่ผ่านง่ายๆ เพราะต้องผ่านกระบวนการทางระเบียบกฎหมายอีกหลายขั้นตอนเนื่องจากส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของบุคลากรมากกว่าหมื่นคนทั่วประเทศ" นายพิษณุกล่าว และว่า สพฐ.จะดูแลและเร่งรัดเรื่องนี้โดยเร็ว เพียงแต่ช่วงนี้ทุกภาคส่วนกำลังอยู่ในช่วงแก้ปัญหาวิกฤตน้ำท่วมที่เป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องดูแล ช่วยเหลือและเยียวยา รวมทั้งโรงเรียน หน่วยงานการศึกษา ครู นักเรียนที่รอรับความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนมีเป็นจำนวนมาก หากเสร็จสิ้นภารกิจเรื่องน้ำท่วมแล้วจะเร่งรัดหาข้อสรุปโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน ก่อนนำเสนอสำนักงาน ก.ค.ศ.และ ก.ค.ศ.พิจารณาตามลำดับต่อไป
ด้านนางศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการก.ค.ศ. กล่าวว่า ก.ค.ศ.ยังไม่ได้กำหนดกรอบอัตรากำลังบุคลากรทางการศึกษาอื่น เพราะต้องรอให้ สพฐ.เสนอกรอบที่ไปดำเนินการมาให้ก่อน จากนั้น ก.ค.ศ.จึงจะนำมาวิเคราะห์กันต่อไป
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน
ขอร่างกรอบสพป.ด้วยค่ะ