การลงลายมือชื่อรับรองการจ่ายเงิน

การเดินทางไปราชการ ใช้รายงานการเดินทางตามแบบที่กระทรวงการคลังกำหนด 
การจัดซื้อวัสดุ ต้องปฎิบัติ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยปกติ ต้องดำเนินการตามข้อ 27 ก่อน ยกเว้นกรณีตามมาตรา 39 วรรค 2 เท่านั้น
การจัดซื้อวัสดุแล้วไปเขียนในรายงานการเดินทางจึงทำไม่ได้ครับ
คุณต้องแยกกันให้ออกนะครับ เพราะใช้ระเบียบต่างกัน การไปซื้อวัสดุเจ้าหน้าที่พัสดุ ต้องทำรายงานขอซื้อตามข้อ 27 ก่อน เมื่อได้รับอนุมัติแล้วจึงดำเนินการจัดซื้อ กรรมการตรวจรับ ใช้ใบเสร็จรับเงิน พร้อมเอกสารต่าง ๆ ส่งใช้ใบยืมครับ

การจัดซื้อได้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการพัสดุเรียบร้อยค่ะ (ตามข้อ 27 ) และคณะกรรมการได้มีการตรวจรับพัสดุเรียบร้อย โดยการดำเนินการจัดหานั้น จนท.ผู้เดินทางไปราชการครั้งนี้ได้รับแต่งตั้งให้เป็น หน.เจ้าหน้าทีพัสดุเพื่อจัดหาพัสดุ พร้อมให้มีการยืมเงินออกไปจ่ายด้วย และในการยืมเงินจะมีการยืมค่าเดินทางและค่าวัสดุในสัญญาเดียวกัน สำหรับการเบิกใน GF จะแยก ขบ. เพราะแหล่งของเงินต่างกัน  ข้อสงสัย อยู่ที่ว่าปกติแล้วการจ่ายเงินทุก ๆ รายการ เจ้าหน้าที่การเงินจะต้องรับรองในหลักฐานการจ่ายเงินทุกฉบับ แต่เนื่องจากการส่งใช้ใบสำคัญดังกล่าว ในแบบ 8708 ส่วนที่ 2 ซึ่งเป็นหลักฐานการจ่าย จะแสดงรายการได้เฉพาะค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าเดินทางเท่านั้น จึงมีข้อสงสัยค่ะว่าแล้วค่าวัสดุล่ะ จนท.การเงินจะต้องรับรองในหลักฐานการจ่ายอะไร จะรับรองในใบเสร็จที่ จนท.ผู้ยืมเงินเป็นผู้จ่ายถูกต้องหรือไม่ หรือรับรองเฉพาะค่าเดินทางอย่างเดียว 

เวลาส่งใช้เงินยืม ก็ต้องส่งรายงานการเดินทาง กับรายการจัดซื้อวัสดุให้เจ้าหน้าที่การเงิน  การเงินก็นำไปลงบัญชี บันทึกใน GF หลักฐานการจ่าย การเงินก็บันทึกจ่ายเงินแล้ว  ลงชื่อก็จบ ใบเสร็จรับเงินถือเป็นหลักฐานการจ่ายครับ
ผมว่าคุณคงเข้าใจผิดในเรื่องการรับรองในหลักฐานการจ่ายแล้วละครับ  ถ้ามีการยืมเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม 1วัน พอส่งใช้ใบยืม ก็จะมีใบเสร็จรับเงินของโรงแรม เป็นค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม ค่าอาหารกลางวัน 1 ใบ ใบสำคัญรับเงินวิทยากร 2 ใบ
เป็นหลักฐานส่งใช้เงินยืม  เจ้าหน้าที่การเงินก็เขียนในใบเสร็จรับเงิน และใบสำคัญรับเงินว่า จ่ายเงินแล้ว  ลงชื่อเจ้าหน้าที่การเงิน ก็เสร็จแล้วครับ เหมือนกันครับ ยืมเงินใบซื้อวัสดุ ก็จะได้ใบเสร็จรับเงินมาแนบ